‘ก้าวแรกบนดาวอังคารของจีน’ กับการก้าวสู่หนึ่งในประเทศด้านอวกาศชั้นนำของโลก

นอกจากความสำเร็จทางวิศวกรรมในการเดินทางไปที่นั่นแล้ว ภารกิจนี้ยังเป็นที่คาดหวังว่า จะช่วยเปิดเผยข้อมูลทางธรณีวิทยาใหม่ ๆ ด้วย เนื่องจากพื้นที่ลงจอดของยานสำรวจจู้หรงคือ ‘ยูโทเปีย แพลนนิเทีย (Utopia Planitia)’ อันเป็นพื้นที่ในซีกโลกเหนือของดาวอังคาร ที่เกิดจากการพุ่งชนของวัตถุเมื่อหลายพันล้านปีก่อน จนก่อเกิดเป็นพื้นที่กว้างและแบนราบเป็นแอ่งขนาดใหญ่

ภาพหลุมอุกกาบาตบนดาวอังคารถ่ายโดยยานโคจรเทียนเวิ่น-1 ของจีน

พื้นผิวของแอ่งส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยวัสดุที่เกิดจากภูเขาไฟ และหล่อหลอมด้วยกระบวนการต่าง ๆ เช่น การแช่แข็งและการละลายของน้ำแข็งซ้ำ ๆ ทั้งนี้ การศึกษาพื้นที่จากวงโคจรของดาวอังคารชี้ให้เห็นว่า ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว หรือ Permafrost (เป็นชั้นดินที่เย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง แต่ไม่ได้คงตัวเหมือนอย่างชื่อ) อาจซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นผิวดาว

อันที่จริงการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรก ในปี 1976 ยานสำรวจไวกิ้ง 2 (Viking 2) ของนาซาได้ลงจอดบนพื้นที่นี้เช่นกัน แต่ไปยังตำแหน่งที่อยู่เหนือกว่าที่จู้หรงลงจอด

“เป็นสถานที่ที่ดีในการลองลงจอดครั้งแรก” แฟลนเนอรีกล่าว ระดับความสูงของพื้นผิวที่ต่ำ ภูมิประเทศที่ไร้สิ่งกีดขวาง และรวมทั้งความเป็นไปได้ที่จะมีน้ำแข็งในใต้พื้นผิวบริเวณนั้น ซึ่งนั่นหมายความว่ายานสำรวจอาจสามารถเก็บตัวอย่างที่ดีได้

ขนาบทั้งฟากฟ้าและผืนดิน ภารกิจเทียนเวิ่น-1 และยานสำรวจจู้หรง

ด้านเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ของยานเทียนเวิ่น-1 ประกอบด้วยการทำแผนที่สัณฐานวิทยาและโครงสร้างทางธรณีวิทยา การตรวจสอบลักษณะของดินบนพื้นผิวและการกระจายตัวของน้ำ-น้ำแข็ง การวิเคราะห์องค์ประกอบทางวัตถุของพื้นผิว การวัดชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์และลักษณะของสภาพภูมิอากาศบนดาวอังคารและสภาพแวดล้อมบริเวณพื้นผิว ตลอดจนการทำความเข้าใจพื้นที่ทางกายภาพและโครงสร้างภายในของดาวอังคาร

โดยยานโคจรมีอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ติดตั้ง 7 ชนิด ได้แก่ กล้องสำรวจระยะไกล 2 ตัว เรดาร์สำรวจชั้นดินจากวงโคจรดาวอังคาร สเปกโตรมิเตอร์วัดแร่ธาตุดาวอังคาร เครื่องวัดความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กของดาวอังคาร เครื่องวัดอนุภาคที่เป็นกลางและไอออนของดาวอังคาร และเครื่องวัดอนุภาคพลังงานของดาวอังคาร

ขณะที่ยานเทียนเวิ่น-1 ทำการสำรวจจากฟากฟ้า ยานสำรวจจู้หรงก็จะดำเนินการสำรวจพื้นแผ่นดิน โดยเริ่มที่ ‘การวัดดาวอังคาร’

ยานสำรวจจู้หรงมีชุดเครื่องมือสำหรับการสำรวจสภาพแวดล้อมของดาวอังคาร ได้แก่ กล้อง 2 ตัวติดตั้งบนเสาของยาน เพื่อถ่ายภาพโขดหินในบริเวณใกล้เคียงในขณะที่รถสำรวจอยู่กับที่ใช้ในการวางแผนการเดินทาง นอกจากนี้ ยังมีกล้องหลายสเปกตรัม ที่ตั้งอยู่ระหว่างกล้องถ่ายภาพเพื่อนำทางทั้งสองซึ่งจะช่วยเปิดเผยและแสดงให้เห็นว่า หินหน้ากล้องมีแร่ใดเป็นองค์ประกอบบ้าง

สำหรับเรดาร์เจาะพื้นของยานสำรวจนั้น จะช่วยเปิดเผยข้อมูลทางธรณีวิทยาในพื้นที่ที่รถสำรวจเคลื่อนผ่านไป หากโชคดียานสำรวจจู้หรงอาจตรวจพบเส้นคั่นบาง ๆ ที่บ่งบอกถึงชั้นดินเยือกแข็งคงตัวด้วย ซึ่งการรู้ว่า ชั้นดินนี้อยู่ลึกเพียงใด และลักษณะทั่วไปของมัน สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบนดาวอังคารได้ และยังอาจเผยให้เห็นชะตากรรมของน้ำที่เคยมีอยู่ในอดีตอันไกลโพ้นได้ด้วย

Credit : Xinhua
Credit : Nature

โจเซฟ มิชาลสกี้ (Joseph Michalski) นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong) ยังสำทับด้วยว่า หากโชคดียิ่งไปกว่านั้น ยานอาจจะพบหินโบราณบางก้อนซึ่งสามารถเปิดหน้าต่างสู่ประวัติศาสตร์ของโลกของเราเองได้ด้วย เนื่องจากหลักฐานต่าง ๆ บนโลกของเราได้ถูกทำลายไปแล้วด้วยการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค หรือการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก (Plate tectonics)

นอกจากนี้ สเปกโตรมิเตอร์ของยานสำรวจจู้หรง ยังมีเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สามารถทะลวงหินเพื่อศึกษาถึงที่มาของมันได้ด้วย ยานสำรวจจู้หรงยังเป็นรถสำรวจคันแรกที่ติดตั้งแมกนีโตมิเตอร์เพื่อวัดสนามแม่เหล็กในบริเวณใกล้เคียง ช่วยให้เก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการสูญเสียสนามแม่เหล็กอันแข็งแกร่งของดาวอังคาร อันเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนดาวให้กลายเป็นสถานที่ที่เย็นและแห้งแล้ง ไร้ซึ่งสิ่งชีวิตใด ๆ ด้วย

ข้อมูลเชิงลึกจากดาวอังคาร สู่วงโคจร สู่โลก และสู่เรา

เมื่อยานสำรวจจู้หรงได้ข้อมูลต่าง ๆ มันจะส่งข้อมูลไปยังยานโคจรเทียนเวิ่น-1 จากนั้นยานเทียนเวิ่น-1 จะรวบรวมข้อมูลทั้งจากยานของมันเอง และส่งข้อมูลกลับมายังโลกอีกที และเมื่อนักวิจัยรวมข้อมูลเหล่านี้กับ

ข้อมูลจากยานอวกาศอื่น ๆ ของชาติต่าง ๆ ความรู้นี้ก็จะช่วยให้นักวิจัยเห็นภาพที่ชัดเจนกว่าเดิม ว่ามีสิ่งใดบ้างเกิดขึ้นรอบดาวอังคาร

แล้วความรู้ที่ว่านี้จะมีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง สำหรับจีนเอง การลงจอดบนดาวอังคารที่ประสบความสำเร็จนี้จะนำไปสู่ภารกิจขั้นสูงอื่น ๆ ของจีนต่อไป รวมถึงนำตัวอย่างหินจากดาวอังคารกลับมายังโลก ซึ่งมีกำหนดการว่าจะเกิดขึ้นในปี 2030 ด้วย

และเมื่อข้อมูลทั้งจากที่ส่งสัญญาณกลับมา และนำตัวอย่างกลับมา ถึงคราวนั้น เราก็จะรู้ถึงพัฒนาการของอังคาร รวมถึงองค์ประกอบธาตุของต่าง ๆ มากขึ้น เราอาจจะมีแผนที่ดาวอังคารที่สามารถนำมาใช้ช่วยวางแผนการเดินทาง เพื่อนำมนุษย์ไปยังดาวอังคาร เราอาจค้นพบว่าดาวอังคารเคยมีสิ่งมีชีวิต หรือ มีศักยภาพเหมาะสมที่จะเป็นสถานที่ที่สิ่งมีชีวิตจะอยู่อาศัยในอนาคตก็ได้ เรียกได้ว่า เป็นการปูทางความเป็นไปได้อันหลากหลายที่จะเกิดตามมาอีกหลายอย่างทีเดียว 

และนั่นจึงเป็นเหตุผลให้ความสำเร็จของจีนในครั้งนี้ เป็นทั้งการก้าวขึ้นสู่หนึ่งในประเทศที่มีเทคโนโลยีด้านอวกาศชั้นนำของโลก และทำให้เห็นว่า อวกาศเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของมวลมนุษยชาติเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว

อ้างอิง

Xinhua1/ Xinhua2/ Xinhua3 / Xinhua4

Nature

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส