ปี 2022 นับว่าเป็นปีที่แฟนหนัง ‘Avatar’ ที่รอภาคต่อมาตั้งแต่ปี 2009 ได้สมหวังเสียทีกับ ‘Avatar : The Way of Water’ ที่ชาวไทยจะได้ชมกันในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ และเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำและเป็นการเชื่อมต่อโลกแห่งแพนดอร่าที่ร้างจอมานับทศวรรษทาง ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ สตูดิโอ (Twentieth Century Studio) จึงนำหนังภาคแรกอย่าง ‘Avatar’ มาฉายใหม่อีกครั้งพร้อมการปรับปรุงงานภาพให้มีความคมชัดขึ้นในระดับ 4K HDR และพิเศษสำหรับการรับชมในระบบ IMAX3D ที่คราวนี้จะมีการรีมาสเตอร์ให้หนังฉายในระบบ ไฮเฟรมเรต (High Frame Rate) อีกด้วย แต่จากการชมจริงหนังจะให้ความรู้สึกต่างจากเดิมแค่ไหนเราลองมาไล่กันเป็นข้อ ๆ กันครับ

สีสันและคอนทราสต์

Beartai Buzz กลับสู่แพนดอร่ากับ Avatar ระบบ IMAX HFR3D

แน่นอนว่าในเมื่อตัวหนังได้รับการปรับปรุงให้คมชัดในระดับ 4K และยังระบุด้วยว่าระบบภาพจะเป็นภาพที่มีไดนามิกสูงหรือ HDR (High Dynamic Range) เราย่อมต้องคาดหวังเรื่องสีสันและคอนทราสต์ภาพที่ดูดีขึ้น และจากการรับชมก็พบว่าสีสันต่าง ๆ ของหนังดูสดขึ้นและสีดำของภาพก็ดำสนิทจริง ๆ จนทำให้โลกแห่งสีสันของแพนดอร่ายิ่งทำให้เราหลงไหลหนักกว่าเดิม และในซีนที่มนุษย์ถล่มรุกขชาติตอนท้ายเรื่องก็ยอมรับเลยว่าคอนทราสต์ทำให้เราเห็นเฉดสีดำสีเทาที่ชัดจนชวนหดหู่และปลุกจิตสำนึกรักธรรมชาติยิ่งกว่าฉบับที่ได้ชมเมื่อ 13 ปีที่แล้วอีกนะครับ

ระบบ 3 มิติของภาพ

Beartai Buzz กลับสู่แพนดอร่ากับ Avatar ระบบ IMAX HFR3D

ตรงนี้ถ้าให้พูดตามตรงก็คือ ระบบ HFR หรือไฮเฟรมเรตทำให้งานภาพ 3 มิติของ ‘Avatar’ ที่ดีอยู่แล้ว ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ ซึ่งก็แน่นอนว่า เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) เองเป็นคนคิดค้นระบบนี้เองและเคยหมายมั่นจะฉายหนังในระบบนี้ต้้งแต่ปี 2009 แต่เทคโนโลยีการฉายยังไม่ตอบโจทย์ ซึ่งกว่าจะได้ฤกษ์ฉายในระบบ HFR ก็ปาไป 13 ปี และมีหนังที่ฉายนำหน้าไปแล้วทั้งไตรภาค ‘The Hobbit’ และ ‘Gemini Man’ ซึ่งให้ผลลัพธ์ของงานภาพ 3 มิติที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเรื่องภาพ 3 มิติคือหายห่วงเลยครับ

ความลื่นไหลของภาพ

Beartai Buzz กลับสู่แพนดอร่ากับ Avatar ระบบ IMAX HFR3D

บอกตามตรงว่าจุดนี้เป็นจุดที่สังเกตได้ยากที่สุดครับว่ามันต่างจากเวอร์ชันเดิมยังไง เพราะหนังที่ใช้ระบบภาพ HFR ที่ผ่านมามักได้รับชมภาพที่ดูเหมือนวิดีโอ (บางคนบอกเหมือนวิดีโอเกม) มากกว่าภาพยนตร์ แต่สำหรับ ‘Avatar’ กลับให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างมากครับ และความแตกต่างที่ว่าอาจทำให้รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ แต่เมื่อลองสังเกตดี ๆ เราจะพบว่าในส่วนของการเคลื่อนไหวกล้องและมูฟเมนต์ของแอนิเมชันทั้งตัวสัตว์บนดาวแพนดอร่าและการเคลื่อนไหวของชาวนาวีมีความไหลลื่นมากขึ้นเมื่อไม่ถูกบังคับให้ฉายด้วยเฟรตเรท 24 เฟรมต่อวินาที

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า เจมส์ คาเมรอน ได้แสดงตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยี HFR ที่เหมาะกับการรับชมภาพยนตร์ในโรงจริง ๆ เป็นเช่นไรครับ

ความพิเศษของการฉายใหม่

สิ่งที่พิเศษจริง ๆ สำหรับการกลับมาฉายรอบนี้คือการเพิ่มฟุตเทจของหนัง ‘Avatar : The Way of Water’ ในระหว่างเอนด์เครดิตเพื่อโชว์ศักยภาพของภาพ 3 มิติที่เหมือนเป็นการการันตีว่าหนังภาคต่อปีนี้จะพาเรากลับสู่แพนดอร่าอีกครั้งอย่างสมศักด์ศรีแน่นอน

ย้ำอีกทีสำหรับภาพยนตร์ ‘Avatar’ ภาคแรกกลับมาเข้าฉายโรงภาพยนตร์ทั้งระบบปกติ ระบบดิจิทัล 3 มิติ ไอแมกซ์ 3 มิติ และ ระบบ โฟร์ดีเอกซ์ (4DX) แล้ววันนี้ครับ ซึ่งสาขาที่รองรับการฉายระบบ IMAX HFR 3D จะมีเพียงสาขา เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์ และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่

ส่วนหนังภาคต่อ ‘Avatar : The Way of Water’ มีกำหนดฉายในไทย 14 ธันวาคม 2565 ครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส