[รีวิว] The Perfection: ไต่กราฟ ค่อย ๆ เหวอขึ้นทีละนิด
Our score
7.8

The Perfection

จุดเด่น

  1. หนังหลอกล่อคนดูด้วยการนำเสนอหลากแนว
  2. ใช้เมืองจีนได้แปลกตา
  3. หักมุมระหว่างทางได้น่าสนใจ

จุดสังเกต

  1. โปรดักชั่นดูธรรมดา
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.0

  • นักแสดง

    7.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    7.5

  • ความสนุก

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    8.0

เรื่องย่อ

ชาร์ลอต อัจฉริยะทางดนตรีที่กำลังเจอปัญหาหนัก (อัลลิสัน วิลเลียมส์) ออกตามหานักดนตรีดาวรุ่งซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนเก่าของเธอนาม ลิซซี่ (โลแกน บราวนิ่ง) แต่ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวในภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดในเทศกาล Fantastic Fest ปีที่ผ่านมา

Play video

นี่คือหนังของผู้กำกับ ริชาร์ด เชเพิร์ด ที่เคยมีผลงานจาก The Matador (2005) แล้วหลังจากนั้นก็จะเน้นไปทางทีวีซีรีส์เป็นหลักเสียมากกว่า อย่างตอนไพล็อตของซีรีส์รางวัลลูกโลกทองคำ Ugly Betty  และบางตอนของซีรีส์ Criminal Minds ด้วย สำหรับเรื่องนี้เชเพิร์ดได้หันมาทำหนังแนว The Twilight Zone ที่เต็มไปด้วยปริศนา ความลึกลับ และเหวอรับประทานในบางจังหวะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็แสดงความวิปริตของจิตใจมนุษย์

หนังใช้เวลาช่วงแรกกับการปูเรื่องที่ค่อนข้างยาวและน่าเบื่อนิด ๆ โดยการปูความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก ทั้ง 3 ตัวอันได้แก่ ชาร์ลอต ลิซซี่ และอาจารย์ที่สอนดนตรีให้กับทั้งคู่อย่าง แอนทอน (สตีเวน วีเบอร์) ผู้ซึ่งนิยมความสมบูรณ์แบบและสามารถทำโรงเรียนดนตรีให้มีชื่อเสียงระดับโลก จนกระทั่งหนังเข้าส่วนที่ 2 ที่เริ่มความลึกลับเมื่อลิซซี่และชาร์ลอตออกเดินทางไปยังชนบทของเมืองจีน และลิซซี่เกิดป่วยเหมือนติดเชื้อบางอย่าง ทำให้เธออาเจียนออกมาเป็นหนอนแมลง ทั้งยังมีแมลงชอนไชออกจากแขน ทำให้ลิซซี่ต้องตัดสินใจตัดมือตัวเองเพื่อรักษาชีวิต โดยชาร์ลอตทำได้เพียงยืนมองอย่างตื่นกลัว หลังจากนั้นหนังจึงทวีความน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีการเฉลยปมบางอย่างและเปิดปมใหม่ ๆ เข้ามา


หนังใช้เทคนิคการรีเวิร์สเหตุการณ์ เพื่อกลับไปเฉลยเรื่องราวบางอย่าง และใช้การแบ่งเป็น 4 ช่วงคั่นด้วยชื่อตอนที่สื่อความหมายอย่างลึกซึ้งกับเรื่องราว การพูดถึงเรื่องราวมากกว่านี้จะทำลายอรรถรสในการรับชม คงพูดได้เพียงว่าเป็นหนังที่ดูสนุกขึ้นเรื่อย ๆ และใช้การนำเสนอหลอกล่อด้วยหนังหลากแนว พาร์ทแรกเหมือนหนังดราม่าวงการดนตรีที่มีการทำลายกันและกัน พาร์ทต่อมาเหมือนหนังสยองปริศนา พาร์ทที่สามเหมือนหนังล้างแค้น และพาร์ทสุดท้ายที่เป็นบทสรุปก็แปลกประหลาดเหมือนหนังไซไฟสยองขวัญ

นักแสดงหลักทั้งสองคน อย่าง อัลลิสัน วิลเลียมส์ จากหนัง Get Out (2017) ต้องเล่นเป็นนักดนตรีอัจฉริยะที่ปัจจุบันตกอับและก้ำกึ่งว่าเธอยังมีจิตปกติอยู่หรือไม่ เมื่อต้องเฝ้าไข้แม่ที่ป่วยหนักแต่เด็กและค่อย ๆ เห้นแม่โทรมลงจนตายจากไป ในขณะที่ ลแกน บราวนิ่ง ในบทดาวรุ่งที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูงก็ทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่ความน่าจดจำนั้นต้องยกให้ อัลลิสัน และบทครูดนตรีอย่าง วีเบอร์ มากกว่า

สามารถรับชมได้ทางเน็ตฟลิกซ์ที่นี่เลย https://www.netflix.com/watch/80211638