วันที่ 30 สิงหาคม 2565 บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ออกแถลงการณ์ชี้แจง เรื่อง ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 1 ราย กรณีซื้อเหรียญ KUB โดยอาศัยข้อมูลภายในนั้น บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า นายสำเร็จ วจนะเสถียร ยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ตามปกติ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในกระบวนการทางกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะติดตามและชี้แจงให้ลูกค้า รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านทราบต่อไป 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตลอดจนการพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain และการดำเนินการของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด

ทางด้าน นายสำเร็จ วจนะเสถียร ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตามที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวหาผมเรื่องการใช้ข้อมูลภายในสำหรับการซื้อเหรียญ KUB ของผม ระหว่างวันที่ 4 กันยายน ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 นั้น ผมอยากจะใช้ช่องทางนี้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและความบริสุทธิ์ใจของผม ดังนี้

“ผมรู้กฎหมายเรื่อง Insider Trading เป็นอย่างดีว่า เวลาผมทำโปรเจกต์ ผมก็จะซื้อ KUB ไม่ได้ ดังนั้น ผมจะมีช่วงเวลาสั้น ๆ หลังโปรเจกต์เปิดตัว และยังไม่ได้เริ่มโปรเจกต์ใหม่ ที่ผมจะลงทุนซื้อ KUB ได้ โดยก่อนหน้าช่วงเวลาดังกล่าว ผมอยากซื้อ KUB ในราคาที่ต่ำกว่า 30 บาท แต่ซื้อไม่ได้เนื่องด้วยผมทำโปรเจกต์ Morning Moon ก่อนหน้านี้

สุดท้ายผมรอโปรเจกต์ Morning Moon เปิดตัว เลยต้องซื้อ KUB ได้ที่ราคา 30 – 32 บาท เพราะหากไม่ซื้อภายในช่วงเวลาดังกล่าว ผมก็จะต้องเริ่มโปรเจกต์ใหม่ และจะทำให้ผมไม่สามารถซื้อ KUB ได้อีกนาน

ส่วนเวลาก่อนหน้านี้ ก็ซื้อเพื่อแลกเป็นค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange ทันทีช่วงเวลาที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ ผมเป็นผู้บริหารของบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด (BBT) ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับ Exchange ดังนั้น ผมกล้าพูดได้ว่า ผมไม่รู้เรื่องดีล SCB ใด ๆ ทั้งสิ้น

ถ้าผมรู้ ผมคงขาย WAN, SNT, BNB, Ethereum ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 4 ล้านบาทแล้ว และคงลงเงินกับ KUB ไปให้หมดไปแล้ว ซึ่งจำนวนเงินที่ผมลงทุนใน KUB ก็ใกล้เคียงกับเหรียญอื่น ๆ ที่ผมมีส่วนตัวแล้ว เป็นจำนวน 60,000 KUB ซึ่งผมมองว่าจำนวนไม่ได้ผิดแปลก แต่เป็นความบังเอิญที่เป็นเวลาที่เขาทำดีลกันพอดี

การซื้อเหรียญ KUB ของผม มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนระยะยาว ดังจะเห็นได้ว่า หากผมซื้อเหรียญ KUB โดยมีเจตนาที่จะมุ่งหวังทำกำไรระยะสั้นแล้ว ผมคงเทขายเหรียญ KUB ทั้งหมดเพื่อทำกำไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ผมยังไม่ได้ขายเหรียญ KUB ดังกล่าวเพื่อทำกำไรแต่อย่างใด จนถึงวันนี้ที่ผมพิมพ์ (30 สิงหาคม 2565) มีส่วนหนึ่งที่เอาไปแลกค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange เท่านั้น

เรื่องราวทั้งหมด ผมได้บอก ก.ล.ต. แล้วแต่ทาง ก.ล.ต. ก็ยังตัดสินลงโทษอยู่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าผมกระทำผิด ผมจึงจะขอต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมายต่อไป ผมขอยืนยันว่า ผมบริสุทธิ์ใจและยืนหยัดที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของ Bitkub Chain ต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ดีและได้มาตรฐานเพื่อให้คนไทยได้ใช้งานอย่างแพร่หลาย”

ที่มา : Samret Wajanasathian