เป็นเรื่องบังเอิญที่พอดีกันจริง ๆ กับวันนี้ 23 ก.พ. ที่หนัง Hidden Figures เข้าฉาย ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ 3 สาวอัจฉริยะผิวสีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนาซ่าในยุคเริ่มแรก แล้ววันนี้นาซ่าก็ประกาศข่าวใหญ่ถึงการค้นพบระบบสุริยะจักรวาลใหม่ที่มีดาวเคราะห์ขนาดเท่าโลก 7 ดวง นี่ถ้าค่ายรู้ล่วงหน้าใช้ข่าวนี้ช่วยโปรโมทหนังได้เลยนะ

มาร์โกต์ ลี เช็ตเทอร์ลีย์ ผู้ประพันธ์นิยายและผู้อำนวยการสร้าง

Hidden Figures ดัดแปลงมาจากนิยายที่อ้างอิงจากเรื่องจริงในชื่อเดียวกัน เขียนโดย มาร์โกต์ ลี เช็ตเทอร์ลีย์ เป็นนิยายที่เพิ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2016 ติดอันดับ 1 ของนิวยอร์คไทม์เบสต์เซลเลอร์ และตัวมาร์โกต์ เองก็มาเป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมของเรื่องนี้ร่วมกับ ฟาเรลล์ วิลเลียมส์ ศิลปินเพลงชื่อดังที่ทำดนตรีประกอบให้กับหนังด้วย

มาร์โกต์ เธอไปทราบเรื่องราวของ 3 สาวแห่งนาซ่านี้จากพ่อเธอที่เคยทำงานอยู่นาซ่า แล้วก็รู้สึกทึ่งว่าทำไมเรื่องราวดีงามของทั้ง 3 คนนี้จึงไม่เคยถูกพูดถึง ก็เลยทั้งศึกษา ค้นคว้าและสัมภาษณ์จนออกมาเป็นนิยายขายดีและถูกดัดแปลงออกมาเป็นภาพยนตร์ที่ได้เสียงตอบรับดีทั้งด้านรายได้ และความพึงพอใจจากนักวิจารณ์ ได้เข้าชิงถึง 3 ออสการ์ซึ่งรวมถึง “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ด้วย และส่งให้ ออคทาเวีย สเปนเซอร์ เข้าชิงออสการ์สมทบหญิงเป็นครั้งที่ 2 รวมไปถึงรางวัล “บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม” ที่ผู้กำกับ ธีโอดอร์ เมลฟี ลงมาเขียนเองร่วมกับ แอลลิสัน ชโรเดอร์ หน้าใหม่จากวงการทีวีซีรีส์ที่มาจับงานบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกก็ได้เข้าชิงออสการ์เลย และเชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของผู้กำกับ ธีโอดอร์ เมลฟี ที่สร้างชื่อเสียงมาจากหนัง St.vincent ได้เข้าชิง 2 ลูกโลกทองคำปี 2014 จนได้รับข้อเสนอให้ไปกำกับ “Spiderman” แต่ ธีโอดอร์ กลับเลือกหนังฟอร์มเล็กอย่าง Hidden Figures แทน

สามนักแสดงนำ และตัวตนจริงในประวัติศาสตร์นาซ่า

แม้เป็นหนังประวัติศาสตร์ยุคต้น 60s แต่เนื้อหากลับเล่าได้อย่างน่าสนใจ จับเรื่องราวของ 3 สาวผิวสี แคทเธอรีน จอห์นสัน , โดโรธี วอห์น และ แมรี่ แจ๊คสัน หนังจะเน้นหนักไปที่ตัว แคทเธอรีน จอห์นสัน เป็นหลัก บทนี้ได้ ทาราจี พี. เฮนสัน ดาราที่เล่นอยู่แต่หนังคนดำเป็นหลัก มีเรื่องนี้ล่ะที่ได้ส่งเธอในบทนำอย่างจริงจัง ทาราจี ได้เข้าพบ แคทเธอรีน ตัวจริงในวัย 98 และได้รับการเห็นชอบจากเจ้าตัวว่าให้ทาราจีมารับบทเป็นตัวเธอ หนังปูพื้นชีวิตของแคทเธอรีน ว่ามีแววอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็ก และได้ครอบครัวและครูที่ดีที่คอยสนับสนุนให้เธอได้รับการศึกษาที่ดี ในยุคที่สังคมอเมริกันยังเดียดฉันท์ผิวสีอย่างรุนแรง สองชั่วโมงของหนังเล่าชีวิตการทำงานของ 3 สาวในตำแหน่ง “Computer” หรือ “คณิตกร” เนี่ยละครับความรู้ใหม่ว่าในอดีต คอมพิวเตอร์ คือชื่อตำแหน่งหน้าที่ของมนุษย์ที่คำนวณตัวเลขกันเป็นหลัก ก่อนที่ IBM จะผลิตคอมพิวเตอร์ออกมาเป็นเครื่องจักรทำหน้าที่แทน

แต่ละวันทั้ง 3 สาวจะได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ไปช่วยงานในแต่ละแผนกของนาซ่า หนังก็กระจายเวลาให้เห็นชีวิตการทำงานของทั้ง 3 คนที่เผชิญอะไรบ้างในชีวิตการทำงาน แคทเธอรีนได้พิสูจน์ศักยภาพที่น่าทึ่งให้หัวหน้างานได้ประจักษ์ แมรี่เองก็ดิ้นรนต่อสู้เพื่อสิทธิของหญิงผิวดำ ส่วนโดโรธีก็ตั้งใจเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ใหม่ ๆ ด้วยตัวเองเพื่อโอกาสเติบโตในหน้าที่การงาน สลับจากเรื่องราวเครียด ๆ ในที่ทำงานก็แบ่งไปให้เห็นชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นของพวกเธอ แซมด้วยเรื่องราวโรแมนติกของแคทเธอรีนที่ชวนให้ยิ้มตาม

หนังปรุงแต่งเรื่องราวดราม่าลงไปเพื่อเป็นรสชาติของหนังด้วยการให้พวกเธอต้องถูกดูถูกและรังเกียจจากเพื่อนร่วมงาน รวมถึงสังคมภายนอกในยุคนั้นที่แบ่งแยกคนผิวดำอย่างน่าสงสาร น้อยเรื่องนะครับที่เราจะเห็นคนขาวสร้างหนังที่เขียนให้ตัวเองเป็นผู้ร้ายกดขี่แบ่งแยกคนผิวดำแบบนี้ แล้วหนังก็ค่อย ๆ บีบอารมณ์จนพาไปจนถึงจุดแตกหักที่สะใจคนดู แล้วไอ้เรื่องราวดราม่าที่ค่อย ๆ สะสมมาตลอดทั้งเรื่องเนี่ยละ เมื่อพาไปถึงจุดคลี่คลายก็เลยพาให้คนดูที่เห็นอกเห็นใจกับสามสาวได้ยิ้มออกรู้สึกยินดียินงามไปกับความสำเร็จของพวกเธอไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นบทสรุปที่ฟีลกู๊ดจริง ๆ

เควิน คอสต์เนอร์ มาในบท อัล แฮร์ริสัน หัวหน้ากลุ่มปฎิบัติการอวกาศ นับว่าเป็นบทที่ดีบทหนึ่งในชีวิตการแสดงของเควิน เพราะ อัล เป็นทั้งหัวหน้าที่เก่ง เข้มงวดมีความน่าเกรงขาม ขณะเดียวกันก็มีด้านที่อ่อนโยนเห็นอกเห็นใจและให้โอกาสลูกน้องอย่างแคทเธอรีน ดูเป็นบทที่เหมาะกับตัวเควิน มากในยุคที่วัยพ้นสภาพจากพระเอกต้องมาเล่นบทหัวหน้ามากวัยวุฒิแบบนี้ อีกคนที่เห็นแล้วรู้สึกถึงอนิจจังสังขาร ก็คือ เคิร์สเตนท์ ดันสท์ ไม่คาดคิดจริงว่าจะได้เห็นเธอในลุคป้า จากเด็กน้อยที่สร้างเสียงฮือฮาจาก Interview with the Vampire (1994) มาเป็นนางเอกเซ็กซี่ใน Spiderman 2 (2004) มาเรื่องนี้ เคิร์สเต็น ในวัย 35 เธอรับบทเป็น มิตเชลล์ หัวหน้างานที่คอยจ่ายงานให้กับทีมคณิตกร ต้องมาในมาดสาวเฮี้ยบไม่เหลือลุคนางเอกให้เห็นแล้ว

Hidden Figure เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าติดตาม ได้เห็นการทำงานที่น่าทึ่งของนาซ่าในยุคเริ่มต้น ไม่น่าเชื่อว่าการส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์นั้นก็เริ่มต้นจากการคำนวณด้วยการเขียนชอล์คบนกระดานดำ เป็นหนังที่เพียบพร้อมครับ บทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมสมควรที่ได้เข้าชิงออสการ์ ได้ทั้งสาระความรู้บนเส้นเรื่องที่เล่าได้อย่างบันเทิง ครบทั้งดราม่าซาบซึ้ง มุกที่หัวเราะดัง ๆ ได้หลายครั้ง การแสดงที่เปอร์เฟ็คต์ในทุก ๆ ตัวละคร จบด้วยความรู้สึกอิ่มเอมกับภาพตัวตนจริง ๆ ของทั้ง 3 สาวที่ยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ที่โลกได้รู้จักพวกเธอเสียที

Play video