หลังจากที่เราได้รับ Huawei P30 Pro ตั้งแต่งานเปิดตัวที่ปารีสเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากใช้งานเครื่องในชีวิตประจำวันราว 1 เดือนเต็ม ก็ได้เวลาที่แบไต๋จะรีวิวอย่างละเอียด ถึงข้อดี-ข้อเสียของสมาร์ตโฟนที่คนพูดถึงมากที่สุดรุ่นหนึ่งในปีนี้

ดีไซน์

เริ่มจากดีไซน์เครื่อง เราขอพูดว่า Huawei P30 Pro นั้นมีกลิ่นอายการออกแบบทั้งจาก P Series และ Mate Series โดยลักษณะการวางกล้อง 3 ตัวเรียงกันแบบนี้เป็นดีไซน์ที่สานต่อมาจาก P20 Pro ส่วนกระจกเครื่องโค้งทั้งด้านหน้าและด้านหลังรับกับฝ่ามือนั้นก็ให้กลิ่นอายของ Huawei Mate 20 Pro เช่นเดียวกัน ซึ่งความรู้สึกในการจับถือนั้นให้สัมผัสพรีเมี่ยม งานประกอบดี รู้สึกว่าเป็นของแพง

จุดสังเกตของดีไซน์นี้อยู่ที่หน้าจอด้านหน้าโค้ง มันก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คนที่ชอบก็เพราะจอโค้งให้ความพรีเมี่ยม ดูสวย และจับสบายมือ ส่วนคนที่ไม่ชอบก็เพราะว่ามันติดฟิล์มกันรอยยาก และทำให้จอลั่นได้บ่อย ๆ เวลาที่มือไปโดนขอบจอ ส่วนความเห็นของเราที่คิดว่าคงไม่ติดฟิล์มให้จอนี้ เราไม่มีปัญหากับจอโค้งนี้นะ แต่ที่ไม่ชอบจริงๆ คือติ่งด้านบนที่กล้องอยู่นี้ เพราะเราเข้าสู่ยุคมือถือซ่อนกล้องกันแล้ว พอกลับมามีติ่งอีกก็รู้สึกแปลก ๆ

หน้าจอ

เจาะลึกกันที่หน้าจอขนาด 6.47 นิ้วของ Huawei P30 Pro กันบ้าง แน่นอนว่ามือถือเรือธงก็ต้องเป็นจอ Super AMOLED ความละเอียด FullHD+ อัตราส่วนภาพ 19.5:9 ซึ่งตามสเปคก็บอกว่ารองรับมาตรฐาน HDR10 และขอบเขตสี DCI-P3 ก็เห็นผลชัดเจนเวลาเปิด Youtube ในคลิปที่เป็น HDR จะเห็นภาพสดใส ชัดเจนกว่าจอทั่วไป

ส่วนใน Netflix ก็จะเห็นสัญลักษณ์ HDR ปรากฎในเนื้อหาที่รองรับ ซึ่งเราถือว่าเป็นหน้าจอของ Huawei P30 Pro นั้นเป็นจอที่สว่าง สดใส มองเห็นชัดเจนตลอดสมความเป็นมือถือเรือธง
และหน้าจอนี้มีความล้ำอีก 2 อย่างคือ เซ็นเซอร์สแกนนิ้วไปอยู่ใต้หน้าจอ ซึ่งก็ถือเป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วที่ทำงานรวดเร็วใช้ได้

เสียง

Huawei P30 Pro นั้นไม่มีช่องลำโพงแนบหูแล้ว แต่ใช้การสั่นสะเทือนหน้าจอเพื่อส่งเสียงแทน ซึ่งเราใช้คุยโทรศัพท์มาตลอด 2 สัปดาห์ ก็ให้เสียงได้ชัดเจนดี และดีกว่าช่องลำโพงทั่วไปตรงที่เราเลือกพื้นที่เอาเครื่องแนบหูได้กว้างกว่า

แต่การออกแบบลำโพงแนบหูแบบนี้ก็ทำให้ P30 Pro เสียความสามารถของลำโพงสเตอริโอไป กลายเป็นมีลำโพง Mono ตัวเดียวอยู่ด้านล่างของเครื่องนี้ แม้ว่าลำโพงตัวนี้จะให้เสียงดังใช้ได้ แต่เราก็คิดถึงเสียงสเตอริโอมากกว่า

กล้อง

การถ่ายภาพ

มาถึงเรื่องใหญ่ที่ทำให้ Huawei P30 Pro เป็นที่พูดถึงกันทั่วเน็ตบ้าง เรื่องกล้องครับ ที่ปีนี้หัวเว่ยจัดเต็มมากกับกล้อง 4 ตัวที่ออกแบบร่วมกับ Leica

  • กล้องหลังมุมกว้าง ซูม 0.6 เท่า ความละเอียด 20 MP f/2.2 กล้องตัวนี้จะถ่าย Macro ได้ที่ระยะใกล้สุด 2.5 cm
  • กล้องหลังตัวหลัก ความละเอียด 40 MP f/1.6 พร้อม OIS โดยใช้เซนเซอร์ SuperSpectrum ที่ออกแบบตารางรับสีใหม่แบบ RYYB จากตารางแบบเดิม RGGB ที่คิดค้นเมื่อ 40 ปีก่อน ทำให้รับแสงได้เพิ่มขึ้น
  • กล้องเทเลโฟโต้ ซูม 5x แบบ Periscope วางแนวระนาบไปกับตัวกล้อง ความละเอียด 8 MP f/3.4 พร้อม OIS ซึ่งสามารถทำ Hybrid Zoom ที่ยังคมชัดเหมือนใช้เลนส์ซูม โดยนำข้อมูลจากเลนส์หลักมารวมให้ได้ภาพซูม 10 เท่า
  • กล้อง ToF (Time to Flight) สำหรับวัดระยะความลึกของภาพเวลาถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ

เรื่องภาพถ่ายกลางวันธรรมดาเราคงไม่พูดถึงมาก เพราะการทำงานร่วมกับ AI ทำให้ได้ภาพที่สดใส สวยคมเป็นเอกลักษณ์ของ Huawei และ Leica มาหลายรุ่น แถมรุ่นนี้มีเลนส์มุมกว้าง ทำให้ถ่ายได้สนุกขึ้นแต่ Huawei P30 Pro นั้นเด่นเรื่องการซูม เราก็จะซูมโชว์ให้ดู เริ่มจากมุมกว้างสุด 0.6x ไปจนถึง 50x

จากภาพก็จะเห็นว่าการซูมในช่วง 0.6x – 10x นั้นให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ภาพยังสวยคมอยู่เพราะเป็นการซูมด้วยเลนส์เป็นหลัก แต่การซูมหลัง 10x ขึ้นไปจะเป็นซูมดิจิทัลแล้ว ก็จะให้ภาพแตกหน่อย แต่ก็ยังเห็นรายละเอียดดีกว่ากล้องมือถือทั่วไป นอกจากนี้เรายังเอามือถือไปส่องวัตถุใกล้ ๆ แบบนี้เพื่อถ่ายภาพ Macro ที่ให้กำลังขยายมากกว่ามือถือทั่วไปได้ด้วย

การถ่ายวิดีโอ

ส่วนการซูมระหว่างถ่ายวิดีโอนั้นจะไม่ได้สมูทเหมือนการซูมด้วยกล้องวิดีโอแท้ๆ นะ เรื่องนี้ก็ต้องให้เกียรติอุปกรณ์เฉพาะทางกันบ้าง และการซูมวิดีโอจะขยายได้ในช่วง 0.6-15 เท่าเท่านั้น ไม่ได้ซูมได้ถึง 50 เท่าเหมือนถ่ายรูป ซึ่งการถ่ายวิดีโอของ Huawei P30 Pro นั้นก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นเยอะกว่ารุ่นก่อน คือวิดีโอนิ่งขึ้น แถมเอฟเฟคพิเศษอย่างทำหน้าชัดหลังเบลอก็ดูเนียนตาขึ้นกว่ารุ่นเดิมด้วย แต่ข้อจำกัดของการถ่าย 4K ก็มีอยู่ที่จำกัด 10 นาทีต่อคลิป และถ่าย 4K 60 fps ไม่ได้นะ

ถ่ายภาพแสงน้อย(มาก ๆ)

ที่นี้เทสต์ถ่ายที่มีแสงน้อยกันบ้าง รุ่นนี้ลาก ISO ไปสูงสุดที่ 409,600 คงเห็นคลิปถ่ายภาพกลางคืนให้เป็นกลางวันกันมาแล้วในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมันก็ถ่ายได้แบบนั้นจริงๆ ใช้โหมด Auto นี่แหละ ถ่ายที่มืดก็กลายเป็นสว่างได้แล้ว แบบฉีกทุกตำรากล้องจริง ๆ

แต่สิ่งที่ควรรู้ก่อนถ่ายที่แสงน้อยคือ ควรใช้เลนส์หลักซูม 1x ถ่ายกลางคืนเป็นหลักนะ เพราะเป็นเลนส์ที่เก็บแสงได้มากที่สุดแล้ว ส่วนถ้าจะใช้เลนส์มุมกว้างหรือเลนส์ซูมถ่ายกลางคืน ให้ใช้ Night Mode แทนเพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้น

ถ่ายภาพ Portrait

ด้านการถ่ายภาพบุคคลใน Huawei P30 Pro นั้นมีเลนส์วัดระยะตัวใหม่ที่ชื่อ ToF เพิ่มเข้ามา ก็ทำให้ตัดขอบบุคคลกับฉากหลังได้ละเอียดขึ้น ผมหรือองค์ประกอบในภาพไม่ค่อยหลุดเบลอตามฉาก แต่ที่อยากให้ปรับปรุงคือโหมด Portrait น่าจะเลือกความเบลอหลังได้นะ เพราะรู้สึกฉากหลังมักจะเบลอเยอะเกินไป ซึ่งต้องใช้โหมด Aperture ถึงจะปรับรูปแบบการเบลอหลังได้

กล้องหน้า

กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล f/2.0 ตัวนี้มันดีขึ้นมาก ถ่ายคนไม่ขาววอกเหมือนเรือธงรุ่นก่อน ๆ แล้ว ติดอยู่เรื่องเดียวคือมันไม่มี Auto Focus เพราะฉะนั้นการถ่ายภาพบางระยะจะไม่ได้คมกริบเหมือนกล้องหน้าที่มี Auto Focus

ชิปเซ็ต (CPU)

Huawei P30 Pro นั้นใช้ชิป Kirin 980 เหมือนกับรุ่นพี่ตระกูล Mate 20 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้ความแรงเครื่องไม่ต่างกัน ก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อปของ Android ในตลาดตอนนี้ เล่นเกม เล่นโซเซียลลื่นหมด แต่ที่ดีงามคือใน P30 Pro นั้นมีการใช้ฟิล์ม Graphene ร่วมกับ Heat pipe ที่มี Vapor Chamber เพื่อช่วยระบายความร้อนจากชิปได้มีประสิทธิภาพ ทำให้เล่นเกมนาน ๆ เครื่องก็ไม่ร้อน ความเร็วเครื่องไม่ตกด้วย

แบตเตอรี่

Huawei P30 Pro มีแบต 4200 mAh ที่อึดใช้ได้เลย ใช้งานปกติพอหมดวันเหลือแบตเกือบครึ่งหลอด แถมชาร์จ 0-100% เต็มใน 1 ชั่วโมงด้วย SuperCharge 40W ถือว่าเรื่องระบบพลังงานนี่แข็งแกร่งมาก

EMUI 9.1

EMUI 9.1 ที่ครอบทับ Android 9 ก็มีความสามารถเยอะเหมือนเคย โดยเฉพาะ Huawei Share ตัวล่าสุดสามารถรับส่งไฟล์ให้คอมเครื่องไหนก็ได้ผ่านระบบ Network Drive (เจ๋งกว่า AirDrop อีก) และสามารถเสียบหัวแปลง USB-C พร้อมต่อเมาส์-คีย์บอร์ดทำงานแทนคอมพิวเตอร์ได้เลย

การกันน้ำ

ส่วนเรื่องกันน้ำได้มาตรฐาน IP68 ที่หัวเว่ยระบุว่าป้องกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร ได้นาน 30 นาที ซึ่งต้องอธิบายว่าการป้องกันน้ำของสมาร์ตโฟนออกแบบมาสำหรับป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำนะครับ ไม่ใช่ให้เอาเครื่องไปใช้งานใต้น้ำเป็นจริงเป็นจัง เพราะถ้าเครื่องพังด้วยน้ำขึ้นมา ประกันไม่จ่ายนะจ๊ะ

ซึ่งเราขอเสี่ยงเทสต์ให้ดูกันโดยเอาไปแช่บ่อน้ำมา เครื่องก็ยังทำงานใต้น้ำได้ปกติ หลังจากขึ้นจากน้ำแล้วฝ้าก็ขึ้นเลนส์ไป 4-5 วัน ในระหว่างที่ฝ้าขึ้นใช้งานเครื่องในโหมดอื่น ๆ ได้ปกติ (ยกเว้นแค่ถ่ายรูปแล้วมัวเท่านั้นเอง)

ราคา

Huawei P30 Pro ตั้งราคาเปิดตัวในไทยไว้ที่ 31,990 บาท โดยมาพร้อมแรม 8 GB และหน่วยความจำ 256 GB ถือได้ว่าเป็นราคาที่ถูกกว่ามือถือเรือธงอื่น ๆ ในท้องตลาดค่อนข้างมาก และยังมีโปรโมชันดี ๆ ของแต่ละค่ายที่ลดราคาเครื่องสูงสุดหลักหมื่นเลยทีเดียว น่าสนใจสุด ๆ !!