ในที่สุด บ็อบ โอเดนเคิร์ก (Bob Odenkirk) นักแสดงชายในวัย 60 ปี ก็ประสบความสำเร็จคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเสียที หลังจากที่ ‘Better Call Saul’ ซีซันที่ 6 (ซึ่งเป็นซีซันสุดท้าย และได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ในระดับยอดเยี่ยม) ได้เข้าชิงรางวัลเอมมีหลายรางวัลเอมมีถึง 7 รางวัล แต่ไม่สามารถคว้ามาได้แม้แต่รางวัลเดียว

ทั้งนี้ โอเดนเคิร์กได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมสาขาซีรีส์ดราม่าจาก ‘Better Call Saul’ ในการประกาศผลรางวัล Critics’ Choice Awards ครั้งที่ 28 โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่าง เจฟฟ์ บริดเจส (Jeff Bridges) จาก ‘The Old Man’, สเตอร์ลิง เค. บราวน์ (Sterling K. Brown) จาก ‘This Is Us’, ดิเอโก ลูนา (Diego Luna) จาก ‘Andor’, อดัม สก็อตต์ (Adam Scott) จาก ‘Severance’ และ แอนโทนี สตาร์ (Antony Starr) ‘The Boys’ ไปได้

ในขณะเดียวกับ จิอันคาร์โล เอสโปซิโต (Giancarlo Esposito) ก็ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก ‘Better Call Saul’ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรางวัลใหญ่ระดับนี้ด้วยเช่นกัน ภายหลังจากได้ชิงรางวัลเอมมีสาขานักแสดงสมทบชายจาก ‘Better Call Saul’ ด้วยเช่นกัน

‘Better Call Saul’ เป็นภาคแยกมาจากซีรีส์ ‘Breaking Bad’ อันลือลั่น ว่าด้วยเรื่องราวในช่วงกลางยุค 2000s ก่อนเหตุการณ์ใน ‘Breaking Bad’ โดยเน้นที่ตัวละคร จิมมี แม็กกิลล์ (รับบทโดยโอเดนเคิร์ก) อดีตนักต้มตุ๋นและพยายามพัฒนาตนเองขึ้นมาเป็นทนาย แต่เส้นทางกลับไม่ราบรื่นและต้องคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลา

ซีรีส์ดังกล่าวได้รับคำชื่นชมในแง่ความยอดเยี่ยมเทียบเท่ากับ ‘Braking Bad’ ที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นซีรีส์ที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส