Deadline ได้รายงานว่า คริสทีน แม็คคาร์ที (Christine McCarthy) ผู้ดำรงตำแหน่ง CFO ของ Disney ได้ยืนยันภายหลังจากเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 (ที่เสียผู้ใช้งานไปกว่า 4 ล้านราย) ว่า Disney จะถอดเนื้อหาบางส่วนออกจากแพลตฟอร์มสตรีมมิง และผลิตเนื้อหาใหม่น้อยลง เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาทั้งหมดที่ Disney ใส่ลงในบริการสตรีมมิงนั้น จะสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางการตลาดในปัจจุบันของบริษัท

“เรากำลังดำเนินการทบทวนเนื้อหาบนบริการ DTC (Direct-to-Consumer: การส่งเนื้อหาถึงผู้บริโภคโดยตรง) เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้านการจัดการเนื้อหาใหม่ นั่นจะส่งผลทำให้เราต้องลบเนื้อหาบางส่วนออกจากบริการสตรีมมิงของเรา และคาดว่าค่าใช้จ่ายการด้อยค่า (Impairment Charge) จะอยู่ประมาณ 1,500 – 1,800 ล้านเหรียญ ซึ่งจะบันทึกลงในค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 3 เมื่อบริษัทได้ดำเนินการทบทวนและลบเนื้อหาแล้วเสร็จ

เพื่อเดินหน้าต่อไป เราตั้งใจจะผลิตเนื้อหาน้อยลง เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป”

Disney

แพลตฟอร์มสตรีมมิงของ Disney ได้แก่ Disney+ ที่เป็นแพลตฟอร์มหลัก และ Hulu ที่ Disney ถือครองหุ้น 67% เพื่อฉายเนื้อหาที่มีความรุนแรงมากกว่า

กลยุทธ์นี้เป็นไปในแนวทางเดียวกับที่ Warner Bros. ได้ดำเนินการกับแพลตฟอร์มสตรีมมิง HBO Max ก่อนหน้านี้ โดยแม็คคาร์ทีมิได้ระบุชัดเจว่าจะดำเนินการถอดเนื้อหาใดบ้างออกจากแพลตฟอร์มสตรีมมิง Disney+ และ Hulu ที่มีแผนจะรวมเป็นบริการเดียวกันในอนาคต โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะอาจเป็นการลบเนื้อหาที่ไม่ได้รับความนิยม รวมถึงเนื้อหาเก่า แต่ยังคงเนื้อหาที่กำไรเอาไว้

กลยุทธ์ใหม่นี้ยังส่งผลต่อเนื่องไปถึงแผนของ Marvel Studios ในการพัฒนาแฟรนไชส์ Marvel Cinematic Universe เฟส 5 ที่จะปรับลดการผลิตซีรีส์บน Disney+ ในแต่ละปีตามไปด้วย

ที่มา : ScreenRant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส