ร้านราเมงในไทยที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นร้านแฟรนไชส์ (ยี่ห้อตัวเลขบิดไปมา) ที่มีคนเข้าเต็มตลอดไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะไปเปิดที่ไหนก็ตาม ก่อนนี้เคยตั้งราคาได้เข้าถึงแทบทุกคน กินได้บ่อยไม่สะเทือนกระเป๋า แต่เดี๋ยวนี้กลับราคาแพงขึ้นเห็นได้ชัด อาจด้วยพิษเศรษฐกิจหรืออะไรก็ตาม แต่คุณภาพที่ได้รับดันไม่สูงขึ้นตามราคาเสียนี่

ความจริงร้าน Hokkaido Ramen Santouka ที่จะแนะนำวันนี้ก็ไม่ได้ใหม่อะไร แต่เคยฮิตอยู่ช่วงนึงในหมู่คนชอบล่าร้านเปิดใหม่ แอดมินเคยไปลองด้วยการชักชวนของเพื่อนเมื่อนานมาแล้วค่ะ ความรู้สึกครั้งแรกคือ “ไม่ชอบ” แต่ด้วยความสงสัยจึงไปซ้ำอีกครั้ง (ฮา) ลองสั่งเมนูที่เพื่อนขืนใจให้สั่งคราวแรกแต่ดื้อด้านจะสั่งอย่างอื่นที่ตัวเองเลือก เพราะความ ‘ออริจินัล’ มันชักนำ แอดขอไม่พูดถึงเมนูนั้นแล้วกันนะคะจำชื่อไม่ได้ ถ้าอยากรู้ก็ Inbox มาได้ค่ะ (แอดยังเก็บภาพแห่งความปวดร้าวไว้อยู่) ที่สำคัญความชอบของคนเราอาจไม่ตรงกันทั้งหมดใครชอบหรือไม่ชอบเมนูไหนมาแชร์กันค่ะ

ความชอบของเราอาจต่างกัน

เมนูแนะนำจากแอดมิน

  • Spicy Shio Ramen หรือ ราเมงซุปรสเกลือแบบเผ็ด

(ซ้าย) Awase-Aji Ramen, (ขวา) Spicy Shio Ramen

ตามที่เขียนเอาไว้บนเมนูนะคะ “สไปซี่ ชิโอะ ราเมง – เมนูที่เชฟชาวญี่ปุ่นของซันโตวกะได้คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษ โดยการนำราเมงในน้ำซุปรสเกลือยอดนิยมของซันโตวกะมาปรุงเพื่อเพิ่มความเผ็ดแบบไทยด้วยพริกสดและกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมหมูย่างโทโรนิคุ หมูย่างชาชูและไข่ต้มทามาโกะ ในชุดเดียว”

มาดูภาพอาหารจริงที่ได้กันค่ะ

มาแล้วค่า Spicy Shio Ramen ราคา 310 บาท (ไม่รวมข้าว) – ภาพนี้ใช้ Samsung Galaxy Note4 ถ่ายนะคะ ไม่ได้แต่งภาพเลยแม้แต่นิดเดียวอาจดูหมองไปนิดต้องขออภัย

คืออยากจะบอกก่อนนะคะว่าข้าวที่เห็น  1 ถ้วยนั่นคือแอดมินสั่งเพิ่มเองเพราะชอบเติมข้าวในซุปตอนเส้นหมดค่ะ (เขินจัง) นอกนั้นก็ได้มาตามภาพเมนูด้านบนค่ะ มีชามใส่เส้นราเมงขนาดเล็กแต่ไม่มากแบบเส้น Nagoya ใส่มาในน้ำซุปเกลือที่มีพริกซอยสูตรของ Santouka (เดาว่าพริกคงจะของไทยแลนด์ค่ะ ฮ่า ๆ) จานข้าง ๆ ก็มีไข่ต้มน่าจะเป็นไข่โชยุตามสไตล์ราเมงญี่ปุ่นไข่แดงไม่สุกมาก อร่อยดี ทำให้อิ่มมากขึ้นด้วยแอดมินชอบตรงนี้ เนื้อหมูวางมาให้สองแบบค่ะ คือ หมูโทโรนิคุ สีจะขาวกว่า และ หมูชาชู มีมันแทรกเล็กน้อย ในจานยังมีต้นหอมญี่ปุ่นซอย หน่อไม้ดอง ลูกชิ้นปลาลายหมุนติ้ว ๆ ของประดับจานประจำชาติของญี่ปุ่น แล้วก็เห็ดหูหนูสีดำ วางรวมกันมา

ภาพโคลสอัพให้เห็นน้องหมูกันชัด ๆ ไปเลย ! 3 ชิ้นล่างหมูโทโรนิคุเนื้อเด้งสู้ฟันเคี้ยวเพลินเกินห้ามใจ ด้านบนสีเข้ม ๆ น้องหมูชาชูมีมันแทรกนิด ๆ นุ่มมากค่า

รสชาติและปริมาณ ?

อย่างที่เราทราบกันดีว่าราเมงญี่ปุ่นเนี่ยถ้าไม่ “เค็มจัด” ก็ “มันจัด” หรือ “จืด_ัด” เอางี้ค่ะ Hokkaido Ramen Santouka เนี่ยเค้า ทำออกมาได้ค่อนข้างกลมกล่อมค่ะ ในเมนูนี้ใส่พริกสดซอยมาเพิ่มความเผ็ดแต่ไม่ได้จัดจ้านทำให้แก้เลี่ยนกินเพลินกว่าเดิมเยอะมาก ระดับความเผ็ดที่ 2/5 ระดับกลางค่ะ ใครชอบเผ็ดมากแนะนำให้ชิมก่อนนะคะแล้วขอพริกซอยเค้าเพิ่มได้นิดหน่อย ความจริงบนโต๊ะมีน้ำมันพริกญี่ปุ่น หรือ Layu วางไว้ให้ค่ะ แต่แอดมินว่าแค่นี้กำลังดีแล้วค่ะไม่ได้เติมอะไรเพิ่ม อ้อลืมบอกว่าที่นี่บริการชาเขียวเย็นเติมฟรีไม่อั้นนะคะ

เส้นราเมงแบบเส้นสด – Credit ภาพจาก Google

  • เส้น – ขนาดที่ให้มาเข้ากับน้ำซุปรสเกลือสูตรของ Santouka ลงตัวดีค่ะ ลวกเส้นมาไม่แข็งหรือไม่อืดเกินไปมีความหนึบเล็กน้อย ใครแพ้ไข่ลองโทรถามทางร้านดูนะคะว่าเส้นผสมไข่หรือเปล่า แต่แอดมินไม่ได้กลิ่นนะคะไม่แน่ใจว่าไม่ทันสังเกตเองหรือว่าไม่มีกลิ่นจริง ๆ
  • น้ำซุป – ด้วยความหวังคำว่า “พริกซอย” นึกว่าจะเผ็ด ตอนแรกคือเกรงใจทางร้านก็ตัวพริกที่เค้าให้มาเคี้ยวไปเลยค่ะ ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ ระดับต่ำกว่ามาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นอีก สุดท้ายก็ขอพริกเค้าเพิ่มอร่อยขึ้นมากเลยค่ะ
  • เนื้อหมู – นี่คือสิ่งที่แอดมินติดใจมากค่ะ ไปฮอกไกโดก็ไปตามหาหมูย่างแนวนี้แหละค่ะมีกลิ่นหอมนิด ๆ แต่ไม่บังอย่างอื่น ตัวโทโรนิคุ แอดมินขอยกให้เป็นหน้าตาของจานนี้เลยนะคะ ถ้าราเมงเสิร์ฟมากับเนื้อหมูชาชูเฉย ๆ แอดมินคงรู้สึกว่า ‘เออจานนี้ก็ดีนะ’ แต่มี โทโรนิคุ มาด้วยมันดูมีวาไรตี้ เพิ่มมิติของเมนูนี้เข้าไปอีกจนต้องสั่งข้าวมาแกล้ม เพราะเสียดายน้ำซุปกับหมูที่เหลือ แต่ชาชูร้านนี้ก็อร่อยนะคะคราวหน้าแอดมินว่าจะลองแบบย่างบนเตาดู
  • ชาเขียว – น่าปลื้มค่ะที่ไม่ใช่ น้ำชาแถมที่เหมือนน้ำล้างถ้วยแบบบางร้าน Santouka ไม่ทำเสียชื่อชาเขียวญี่ปุ่นค่ะ มีความขมเล็กน้อย ใครชอบหวานลองขอน้ำเชื่อมดูนะคะไม่แน่ใจมีไหม
  • ไก่คาราเกะ – อันนี้เป็นเมนูที่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ราเมงจะหมดแล้วแต่ยังไม่อิ่มเลยสั่งของเบสิกอย่างคาราเกะมา ก็อร่อยดีค่ะแต่เค็มไปหน่อยถึงแม้จะบีบเลม่อนช่วยก็ตาม ผ่านชิ้นแรกไปก็คอแห้งเลยค่ะ ฮ่า ๆ แอดมินทานคนเดียวหมด แต่แนะนำให้ทานสองคนจะเหมาะกว่าค่ะ

ไก่ทอดคาราเกะ – Tori Karaage ราคา 135 บาท

ถ้าใครทานน้อยก็สั่งระวังหน่อยนะคะ คือผู้หญิงปกติที่ไม่ได้อุดมไปด้วยพยาธิและทานชุดนี้หมด(ไม่รวมข้าว) น่าจะอิ่มได้นานครึ่งค่อนวันเหมือนกันค่ะ ตอนแรก ๆ อาจรู้สึกว่าไม่ได้มากมายอะไรแต่ทานไปซักพักเดี๋ยวรู้ ! ยังไงถ้าคุณผู้ชายพาแฟนไปทาน แอดมินแนะนำให้ระวังเรื่องปริมาณอย่าสั่งรัวเพราะความหิวเด็ดขาดนะคะแอดมินขอเตือน เดี๋ยวอาหารเหลือแอดมินเสียดายแทน

เมนูจิปาถะแสนอันตรายที่อาจดูจานเล็ก “แต่ไม่เล็กนะคะ” ควรเหลือบมองโต๊ะข้าง ๆ ก่อนสั่งเสียหน่อย แอดมินถ่ายราคาติดมาด้วย แต่อากาศหนาวมือสั่นภาพอาจคลอนเล็กน้อย ยังไงคอมเม้นมาถามได้ค่ะ

ราคาเหมาะสมกับปริมาณและคุณภาพไหม ?

  • สำหรับ Spicy Shio Ramen แอดมินคิดว่าถ้า 310 บาท แล้วมีข้าวด้วยแอดมินกว่าโอเคนะคะ แต่ถ้าเป็นเซ็ทปกติแอดมินว่าแอบแพงไปนิดนึงถ้าซัก 280 บาท คงจะน่าปลื้มกว่านี้ (ลองคิดตอนรวม VAT สิคะคุณผู้โชมมมม)
  • ไก่ทอดคาราเกะ ราคาและขนาดตามมาตรฐานค่ะ 135 บาท ถ้าทานน้อย 2 คน แชร์กันหลังจากทานราเมงคนละชาม ก็อาจไม่หมดด้วยซ้ำค่ะ
  • ถ้าใครอยากลองทานดูไม่รู้แอดมินพูดว่าอร่อยนี่จริงหรือหลอก แนะนำให้ไป ช่วงอาหารกลางวัน ที่เปิดยาวนานมาก 11.00 – 17.00 บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น ! ราคาน่าคบหากว่าปกติมากอยู่ค่ะ

ชุดอาหารกลางวันสุดคุ้ม ! 11.00-17.00 น. (ช่วงนานขนาดนี้ขอเรียก ‘เซ็ททั้งวัน’ แทนเซ็ทกลางวัน)

พิกัดร้าน

ห้าง Central World (เซ็นทรัลเวิลด์) ชั้น 6 โซน ISETAN (อิเซตัน) รถไฟฟ้าสถานี สยาม หรือ ชิดลม ร้านเปิด-ปิด ตามเวลาห้างเลยนะคะ เบอร์โทร 02-2559895

สุดท้ายนี้แอดมินอยากบอกว่า “จ่ายเองทุกบาท” ไม่มีการว่าจ้างใด ๆ นะคะ กลัวร้านที่ชอบจะหายไปเลยเอามาบอกต่อ

ใครมีร้านเด็ดอยู่แถวไหนแนะนำแอดมินมาได้นะคะ ถ้าเดินทางไม่ลำบากมากแอดมินไปแน่นอนค่า !

ขอให้มีความสุขกับอาหารทุกมื้อนะคะ