เปิดคอลัมน์ใหม่ “Unichat คุยกับเด็ก มหา’ลัย” วันนี้บีขอควงหนุ่มคณะแพทย์มาเผยด้านมืด เอ้ย พูดคุยเรื่องราวเฮฮาในคณะกันค่ะ เริ่มต้นจากอั๋น  – ณฐพล โรจนาภินันท์ นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 ว่าชีวิตเกี่ยวกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ของเขาเป็นยังไงบ้าง ไม่ชักช้าละดีกว่า ตามมาอ่านกันเลย จะเป็นยังไง มาเริ่มกันเลย

แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นับเป็นคณะที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน ที่อยากจะเข้าไปเรียน และบีทราบดีค่ะ!

ทำไมอั๋นถึงเลือกเรียนคณะแพทยศาสตร์

เป็นคำถามที่ตอบยากมากเลย ว่าจุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหน เปรียบเทียบแบบวัยรุ่นๆ ช่วงนี้หน่อย ก็เหมือนกับเวลาเรารักใครคนนึงๆ เราเริ่มรักเขาตอนไหน รักเพราะอะไร มันก็ตอบยากใช่มะ หลายๆ อย่างมันก็ประกอบกันขึ้นมา หน้าตา นิสัย ความเข้ากันได้ อีกหลายๆ อย่าง อะไรแบบนี้ มันก็ตอบยากว่าไปรักตอนไหน รู้ตัวอีกทีมันก็รักไปแล้ว แบบนี้ หมอก็เหมือนกัน เราคิดว่ามันเป็นการคิดทบทวนผ่านประสบการณ์ของเรา ผ่านปัจจัยหลายๆ อย่างตอนเด็กๆ งี้ เวลาเราไม่สบาย เวลาเราเจ็บป่วย เราก็ไปหาหมอ พอเราหายดี มันเป็นความประทับใจอยู่ลึกๆ นี่ก็เรื่องนึง หรือไม่ว่าจะเป็นครอบครัว พ่อกับแม่ก็จะชอบไปช่วยเหลือคนที่เขาด้อยโอกาสกว่า อย่างพ่อนี่ทำบ่อยมากชอบเอาของนุ่นนี่ไปแจก เราก็เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มา มันคือความสุข ความสุขจากการให้ นอกจากนี้ในกลุ่มเพื่อน รุ่นพี่รุ่นน้องครูอาจารย์ที่โรงเรียน มันเป็นอีกสังคมที่หล่อหลอมเรา เป็นอีกแรงกระตุ้นไปตามค่านิยม อีกอย่างที่สำคัญเลยคือ ในชีวิตคนเรา มันต้องมีวันนึงที่พ่อกับแม่เราแก่ลง แล้วใครจะดูแลพ่อกับแม่เรา ใครจะดูแลได้ ใกล้ชิดได้ดีกว่าคนที่เป็นลูกแล้วเป็นหมอด้วย เหตุผลร้อยแปดเหล่านี้มันหล่อหลอมเรา ทำให้สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวอีกเราก็ได้คำตอบแล้ว ว่าทำไมถึงอยากเป็นแพทย์

อะไรคือแรงบันดาลใจในการเรียนของอั๋น

จริงๆ เป็นคนค่อนข้างขี้เกียจพอสมควรครับ (หัวเราะ) เอาแบบตรงๆ ก็คือการสอบเลยครับ จริงๆ เชื่อว่าหลายคน ก็ใช้ไอเจ้าการสอบนี่แหละเป็นแรงบันดาลใจชั้นดี มากระตุ้นเราเวลาเราไฟหมดครับ พอใกล้สอบปุ๊ปอ่านหนังสือกันสนุกเลยทีเดียว พอไม่สอบเราก็กลับมาเปื่อยๆ เหมือนเดิม ก็อาศัยเจ้าสิ่งนี้กระตุ้นเราไปเรื่อยๆ เพราะหมอก็สอบบ่อยมากจริงๆ ส่วนแรงบันดาลใจระยะยาวที่เป็นส่วนสำคัญจริงๆนี่  คงหนีไม่พ้นคนไข้เนี่ยแหละครับ ถ้าเรามีความรู้ไม่พอ เราก็ไปดูแลใครเขาไม่ได้ ก็ใจเขาใจเรา คงไม่มีใครอยากเจอหมอไม่เก่งใช่มะ เราอยากดูแลคนไข้ให้ดี เราก็ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ

มีแต่คนอยากรู้ว่าสังคมคณะแพทย์เป็นยังไง คณะแพทย์รามาที่อั๋นเรียนอยู่ เป็นยังไง เล่าหน่อย

ข้อนี้เชื่อว่าหลายคน จะมองว่าหมอนี่เนิร์ดๆ หน่อย บ้าเรียน แต่จริงๆ เรามองว่ามันก็ไม่ต่างกับสังคมอื่นๆ เลย คือมีคนหลายๆ ประเภท ตั้งแต่เฮฮาปาจิงโกะ เรียนๆ เล่นๆ ไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง หรือคนที่ตั้งใจเรียนมากๆ อ่านหนังสือบ่อยๆ หรือชอบทำกิจกรรมเยอะๆ  คิดว่าคงเหมือนๆคณะอื่นนะ แต่ที่จะต่างไปหน่อยคือ พอมาอยู่ในโรงพยาบาล มันจะมีเสื้อกาวน์กับคำศัพท์แปลกๆ ที่พูดกะใครเข้าไม่รู้เรื่อง ยกเว้นหมอด้วยกัน มันเลยทำให้ดูแตกต่าง อีกอย่างคงเป็นเรื่องของเวลาที่ ไม่ค่อยจะตรงกับชาวบ้านเขา

ขึ้นชื่อว่าคณะแพทย์ เรียนหนักมาก! อั๋นเคยเจอประสบการณ์การเรียนแบบหนักหน่วงบ้างมั้ย และข้ามผ่านมันมาได้ยังไง

ปัญหาการเรียนนี่ มันขึ้นอยู่กับหัวใจหลักก่อนเลยคือ เราชอบหรือไม่ชอบ ถ้าชอบมันก็ไม่มีปัญหาใช่มั้ย จะอ่านหนังสือเยอะแค่ไหนมันก็ทนอ่านได้ ถ้าเราไม่ชอบนี่สิ เป็นอุปสรรคใหญ่เลยทีเดียว เหมือนกับบางคนชอบเรียนเลข เกลียดภาษาอังกฤษอะไรแบบนี้ เวลาเรียนหมอมันก็มีหลายหวอดอายุรกรรมบ้าง ศัลยกรรมบ้าง มันก็จะมีหวอดที่เราชอบกับไม่ชอบ ถ้าเราเรียนเจอหวอดที่ไม่ชอบนี่ มันจะรู้สึกดูดพลังเนอะเวลาเราทำอะไรที่ไม่ค่อยชอบ แต่ก็หลักการง่ายๆที่เราใช้  ถ้าใจเราไม่ยอมแพ้ ต่อให้ท้อแท้เราก็ทนไหว ฮิ้ววว (หัวเราะ) จริงๆก็ เรียนแบบพอผ่านละกันครับ เกรด C บ้าง C+ บ้าง ผ่านก็ยังดี

อั๋นรู้สึกประทับใจอะไรในการทำงานบ้าง

เหตุการณ์ประทับใจนี่ เวลาเราไปคุย ไปดูแลคนไข้นี่ แล้วคนไข้ยกมือขอบคุณเรานี่ มันก็ประทับใจมากแล้วนะ ซึ่งจริงๆ คนไข้ส่วนใหญ่ก็อายุมากกว่าเรา แต่เขาก็ให้เกียรติเราทั้งๆ ที่เราเป็นฝ่ายขอบคุณด้วยซ้ำที่มาเป็นอาจารย์ให้เราในการเรียนรู้

แล้วเสน่ห์ของอาชีพแพทย์หล่ะ อั๋นคิดว่าคืออะไร

เสน่ห์เราอยู่ที่หน้าตาล้วนๆ ครับ (หัวเราะ) ล้อเล่นห้ะๆ เป็นหมอนี่เหมือนการจับโจรนะ เราต้องซักประวัติ ตรวจร่างกาย ส่ง lab ไปตรวจกับหมอแล็บแพนด้าบ้าง ส่ง film บ้าง ก็คือรวมๆ หลักฐานที่โจรทิ้งไว้ทั้งหมด จนไปให้ถึงตัวการให้ได้ เราก็จะรู้ว่าคนไข้เป็นโรคอะไร เสร็จแล้วเราก็ต้องวางแผนจับโจรอีก คนนี้จะรักษายังไง คนนั้นจะรักษายังไงใช่มะ มันก็ไม่ง่าย ไอ้ความยาก ความไม่รู้ของเราเนี่ยแหละ มันเป็นเสน่ห์ให้ดึงดูด ให้น่าค้นหา

เล่ากิจกรรมยามว่างของอั๋นให้ฟังหน่อย มีกิจกรรมเหมือนนักศึกษาคณะอื่นรึเปล่า

ปกติก็ตีดอทไปเรื่อยๆ ครับ (หัวเราะ) เพลินๆ ไปฟิตเนสบ้าง เตะบอลบ้าง ดูซีรีย์บ้าง อ่านการ์ตูน เชียร์หน้ากากทุเรียนบ้าง อีกาบ้าง อะไรแบบนี้ เรื่องการจัดสรรเวลาก็ไม่ยากเลยครับ เราก็ถือคติว่า เราทำหน้าที่ของเราให้เสร็จก่อน เสร็จแล้วค่อยพัก อย่างหมอเนี่ยส่วนใหญ่เราก็วุ่นกับการอ่านหนังสือใช่มะ เราก็ตั้งเป้าหมายของเราว่าเราจะอ่านเท่านี้ๆ กี่บทๆ เราก็พยายามจัดการตามเป้าหมายในแต่ละวันเราให้ได้ ประมาณนี้ ให้ชีวิตเราไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป พอเป็นแบบนี้เราก็จะมีความสุข

ถ้ามีน้องๆ มัธยมกำลังอ่านอยู่ อยากรู้ว่าเรียนแพทย์ ต้องใช้สกิลอะไรบ้าง อั๋นจะแนะนำว่า..

มุมมองเราสำหรับหมอเนี่ยสกิล มันก็ต้องร้อยแปดพันเก้าเลยนะ เก่งกว่ามารยาหญิงก็มารยาหมอเนี่ยแหละ (หัวเราะ) ล้อเล่นนะห้ะ จริงๆ ใสๆ เอาส่วนสำคัญๆ ดีกว่า สำหรับหมอเนี่ย สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง communication skill คือเราจะทำยังไงให้คนไข้ ญาติคนไข้เข้าใจตรงกับเราได้มากที่สุดเราจะต้องแปลภาษาหมอๆ ให้มันเป็นภาษาไทยที่เข้าใจได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจถึงความรู้สึกคนไข้ เวลาเขามาหาเรา เขาก็คาดหวังในตัวเรา อยากให้เรารักษาให้หาย ความเจ็บปวดจากโรคมันมาพร้อมกับอารมณ์ความรู้สึกเสมอ บางคนโกรธ บางคนเสียใจ บางคนหดหู่ แตกต่างกันไป ไหนจะญาติคนไข้อีก สรุปคือ เราจะมีวิธีการสื่อสารยังไงให้เรากับคนไข้เข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าเราไม่เข้าใจกัน มันก็รักษากันลำบาก ดีไม่ดีอาจจะมีฟ้องหมอตามมาอีก

ไหนๆ ก็มาแบไต๋แล้ว อั๋นแนะนำหน่อย มีแอปไหนที่ “ใช่ โดนใจ” ใช้ในการเรียน ได้บ้างมั้ย

ถ้าแอปสำหรับเรียนนี่ต้องตัวนี้เลย notability ครับ ช่วยเราได้เยอะมากจริงๆ ที่ชอบเลยคือ เวลาเราเรียนเนี่ย มันก็จะมีบางส่วนที่เป็นรูปภาพเป็นอะไรแบบนี้ใช่มะ ยิ่งถ้าเป็นดู film x ray อะไรแบบนี้เนี่ย ไปปริ้นเลคเชอร์ขาวดำมาที มันมองไม่เห็นอะไรเลยกลายเป็นดำๆ ไปหมด พอมาใช้แอปตัวนี้โหลดเลคเชอร์เข้าแอป มันก็ช่วยเราได้เยอะ ค่อนข้างดีต่อใจ (หัวเราะ)

gingerlabs.com

แล้วเวลาอาจารย์สอนเราก็จดที่อาจารย์ลงไปในแอปนี้เลย ปากกา ไฮไลท์ กรรไกร ยางลบ นี่พร้อมเลย อีกอย่างเราดึงรูปจากเว็บจากอะไรมาแทรกๆ ไว้ได้เลย ก็ช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาที่เราเรียนมากขึ้น เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหน ก็ไม่ต้องหอบหนังสือหนาๆ ชีทหนาๆ แล้ว ก็พกไอแพด ไปเรียนเครื่องเดียว ช่วยเราได้เยอะเลย

ดาวน์โหลด

อ่านแล้วรู้สึกว่า คณะแพทย์นี่ระหว่างเรียนดูน่าสนุกมากเลย เพราะได้ทั้งความรู้ และประสบการณ์ควบคู่กันแบบมันส์สุดๆ แถมใครที่คิดว่าคณะแพทย์ต้องเนิร์ดๆ เห็นทีต้องเปลี่ยนใหม่แล้วหล่ะ ส่วนครั้งหน้าบีจะพาไปคุยกับนักศึกษาคณะอะไร ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ