รีวิว Plantronics BackBeat FIT 3100: หูฟัง True Wireless เพื่อคนออกกำลังกาย ใส่สบายเหมือนไม่ได้ใส่!
Our score
8.6

Plantronics BackBeat Fit 3100

จุดเด่น

  1. ใช้งานต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมง ชาร์จเพิ่มผ่านกล่องได้อีก 2 ครั้งอีก 10 ชั่วโมง
  2. วัสดุคล้องใบหูดี ใส่แล้วสบายจนเหมือนไม่ได้ใส่
  3. กันน้ำ (หรือเหงื่อ) ได้อย่างหายห่วง
  4. การเพิ่ม/ลดเสียงเข้าใจง่ายและยังสามารถเปลี่ยนเป็นฟีเจอร์อื่นๆ ให้เหมาะกับการออกกำลังกายได้ (บอกเวลา, จับเวลา, เช็คปริมาณแบตเตอรี่ ฯลฯ)
  5. ดูวิดีโอเสียงไม่แลค/ดีเลย์

จุดสังเกต

  1. ไม่เหมาะกับการใช้คุยโทรศัพท์
  2. ไม่มี Noise Cancelling (ทั้งรูปแบบดิจิทัลและวัสดุของตัวหูฟัง)
  3. ไม่มีอะไหล่สำรองมาให้
  4. ต้องเลือกว่าจะให้การแตะเป็นเพิ่ม/ลดเสียง หรือจะใช้ฟีเจอร์ต่างๆ
  • คุณภาพเสียง

    7.5

  • คุณภาพวัสดุ

    10.0

  • ความคล่องตัวในการใช้

    10.0

  • ความสามารถในการคุยโทรศัพท์

    7.5

  • ความคุ้มค่า

    8.0

AirPod อาจเป็นผู้นำเทรนด์ของ True Wireless หรือหูฟังไร้สายโดยสมบูรณ์ (ไม่มีสายเชื่อมหูซ้ายหูขวา ฯลฯ) แต่ก็ใช่ว่าหูฟังของทางแอปเปิ้ลนี้ จะเป็นหนึ่งในหล้าของตลาด เพราะในตอนนี้หลากหลายแบรนด์ก็ได้มีโปรดักส์รูปแบบดังกล่าวเป็นของตัวเองที่ก็แน่นอนละว่ามีดีกันคนละแบบจนแอบสงสารผู้บริโภคที่ต้องตัดสินใจเลือกซื้อกันเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ ทางแบไต๋ของเราเลยอยากที่จะสร้างความลำบากใจให้กับทุกคนเข้าไปอีกขั้น (ฮา) ด้วยการนำเสนอรีวิว Plantronics BackBeat FIT 3100 อีกหนึ่งหูฟัง True Wireless อันเด่นชัดด้านการออกกำลังกายที่เจ๋งเอามากๆ แต่จะให้สรุปรวบยอดความดีงามในย่อหน้าเดียวมันทำไม่ได้หรอก ขอเชิญอ่านรายละเอียดทั้งหมดในบทความเลยครับ


ถึงกล่องจะใหญ่ แต่ชาร์จไฟได้เยอะนะ!

เมื่อเราแกะกล่องผลิตภัณฑ์ออกมาเรียบร้อยเสร็จสรรพ เราก็จะเจอกับกล่องใส่หูฟังที่ซ้ำยังไว้ชาร์จไฟไปในตัวที่ใหญ่เอามากๆ โดยในกล่องนั้นจะมีแค่สองสิ่งคือหูฟังทรูไวเลสและสายชาร์จหัว Micro Usb ที่อยู่ในช่องกระเป๋าฝาปิดบน ไม่มีอะไหล่เสริมใดๆ (ตัวเปลี่ยนจุกหูฟัง ฯลฯ) ตอนแรกเราคิดว่าเปิดกล่องมาจะเจออภิมหาสิ่งของละลานตาเสียอีก แต่ช่างเถอะอันนั้นไม่ใช่หลักใหญ่ใจความ เพราะสิ่งที่มันแล่นเข้าในหัวเราเลยเมื่อเห็นกล่อง คือ “ถ้าเอาไปใส่ไว้ในกางเกงกีฬาในขณะที่ออกกำลังกาย มันคงจะดูตุงๆ ใหญ่ๆ เหมือนพกอะไรมากินตอนวิ่งไปพลางๆ แน่เลย” แต่เอาเป็นว่าจุดนี้เราจะไม่เอามาใช้เป็นข้อสังเกตและข้อดีของหูฟังนี้เพราะถึงแม้มันจะมีขนาดใหญ่ก็จริง แต่เราๆ ก็คงจะไม่พกไปใช้ในขณะที่กำลังออกกำลังกายด้วยอยู่แล้วละ

แต่สิ่งที่เรารู้สึกพอใจกับกล่องเก็บที่ซ้ำไว้ชาร์จไปในตัวนี้ก็มีอยู่หลายอย่างเหมือนกันนะ ทั้งเรื่องของแบตเตอรี่ที่เจ้ากล่องเก็บใบนี้สามารถสำรองไว้ได้ถึง 10 ชั่วโมงซึ่งเมื่อรวมกับระยะการใช้งานของหูฟังที่ได้ 5 ชั่วโมง เราก็จะสามารถใช้งานหูฟังได้ถึง 15 ชั่วโมงเลยละ (แต่ต้องแบ่งชาร์จเพิ่มครั้งละ 5 ชั่วโมงนะ) และไหนจะด้านดีไซน์ของกล่องเองที่ภายนอกเป็นรูปทรงวงรีแบบเรียบๆ และช่องเก็บหูฟังข้างในที่ดูสะอาดตาเมื่อเรานำหูฟังกลับเข้าที่ หนำซ้ำเรายังเช็คได้อีกว่าแบตเตอรี่สำรองเหลือเท่าไหร่ด้วยการกดปุ่มตรงกลางระหว่างช่องเก็บหูฟัง

วัสดุคล้องหูแน่นและผ่อนคลาย ใส่เหมือนไม่ได้ใส่

ดีไซน์ภายนอกของตัวหูฟัง Plantronics BackBeat FIT 3100 ไม่ได้สวยงามตามเทรนด์อะไรใครเขาหรอกครับ แต่สิ่งที่เรารู้สึกชอบเอามากๆ ก็คือ “การออกแบบตัวคล้องหูและวัสดุที่ใช้” ที่เข้าใจสรีระของหูและการเคลื่อนไหวเวลาออกกำลังกาย ทำให้รู้สึกสบายใบหูมากเมื่อสวมใส่ โดยในตอนที่เราเอาไปทดลองใช้วิ่งออกกำลังกาย เราคลำจับหูฟังบ่อยมาก ไม่ใช่เพราะมันไม่แน่นหรือรำคาญหูนะ แต่มันมีความรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรจนเราพะวงว่ามันจะตกไปตอนไหนหรือเปล่าต่างหาก 

แถมไอความสบายหูที่ว่ามันยังไม่จบแค่ใบหูรอบนอกของเรา แต่ยังรวมไปถึงรูหูข้างใน เพราะ Plantronics BackBeat FIT 3100 เป็นหูฟังประเภท Ear Bud ที่ตัวหูฟังจะสอดเข้าไปแค่ในช่วงต้นของรูหู ไม่ได้เป็นจุกที่สอดเข้าไป มันเลยยิ่งทำให้เราไม่พบเจอความลำคาญใดๆ ในส่วนนี้เลย ซึ่งนี่แหล่ะคือจุดเด่นที่สุดของหูฟังตัวนี้ที่แมทช์กับการใช้ออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง

ทุกย่านเสียงดีและเคลียร์ แต่เบสเฉยๆ

(อ่านความสำคัญของ Bluetooth Codec ตัวแปรสำคัญกำหนดคุณภาพเสียงได้ที่นี่)

Plantronics BackBeat FIT 3100 ให้ภาพรวมเสียงทั้งหมดได้ดีโดยเฉพาะเสียงแหลมสูง ระยะกลาง และไดนามิกซ์หรือการไต่ระดับเสียง อีกทั้ง Codec หรือฟอร์แมตเสียงที่หูฟังคู่นี้รองรับ ก็เป็น AAC ที่มีคุณดีกว่าฟอร์แมตเสียงหูฟังไวเลสโดยสามัญอย่าง SBC ทั้งๆ ที่ใช้บิตเรตไม่ต่างกันมาก (แต่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อก็ต้องรองรับ AAC ด้วยนะ) แถมเมื่อผนวกกับการที่หูฟังคู่นี้เป็น Bluetooth 5.0 ที่การสตรีมมิ่งสัญญาณเสียงรูปแบบต่างๆ จะถูกลำเลียงออกมาต่อได้เนื่องมากขึ้นที่ก็ได้ส่งผลให้อาการเสียงไม่ตรงกับภาพ (Audio Lag) ในการรับชมวิดีโอนั้นหายไปในหูฟังคู่นี้

แต่จุดที่ดูจะเป็นข้อสังเกตของ Plantronics BackBeat FIT 3100 คือเสียงเบสที่ทำได้ในระดับกลางๆ อีกทั้งด้วยความที่ตัวหูฟังนั้นไม่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนหรือที่เรียกว่า Noise Cancelling ทั้งในรูปแบบดิจิทัล (Active) และจากวัสดุ (Passive) เลยทำให้เสียงโดยรอบทั้งหลายเข้ามาแทรกอรรถรสในการรับฟังเสียงเพลงของเรา แต่หากวัดจากจุดประสงค์ของหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายเป็นหลัก มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทางแบรนด์คิดมาแล้วว่าเหมาะสมกับการออกกำลังกายที่เรายังพอมีสมาธิคอยระมัดระวังสภาพแวดล้อมโดยรอบ

และในเมื่อเป็นหูฟังประเภทบลูทูธ เราก็ต้องมาทดสอบการใช้คุยโทรศัพท์เสียหน่อย Plantronics BackBeat FIT 3100 สามารถเอาไปใช้ในส่วนนี้ได้ดีในระดับหนึ่งหากไม่มีตัวแปรใดๆ อาทิ คลื่นสัญญาณโทรศัพท์มีน้อย, คุยอยู่ในบริเวณที่มีคลื่นสัญญาณต่างๆ แทรกเยอะ ฯลฯ แถมหูฟังคู่นี้ก็ยังมีข้อดีตรงที่เราจะได้ยินเสียงของผู้สนทนาจากหูฟังทั้งสองข้าง (ปกติหูฟังไวเลสจะได้ยินข้างเดียว) แต่ยังไงเสีย ถ้ามือไม้สะดวกไม่ได้ขับรถขับราก็คุยแนบหูปกตินั่นแหละดีสุดแล้ว

ส่วนเรื่องของการป้องกันน้ำและกันฝุ่น หูฟังตัวนี้ก็สามารถกันได้ตามมาตรฐาน IP57 คือจมน้ำลึกได้ 1 เมตรและอยู่ได้นาน 10 นาที ส่วนด้านฝุ่นก็กันได้ในระดับหนึ่งแต่ก็มีเล็ดเข้าไปได้อยู่ แต่อย่าเอาไปใส่ว่ายน้ำละ เพราะฟังก์ชั่นกันน้ำมันมีไว้รักษาหูฟังของเราในกรณีเกิดอุบัติเหตุ (ร่วงหล่นลงน้ำ ฯลฯ)

การควบคุมการทำงานเบื้องต้นของหูฟังที่เข้าใจคิดและสามารถปรับเปลี่ยนได้ผ่านแอป

เป็นอีกหนึ่งจุดที่ Plantronics BackBeat FIT 3100 เข้าใจคิด แถมยังเข้ากับจุดประสงค์ของตัวหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อคนออกกำลังกายเป็นหลัก โดยการควบคุมค่าเริ่มเบื้องต้นของหูฟังนั้น การเพิ่มและลดเสียงจะเป็นการแตะ (Tap) ไปที่หูฟังข้างซ้าย การเพิ่มจะเป็นการแตะเพียงหนึ่งครั้งที่จะได้ระดับเสียงขึ้นมาหนึ่งต่อการแตะ ในขณะที่การลดเสียงจะเป็นการแตะค้างให้เสียงลดลงเรื่อยๆ จนกว่าเราจะหยุดแตะ

ตรงจุดนี้เราว่าเข้าใจคิดมากๆ เพราะการปฎิสัมพันธ์กับสิ่งรอบข้างมันควรจะทำได้รวดเร็ว ส่วนการเข้าสู่โลกส่วนตัวในตอนที่ออกกำลังกายเราว่าเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องรีบเอาปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ส่วนการเปิด/ปิดหรือหาสัญญาณ Bluetooth ก็ไม่ได้เด่นอะไร แค่กดค้างที่ตัวหูฟังเฉยๆ ข้างไหนก็ได้

แต่หากใครไม่ถนัดลดเสียงหูฟังฝั่งซ้ายก็สามารถเข้าไปปรับแต่งการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นกลางของทางค่าย Plantronics อย่าง BackBeat ที่ก็เลือกตั้งค่าได้ตั้งแต่ภาษาของเสียงที่แจ้งเตือนการทำงานหูฟังของเรา (ที่มันเจ๋งตรงที่เสียงไทยเป็นค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว!) หรือแสดงแบตเตอรี่คงเหลือเป็นระยะเวลาหรือเปอร์เซ็นต์ เป็นต้น แต่จุดเด่นจริงๆ ของแอปนี้ คือ My Tap หรือตั้งค่าการแตะหูฟังของเราเพื่อเลือกใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ที่สอดคล้องและสนับสนุนการออกกำลังกายได้สองคำสั่ง (แตะหนึ่งครั้ง และแต่ะสองครั้ง) ไล่ตั้งแต่ การบอกจำนวนแบตเตอรี่ที่เหลือ, บอกเวลา ณ ตอนนั้น, จับเวลา, การเลือกเพลย์ลิสใน Spotify ฯลฯ

 

 

 

 

 

แต่กระนั้นในส่วนของแอปนี้ก็ข้อสังเกตอยู่ นั่นคือเราไม่สามารถใช้งานการใช้งานค่าเริ่มต้นของหูฟังอย่างการเพิ่ม/ลดเสียงไปพร้อมกับฟีเจอร์ทั้งหลายที่ตั้งไว้ใน My Tap ได้ ต้องเลือกเอาว่าจะให้การแตะเป็นการทำงานแบบไหน แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวแอปก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไรขนาดนั้น เพราะเราสามารถสลับสับเปลี่ยนเลือกการทำงานได้ด้วยการกดเพียงครั้งเดียวและรอให้แอปสลับโหมดเพียง 2 – 3 วินาที

นี่คือหูฟังเพื่อการออกกำลังกายที่เราแนะนำ!

โดยรวม Plantronics BackBeat FIT 3100 คือหูฟัง True Wireless ที่เหมาะสมกับการใช้ร่วมกับการออกกำลังกายโดยถ่องแท้ ด้วยวัสดุและการออกแบบสายคล้องหูที่ไม่ก่อให้เกิดความอึดอัดหรือลำคาญใดๆ กับใบหูของเรา, คุณภาพเสียงที่อยู่ในเกณฑ์ดีและซ้ำยังไม่ปิดตายเสียงของโลกภายนอกเพื่อให้เราระแวดระวังรอบข้างได้อยู่ แต่กระนั้นหากใครจะเอาไปใช้รับอรรถรสในเสียงดนตรีอย่างเต็มขั้น หรือนำไปใช้รับสายโทรศัพท์เราไม่แนะนำ