นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย College London กล่าวว่ายาที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาโรคเบาหวานและโรคหัวใจ อาจช่วยรักษาอาการทางจิตได้

งานวิจัยนี้เริ่มต้นขึ้นจากการพิจารณารายการยาที่จ่ายให้ผู้ป่วยว่ามันน่าจะมีคุณสมบัติในการรักษาสุขภาพจิตของผู้ป่วยได้เช่นกัน โดยยาที่นักวิจัยให้ความสนใจได้แก่

  • Statins (ยาลดคอเลสเตอรอล) : คุณสมบัติของยาอาจช่วยลดการอักเสบที่เชี่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต หรือช่วยเพิ่มการดูดซึม ยารักษาสุขภาพจิตได้ดีขึ้น
  • ยาลดความดันโลหิต : ซึ่งอาจสามารถเปลี่ยนสัญญาณแคลเซียมในสมองที่ส่งผลกับอาการจิตเภท และ Bipolar ได้
  • Metformin (ยารักษาโรคเบาหวาานประเภทที่ 2) : ซึ่งจะสามารถช่วยเปลี่ยนสภาพอารมณ์ของผู้ป่วยได้

โดยพวกเขาได้ทำการทดลองกับกลุ่มคน ที่ผ่านการวิเคราะห์ประวัติทางการแพทย์ตลอดชีวิต ของคนจำนวน 142,691 คน ในสวีเดน ที่มีอาการทางจิตเภทอย่างใดอย่างหนึ่ง จากนั้นก็นำจำนวนครั้งการเข้ารับการรักษามาเปรียบเทียบระหว่างก่อนรับประทานยา กับหลังรับประทานยา ผลปรากฏว่า การเข้ารับการรักษาด้านจิตเภท ลดลง 10-20% จากเดิม นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน JAMA Psychiatry ว่ามันช่วยลดอัตราการทำร้ายตนเองได้อีกด้วย

ดร.Joseph Hayes หนึ่งในทีมวิจัยกล่าวว่า ผลจากการวิจัยนี้มันช่างน่าตื่นเต้นและมีศักยภาพมาก แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการศึกษาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะได้ข้อสรุปที่แน่นอนกว่านี้มันจำเป็นที่จะต้องทำการทดลองทางคลินิกในกลุ่มคนที่ใหญ่กว่าเดิม ดร.James MacCabe จากสถาบันจิตเวชของมหาวิทยาลัย King’s College London ให้ความเห็นว่า การค้นพบนี้อาจทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนยาในการรักษาจิตเวชในอนาคต แต่งานวิจัยนี้ก็ยังมีช่องว่าง เพราะงานวิจัยส่วนมากจะเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างกลุ่มคน 2 กลุ่ม แต่งานนี้เปรียบเทียบผลจากช่วงระยะเวลาในการใช้ยาของคนกลุ่มเดิม วิธีการใช้ยานี้จึงอาจมีข้อดีหลายอย่าง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มันอาจเป็นยาทางเลือกสำหรับผู้ป่วยได้

ดังนั้น ในตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถออกไปซื้อยาเหล่านี้เพื่อมารักษาอาการจิตเวชเองได้ซะทีเดียว เพราะงานวิจัยนี้ ยังคงต้องการข้อสรุปที่แน่ชัดมากขึ้น เพื่อยืนยันถึงความสามารถในการรักษาของยา

อ้างอิง