เมื่อพูดถึงเกมหนึ่งเกมที่น่าสนใจ ต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ที่นอกจากระบบการเล่น กราฟิกที่สวยงาม เนื้อเรื่องที่น่าสนใจแล้ว อีกสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือประวัติความเป็นมาของตัวละครที่นักพัฒนาสร้างขึ้นมา ที่ส่งผลต่อความคิดของตัวละคร และสิ่งที่เขากระทำในเกมที่เราเล่น ซึ่งการกระทำบางอย่างที่ตัวละครบอกเราหรือสิ่งที่เขาทำนั้น บางทีมันก็ดูขัดกับสิ่งที่เขาทำ ยกตัวอย่างในซีรีส์เรื่องดังอย่าง  The Boys ที่เล่าเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่ที่ปกป้องโลก แต่ความจริงกลับแอบแฝงเรื่องเลวร้ายเอาไว้ เมื่อคิดได้แบบนั้นตัวละครในเกมหลาย ๆ ตัวที่เรารู้จัก ก็อาจจะแอบแฝงเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ก็ได้ เรามาดูกันว่ามีตัวละครไหนบ้าง ที่ต่อหน้าเป็นคนดีปกป้องโลก แต่ความจริงกลับแอบแฝงอะไรไว้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นเล่น ๆ สนุก ๆ เท่านั้น ไม่ใช่การอ้างอิงว่าคือความจริงแต่อย่างใด เรามาดูกันว่ามีตัวละครอะไรบ้างที่น่าจะเป็นแบบนั้นมาดูกัน

แผนแกล้งทำเป็นถูกจับ Princess Peach จากเกม Super Mario

Princess Peach จากเกม Super Mario

เริ่มต้นตัวละครแรกกับตัวแม่แห่งวงการเกม ที่เธอนั้นจัดให้เป็นต้นแบบของหญิงสาวสดใสไร้เดียงสา ที่ถูกจับตัวบ่อยเป็นอันดับหนึ่งของวงการเกม ที่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Princess Peach แห่งอาณาจักรเห็ด ที่เราทุกคนคงจะทราบกันอยู่แล้ว ว่าเธอนั้นมักจะถูกเจ้า Bowser จับตัวไปเป็นเจ้าสาวครั้งแล้วครั้งเล่า จนเราอาจจะเกิดความสงสัยว่าเธอนั้นจงใจให้ถูกจับตัวไปเองรึเปล่า ? เพราะหลาย ๆ ครั้งที่เจ้า Bowser เข้าไปจับเจ้าหญิงนั้น มันช่างง่ายแสนง่าย แถมพอจับไปแล้วเจ้า Bowser ก็ไม่เห็นจะทำอะไรเธอเลย จะมีก็แค่จับใส่กรงหรืออยู่ในห้องไม่เคยทำอะไรเธอเลย

Princess Peach จากเกม Super Mario

หรือเจ้าหญิงเธอกำลังเรียกร้องความสนใจจาก Mario ที่มาช่วยรึก็ไม่น่าจะใช่ เพราะหลาย ๆ ครั้งที่ Mario เมื่อช่วยเธอสำเร็จ ก็มักจะได้การหอมแก้มบ้างกอดบ้างเป็นรางวัลเท่านั้น ขณะที่เจ้า Bowser ต้องสูญเสียลูกน้องไปมากมาย รวมถึงข้าวของที่บ้านเรือนที่พังเพราะฝีมือของ Mario ที่ผ่านมาช่วยเจ้าหญิง หรือนี่อาจจะมีแผนทำลายเจ้า Bowser โดยแกล้งทำเป็นโดนจับ เพื่อให้ Mario มาบุกฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้พังพินาศ นับเป็นการยืมมือ Mario ทำลายอาณาจักรคู่แข่ง เพื่อขยายดินแดนของตนเอง  เพราะดูเหมือนเจ้า Bowser จะมีอาณาจักรเยอะเมื่อดูจากเกมหลาย ๆ ภาค ที่มีปราสาทของ Bowser ตั้งอยู่ตามที่ต่าง ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าหญิงเธอก็ช่างน่ากลัวจริง ๆ

Princess Peach จากเกม Super Mario

ทำไมถึง Dr. Right ถึงดัดแปลง RockMan

Dr. Right ถึงดัดแปลง RockMan

เมื่อพูดถึงเกมในซีรีส์ RockMan หรือ MegaMan เชื่อว่าใครหลายคนต้องรู้จักตัวละครที่เป็นผู้สร้าง RockMan ในเกมนี้อย่าง Dr. Right เป็นอย่างดี เพราะเขานั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า ที่สร้างหุ่นยนต์ออกมามากมาย โดยมี RockMan คือหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดตัวหนึ่ง เมื่อเทียบกับฝ่ายตรงข้ามอย่าง Dr. Wily ที่เป็นคู่แข่ง ที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง Dr. Wily ก็ไม่เคยเอาชนะหุ่นของ Dr. Right ได้เลย แม้จะเอาหุ่นยนต์ของนักวิทยาศาสตร์คนอื่นมาสู้ ไปจนถึงหุ่นของ Dr. Right เองมาใช้สู้กับ RockMan เองก็ยังแพ้

Rockman

เหมือนเป็นการบอกว่า RockMan นั้นสมบูรณ์แบบที่สุด นี่ยังไม่นับการอัปเกรดตัว RockMan ให้เก่งขึ้นในทุก ๆ ภาค ที่ถ้าดูในมุมปกติ Dr. Right ก็เหมือนคนดีที่ช่วยโลกจากนักวิทยาศาสตร์ที่ชั่วร้าย แต่ถ้ามองกลับกันละ ถ้าสิ่งที่ Dr. Right ทำคือการโฆษณาตัวเอง บอกว่าฉันเก่งที่สุดฉลาดที่สุด หุ่นยนต์ที่ฉันสร้างสุดยอดที่สุด จนคนทั้งโลกต่างยกย่องเชิดชู เหมือนเป็นการโฆษณาโปรโมทตัวเอง โดยใช้ RockMan เป็นตัวสร้างชื่อ ที่พอพูดถึง RockMan ที่เป็นหุ่นยนต์ผู้กล้าที่ปกป้องโลก ทุกคนก็ต้องคิดถึง Dr. Right ที่เป็นคนสร้าง จนทำให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่นอิจฉา เลยให้ Dr. Wily เป็นหัวหอกในการแข่งขันครั้งนี้ก็เป็นได้

Dr. Right ถึงดัดแปลง RockMan

Chris Redfield กับความเกลียดชัง Umbrella จากเกม Resident Evil

Chris Redfield

ทำไม Chris Redfield ถึงเกลียดและอยากทำลาย Umbrella ? มันคือคำถามที่หลายคนสงสัย ทั้งที่ตัวของเขานั้นก็ไม่น่าจะมีความหลังฝังใจอะไรกับ Umbrella เพียงแค่หน่วยพิเศษที่ถูกหลอกให้หนีตายในฝูงสัตว์ประหลาด พอรอดชีวิตไปได้ Chris เราก็สาบานกับตัวเองและทุ่มเทชีวิตเพื่อทำลาย Umbrella ที่ดูจากเนื้อเรื่องเกม เราจะพบว่า Chris นั้นตามสืบตามจี้ Umbrella จนขนาดสร้างหน่วย BSAA ขึ้นมา เพื่อยับยั้งอาวุธชีวภาพทั่วโลกเลยทีเดียว

Chris Redfield

ซึ่งที่ Chris เจอมานั้นก็ไม่ต่างกับตัวละครคนอื่น ๆ ในเกมเจอมา บางคนเจอหนักกว่าด้วยซ้ำ แต่ตัวละครเหล่านั้นกลับมีความคิด และเหตุผลที่รองรับได้น่าเชื่อถือกว่า Chris ยกตัวอย่าง Claire ที่เลือกทำงานใน TerraSave เพื่อช่วยเหลือผู้คน Leon ที่เป็นสายลับที่ช่วยปกป้องผู้คนทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้แต่ Jake ที่ออกเดินทางไปเรื่อย ๆ เพื่อช่วยผู้คน ต่างกับ Chris ที่เหมือนจะพุ่งชนวิ่งเข้าหาทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ นี่ยังไม่นับการอาสาขอติดตามหน่วยนั้นหน่วยนี้ เพื่อไปปราบเชื้อไวรัสตามที่ต่าง ๆ แบบไม่เชิญข้าก็ขอติดไปด้วย และหลาย ๆ ครั้งลูกน้องของเขาก็มักจะตายหมดเกือบทุกครั้ง บางครั้งพี่แกรอดตายคนเดียวก็มี คุณคิดว่ามันแปลกไหม ? รึว่า  Chris เราคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายทั้งหมดในเกม Resident Evil หรือสิ่งที่เขาทำนั้นคือการกำจัดคู่แข่งทางการตลาดทิ้งไป เพื่อตัวเองจะได้เป็นเจ้าตลาดในวงการค้าอาวุธชีวภาพคนเดียวก็เป็นได้ มันน่าคิดแบบนั้นจริง ๆ

Chris Redfield

Xuchilbara เป้าหมายของเทพเจ้าในเกม Silent Hill

Xuchilbara เป้าหมายของเทพเจ้าในเกม Silent Hill

เชื่อว่าหลายคนที่ไม่ได้เล่นเกม หรือเจาะลึกเข้าไปในตัวเกมซีรีส์ Silent Hill คงไม่ทราบมาก่อนว่าเกมนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับพระเจ้า และการสร้างโลก Silent Hill ซ่อนอยู่ในเกมภาคต่าง ๆ ที่บอกกับเราผู้เล่นเกมว่า ในอดีตมนุษย์นั้นเป็นอมตะฆ่าไม่ตาย ทั้งสองฝ่ายต่างทำสงครามที่ไม่มีจุดสิ้นสุด จนบุรุษถวายงูพิษแด่ดวงอาทิตย์เพื่อหวังการหลุดพ้น สตรีถวายต้นหญ้าเพื่อขอความสุขใจ เมื่อได้รับคำขอพระเจ้าจึงถือกำเนิดขึ้นมา และส่ง  Xuchilbara และ Lobsel Vith ลงมาชี้ทางพร้อมกับดึงความเป็นอมตะจากมนุษย์ไป จนเมื่อพระเจ้าทั้งสองตาย ท่านก็สัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้ง นั่นคือเป้าหมายและสิ่งที่ตัวร้ายในเกม Silent Hill พยายามทำมาตลอด นั่นคือการปลุกพระเจ้าที่ชื่อ Lobsel Vith ขึ้นมา

ขณะที่มิติ Silent Hill นั้นเกิดจากพลังของ Xuchilbara ที่เราเจอในเกม (แปลว่าเทพตายองค์เดียว) เมื่อคิดแบบนั้นก็เริ่มสงสัยว่าทำไม  Xuchilbara ถึงไม่อยากให้  Lobsel Vith คืนชีพ ทั้งที่ทั้งคู่ก็เป็นเทพในอดีตที่คู่กัน มองในมุมดีก็คงจะเป็นเพราะ Xuchilbara ต้องการให้โลกสงบสุข ถ้า Lobsel Vith เกิดขึ้นมาโลกจะเกิดหายนะ ซึ่งในบันทึกก็ไม่ได้บอกเอาไว้แบบนั้น  หรือเพราะว่า Xuchilbara นั้นไม่อยากโดน Lobsel Vith มาแย่งอำนาจบนโลก เลยพยายามขัดขวางไม่ให้ฝ่ายตัวร้ายปลุกเทพ Lobsel Vith ขึ้นมา และเมื่อเราย้อนกลับไปช่วงแรก ที่หญิงสาวขอความสุขใจจากเทพเจ้า จนได้เทพ Lobsel Vith (อ้างอิงจากเพศหญิง ส่วน Xuchilbara คือเพศชาย) ยิ่งเป็นเป็นการตอกย้ำว่า Xuchilbara ไม่ต้องการให้มนุษย์สุขใจรึเปล่า อันนี้ก็น่าคิดมาก ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมมันกลับย้อนแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนเราไม่กล้าฟันธงว่าเทพทั้งสองนั้นจะดีกับมนุษย์จริง ๆ รึเปล่านั่นก็เป็นอีกประเด็นที่น่าคิดไม่แพ้กัน

Lara Croft กับของสะสมที่สามารถทำลายโลกได้ จากเกม Tomb Raider

Lara Croft

คุณเคยเล่นเกม Tomb Raider บ้างไหม ? ถ้าเคยเล่น คุณคงจะทราบดีว่าในทุก ๆ ภาคนั้นตัวของ Lara Croft จะตามหาสมบัติโบราณต่าง ๆ ตามเนื้อเรื่องในเกม ที่บางสิ่งนั้นมีพลังในการปกครองหรืออาจจะทำลายโลกได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าสุดท้ายคนที่ได้ไอเทมนั้น ๆ ไปคือ Lara แล้วหลังจากนั้นอาวุธเหล่านั้นไปไหน ? Lara เก็บเอาไว้อย่างดีในห้องนิรภัยของเธอ  หรือเอาไปเก็บไว้ในที่ซึ่งมันควรอยู่ ? นั่นคือคำถามที่น่าสงสัย ว่าสุดท้ายแล้วของเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน หรือ Lara จะเก็บเอาไว้เองเพื่อเป้าหมายบางอย่างรึเปล่า ซึ่งถ้าวันไหน Lara เกิดอยากครองโลกขึ้นมา เธอก็แค่เอาหนึ่งในสมบัติเหล่านั้นมาใช้ ก็สามารถครองโลกได้เลย รึนั่นคือเป้าหมายของเธอกัน

Lara Croft

เป้าหมายของเหล่านักวิทยาศาสตร์ในเกมซีรีส์ Pokemon

เป้าหมายของเหล่านักวิทยาศาสตร์ในเกมซีรีส์ Pokemon

เชื่อว่าเกมเมอร์หลาย ๆ คนที่ได้เล่นหรือรู้จักเกมในซีรีส์ Pokemon คงจะทราบดีว่าตอนเริ่มต้นของเกมนั้น เราจะได้รับ Pokemon ตัวแรกจากดอกเตอร์ที่ให้เราออกเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ เพื่อเป้าหมายที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมสมุดพก Pokemon ไปจนถึงการเดินเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างที่เกมกำหนด ซึ่งคุณเคยสงสัยกันไหม ว่าพวกเขาให้เราทำแบบนี้ไปทำไม ? เพราะทุกครั้งทุกภาคที่เราออกเดินทาง เราต้องไปเจอกับแก๊งนั่นแก๊งนี่ที่จะครองโลก หรือทำสิ่งไม่ดีทุกครั้งไป เหมือนกับดอกเตอร์เหล่านั้นแอบส่งเราไปเพื่อไปขัดขวางแก๊งพวกนั้น ซึ่งถ้ามองในแง่ดีมันก็คือการช่วยโลก หรือมันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

เป้าหมายของเหล่านักวิทยาศาสตร์ในเกมซีรีส์ Pokemon

แต่ถ้ามองในแง่ที่ไม่ดีละ ดอกเตอร์เหล่านั้นจะมีอะไรแอบแฝงรึเปล่า ? นี่ยังไม่นับตอนที่เราชนะการแข่งขันจนเป็นแชมเปียน Pokemon ดอกเตอร์เหล่านั้นก็จะมาแสดงความยินดีกับเราด้วย เหมือนเป็นการโฆษณาตัวเองว่าเด็กปั้นของฉันได้เป็นแชมเปียน Pokemon เลยนะ เพื่อโฆษณาตัวเองเพื่อสร้างเครดิตในหน้าที่การงานให้ตัวเอง ขณะที่เขาเหล่านั้นแทบไม่ทำอะไรเลย เพียงแค่ให้ Pokemon ตัวเดียวตอนเริ่มเกม นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ ในการสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง กับการหลอกใช้เด็กสองคนไปทำงานให้

ผู้กล้าในเกม Dragon Quest การลงทุนที่เหนื่อยแต่คุ้มค่า

Dragon Quest

ที่ใดมีแสงสว่างที่แห่งนั้นย่อมมีความมืดแอบแฝงอยู่ เป็นคำกล่าวที่สื่อความหมายในเกมซีรีส์ Dragon Quest ได้เป็นอย่างดี เพราะในเกมซีรีส์นี้ทุก ๆ ภาค จะเล่าถึงการเดินทางของผู้กล้า ที่ถูกเทพเจ้าเลือกให้ใช้อาวุธชุดเกราะในตำนาน เพื่อปราบราชาปีศาจคืนความสงบสุขให้โลก ซึ่งในภาคแรกนั้นเนื้อเรื่องจะไปแบบง่าย ๆ อย่างเจ้าหญิงถูกจับตัวไป เราในฐานะลูกหลานผู้กล้าจึงต้องออกเดินทางไปปราบราชามังกร ในตอนท้ายพระราชาจะมอบเมืองให้เราปกครอง  แต่ผู้กล้ากลับบอกว่าเขาจะไปสร้างอาณาจักรของตัวเอง เป็นการจบแบบ Happy Ending

แต่ถ้าคุณลองมองอีกมุม ถ้าคุณเป็นผู้กล้าที่ออกไปปราบปีศาจ คุณจะได้รับชื่อเสียงการยกย่องสืบต่อไปอีกหลายร้อยปี (ในเกม) นอกจากนี้คุณก็จะได้ชื่อเสียงเงินทอง ความนับถือจากผู้คน (ให้คิดถึงมิสเตอร์ซาตานในเรื่อง Dragon Ball) จนสามารถสร้างเมืองของตัวเองขึ้นมาได้ คิดดูว่าต้องมีความน่าเคารพขนาดไหนถึงจะทำได้ขนาดนี้ พอมีลูกหลานก็ยังใช้ชื่อของบรรพบุรุษ ในการสร้างเมืองอาณาจักรของตัวเองไปอีกเรื่อย ๆ ในภาค 2 นับเป็นการลงทุนที่ถูกต้องทีเดียว ดีกว่ารับมรดกจากพระราชาที่มอบให้ มันจะทำให้ผู้กล้าดูเป็นคนที่ทำดีหวังสิ่งตอบแทน แต่ถ้าผู้กล้าไม่รับและออกไปสร้างอาณาจักรของตัวเอง เขาจะถูกมองว่าเป็นคนดีทำดีไม่หวังอะไร และผู้คนที่รู้ว่าผู้กล้าจะสร้างอาณาจักรของตัวเอง ผู้คนก็จะมาอยู่ที่เมืองนี้และสร้างเป็นอาณานิคมของตนเอง ซึ่งเป็นแผนการตลาดที่ลงทุนและได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าจริง ๆ

Ryu ใน Street Fighter ที่มีเป้าหมายไม่ชัดเจน

Ryu ใน Street Fighter

คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่าเป้าหมายของ Ryu ในเกม Street Fighter คืออะไร ? เขาอยากจะเป็นนักสู้ที่เก่งที่สุดในโลก แบบเดียวกับที่ลูฟี่ตะโกนว่า ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย แบบนั้นหรอกหรือ ? คุณว่ามันแปลกไปไหมถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับคุณ เพราะในโลกของการต่อสู้ เราจะต้องเจอคนที่เก่งกว่าเราไปเรื่อย ๆ เป็นเรื่องปกติ แต่เราจะยืนบนจุดสูงสุดแล้วยังไงต่อ วันหนึ่งเราจะต้องแก่ลงจนถูกโค่นลงจากที่ 1 ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ Ryu ก็ยังคงทำแบบนั้น เขายังคงเดินทางต่อสู้โค่นองค์กรต่าง ๆ ต่อสู้กับคนอื่นไปเรื่อย ๆ แบบนี้มันดูแปลก ๆ คุณคิดไหม เหมือนเขามีแผนอะไรบางอย่างอยู่ ยิ่งเมื่อเราเห็นร่างมารของเขา เรายิ่งมั่นใจได้เลยว่าชายคนนี้ต้องมีความบ้าคลั่ง และความต้องการอะไรบางอย่างที่แรงกล้ามาก ๆ ซ่อนอยู่ แค่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ความโหยหาอันดับที่ 1 ของโลกแน่นอน คุณคิดแบบนั้นไหม ดังนั้นการที่เขาบอกว่าเรานั้นก็คือการโกหกอย่างแน่นอน

เหล่าซูเปอร์ฮีโรกับเป้าหมายที่แท้จริง

ถ้าคุณได้ดูซีรีส์ฮีโรด้านมืดอย่าง The Boys คุณก็คงจะหันกลับมามองเหล่าฮีโรเหล่านี้อย่างแน่นอน เพราะภายนอกที่เราเห็นนั้น พวกเขาคือผู้ที่มีพลังพิเศษที่ช่วยเหลือผู้คน แต่อาชีพเหล่านี้มันจะสร้างรายได้ให้เราได้อย่างนั้นหรือ ? เพราะที่เราเห็นในการ์ตูนนั้น เหล่าฮีโรต่างก็ต้องประกอบอาชีพอื่นหาเลี้ยงชีพ และมีหน้าที่ฮีโรเป็นงานเสริม แถมหลายครั้งพวกเขาเหล่านั้นยังบาดเจ็บเจียนตายจากการต่อสู้ คนที่รักต้องมาเดือดร้อนอีก เมื่อเทียบกับตัวร้ายที่เรารู้เลยว่าพวกนั้นจะมีรายได้จากไหน เมื่อคิดแบบนี้คุณว่าพวกซูเปอร์ฮีโรจะทำไปทำไม ?

เมื่อคิดได้แบบนั้นเราก็ต้องมาดูว่าถ้าพวกเขามีตัวตนจริง ๆ ในโลกของเรา พวกเขาเหล่านี้ก็คงจะเป็นแบบในซีรีส์ The Boys อย่างแน่นอน นั่นคือการทำทุกอย่างเพื่อการตลาด สร้างชื่อเสียงความน่าเชื่อถือให้ตนเอง ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นฮีโร่ที่เก่งกาจ คุณสามารถไปออกงานโชว์ตัวแบบเน็ตไอดอล  สร้างแบรนด์สินค้าของตนเองขึ้นมา หรือเอาหน้าตาไปขายเป็นสินค้าแบบดารา และการออกช่วยคนก็คือการสร้างกระแสความน่าเชื่อถือโปรโมตตัวเอง ซึ่งนั่นคงจะเป็นเป้าหมายหลัก ๆ ของเหล่าฮีโร แต่คงไม่โหดเลวแบบในซีรีส์ The Boys หรอก(มั้ง) ก็แค่คนที่หาเลี้ยงชีพด้วยพลังความสามารถที่ตนเองมีเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นคือเป้าหมายจริง ๆ ของฮีโรเหล่านั้น แต่เรากลับมองแค่ว่าพวกเขาคือผู้เสียสละปกป้องโลก อีกเรื่องที่หลายคนสงสัย ว่าทำไมเหล่าร้ายถึงไม่ถูกจับ ทำไมมันถึงหนีฮีโรไปได้ตลอด เรื่องนี้คุณไปคิดเอาเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราเอามานำเสนอ โดยทุกเรื่องนั้นเป็นแค่มุมมองอีกด้านที่ถูกเขียนขึ้นมา เมื่อคิดถึงความเป็นจริงเท่านั้น เมื่ออ่านแล้วก็อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังไปหรือหาข้อโต้งแย้ง เราแค่พยายามเสนอมุมมองแปลก ๆ ที่อาจเป็นไปได้ แบบในซีรีส์ฮีโร่ The Boy อะไรแบบนั้น ไม่ได้ต้องการเขียนใส่ร้ายตัวละครเกมในแง่ร้าย ซึ่งถ้าทำให้คุณผู้อ่านไม่พอใจก็ขออภัยมาด้วย เพราะมันเป็นเพียงแค่มุมมองที่อาจเป็นไปได้เท่านั้น และถ้าใครมีมุมมองความเห็นอะไรที่น่าสนใจ ก็แสดงความเห็นกันมาได้เพื่อแลกเปลี่ยนกัน ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรติดตามได้

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส