Underworld : Blood Wars

ภาพยนตร์เรื่อง Underworld นำแสดงโดย Kate Beckinsale (เคท เบคคินเซล) เข้าฉายในบ้านเราทั้งหมด 5 ภาค

2003 – Underworld, 2006 – Underworld : Evolution, 2009 – Underworld : Rise of the Lycans, 2012 – Underworld : Awakening และปัจจุบัน 2016 – Underworld : Blood wars

โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงต้นกำเนิดของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า(ไลเค่น) ความรัก ความแค้นและการต่อสู้เพื่อครอบครองอำนาจ รวมถึงจุดเด่นที่สุดก็คือการผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองได้มีอำนาจสูงสุดเหนือผู้อื่น ที่สำคัญยังได้มีการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเหล่าผู้มีชีวิตรอดจากยุคก่อนถึงปัจจุบัน ในการสรรสร้างเทคโนโลยีเพื่อป้องกันตัวและพรรคพวกเพื่อความเป็นอมตะ

“Blood Wars” ภาคต่อของ “Awakening” ที่ใครเห็นคะแนนรีวิวจากเหล่าเว็บไซต์ชื่อดังแล้วคงอยากปาตั๋วที่จองไว้ทิ้งซะ แต่เดี๋ยวก่อน! จากมุมมองของผู้เขียนเองที่ไม่ได้เป็นแฟนของหนังเรื่องนี้กลับรู้สึกสนุกและมันส์สะใจดีไม่น้อย เป็นหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด 100% เนื่องจากเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนมากนักและเน้นฉากต่อสู้คุมโทนสีฟ้าๆ เสมอต้นเสมอปลาย โปรยกระสุนยับเยี่ยงข้าวสารเสก ฟันกันเลือดสาด ผ่ากรีด ควักเครื่องในจนถูกจัดอยู่ในหมวด “Horror” แต่ที่ขัดใจคนดูส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องราวของ “ไมเคิล” และ “อีฟ” สามีและลูกของ “เซลีน” ภาคที่แล้วบทส่งมาให้สองตัวละครนี้มีพลังที่โดดเด่นมากจนทำให้เกิดเป็น Blood Wars หรือ “ศึกชิงเลือด” เพราะผู้หวังอำนาจต่างอยากได้เลือดจากเหล่าพ่อแม่ลูกบ้านนี้กันทั้งสิ้น แต่ภาคนี้กลับแทบไม่เห็นแม้เงาของสองตัวละครนี้นอกเสียจากในภาพความทรงจำเท่านั้น

เซลีนหลังจากได้รับพลังใหม่

“Blood Wars” เริ่มต้นด้วยการ Flashback เรื่องราวก่อนหน้านี้เพื่อทบทวนความจำให้คนดูที่อาจลืมเลือนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปว่า “เซลีน (Kate Beckinsale)” สังหาร Elder ผู้กำเนิดแวมไพร์ทั้งสอง คือ “มาร์คัส (Tony Curran)” และ “วิคเตอร์ (Bill Nighy)

ทำให้ถูกเหล่าแวมไพร์กล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศแถมยังโดนเหล่า “ไลเค่น” ตามล่าเพราะผู้นำสูงสุด “แมเรียส(Tobias Menzies)” อยากได้เลือดของ “อีฟ(India Eisley)” จึงมีคำสั่งให้จับเป็น “เซลีน” เพื่อหวังจะให้บอกที่ซ่อนของลูก… ซึ่งไม่มีทางที่ “เซลีน” จะบอกแน่นอน ในตอนนี้มีแค่ “เดวิด(Theo James)” ลูกชายของ “โธมัส(Charles Dance)” ที่เธอเคยช่วยเหลือให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งนึงเป็นพวกเพียงคนเดียว ทั้งสองเดินทางไปยังสถานที่ในตำนานทางเหนือ ดินแดนแห่งความสงบสุขและหนาวเหน็บที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเพื่อลี้ภัยจากทั้งเหล่าแวมไพร์และไลเค่น สถานที่นี้เองทำให้ “เซลีน” แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเหมือนที่เราเห็นตามภาพตัวอย่างหนังว่าสีผมเปลี่ยนไปเพราะได้รับพลังใหม่เข้ามา แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ “เซลีน” ที่มีพลังมากขึ้น “แมเรียส” ผู้นำไลเค่นคนใหม่ก็เช่นกัน สงครามที่ทุกคนมีแต่ความแข็งแกร่งในภาคนี้จะลงเอยเช่นไรแฟนๆ หนังเรื่องนี้คงไม่ต้องลุ้นอะไรมากเนื่องจากภาคนี้ก็เป็นเนื้อเรื่องที่ปูเผื่อไว้สำหรับภาคต่อไปที่(น่าจะ)เข้มข้นขึ้นนั่นเอง

Underworld : Blood Wars เข้าฉายวันที่ 8 ธันวาคม 2016

อย่างที่บอกไปว่าตัวเนื้อเรื่องของภาคนี้ไม่ได้เดินไปไกลนักแต่มีตัวละครที่โดดเด่นชัดขึ้นว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญในภาคต่อไป เห็นจะเป็น “อีฟ(India Eisley)“, “เดวิด(Theo James)“, “วาร์ก้า(Bradley James)” และ “เลน่า(Clementine Nicholson)” สมาชิกจากฝั่งแวมไพร์ที่ดูมีความสามารถมากกว่าใคร นอกจากตัวละครที่โดดเด่นขึ้นมาแล้ว ยังมีหลายตัวละครที่จะจากเราไปในภาคนี้อีกด้วย เนื้อเรื่องร่ายมาแบบไม่น่าเบื่อเนื่องจากไม่ได้มีบทพูดมากนักแต่กลับเข้าใจได้ง่าย กระชับรวดเร็ว เอาเป็นว่าสำหรับแฟนหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้น่าจะให้ซัก 6.5/10 เพราะบางฉากมันก็น่าขัดใจซะเหลือเกินเหมือนอยากจะตัดๆ ให้จบไปซะอย่างนั้น แต่ถ้าเข้าไปดูแบบไม่หวังอะไรมากเนื่องจากไม่ใช่แฟนหนังเรื่องนี้แบบผู้เขียนก็ขอให้ 8/10 ในเรื่องของจังหวะการต่อสู้ ความตื่นเต้น และแสงสีเสียงที่มาเต็ม เพราะถือเป็นหนังแอคชั่นที่บู๊กันตลอดทั้งเรื่องแทบไม่เว้นให้หายใจเลยทีเดียว

สุดท้ายถ้าถามว่าแฟนๆ หนัง Underworld ควรดูหรือไม่ ตอบเลยว่ามาก! เพราะหากไม่ดูภาคนี้ภาคต่อไปจะดูไม่รู้เรื่อง เนื่องจากมีตัวละครเกิดใหม่และจากไปมากมายดังที่เล่าไป เพราะฉะนั้นไปดูกันเถิดจะเกิดผล

Play video

Underworld : Blood wars, มหาสงครามล้างพันธุ์อสูร (ความยาว 91 นาที)

เข้าฉาย : พฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2016

ผู้กำกับ : Anna Foerster

นักแสดงนำ : Kate Beckinsel, Theo James, Lara Pulver, Charles Dance, Tobias Menzies