จากรายงานของ European Union เมื่อเดือนที่ผ่านมาเปิดเผยผลสำรวจอัตราการสูบบุหรี่ต่อวันในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป 28 ประเทศ ซึ่งแชมป์ประเทศที่มีประชากรสูบบุหรี่ต่อวันมากที่สุดคือ บัลแกเรีย ตามมาด้วยกรีซและฝรั่งเศสใน 3 อันดับแรก อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ในอันดับสุดท้ายอย่าง สวีเดน ที่พบว่ามีประชากรสูบบุหรี่ต่อวันลดลงเหลือเพียง 5% เท่านั้น โดยหลังจากที่ทางวารสารทางการแพทย์ชื่อดัง The Lancet ได้มีการผุดแคมเปญปลอดบุหรี่ (tobacco-fee) ขึ้น สวีเดนก็ถือเป็นหนึ่งในประเทศแถบยุโรปที่เดินหน้าจริงจังกับการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงไปอย่างต่อเนื่อง

https://twitter.com/AtelierDanko/status/870462063113510912?ref_src=twsrc%5Etfw&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.bloomberg.com%2Fview%2Farticles%2F2017-06-08%2Fsweden-figured-out-how-to-stop-people-from-smoking

สำหรับสวีเดน นั้นเดิมทีนิยมใช้ยาสูบมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 ก่อนจะเริ่มหันมานิยมสูบบุหรี่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในช่วงยุค 1980 นั้นถือเป็นช่วงที่สวีเดนมีประชากรเฉลี่ยถึง 34% ของประเทศนิยมสูบบุหรี่ จนกระทั่งหลังจากนั้นไม่นาน หลายประเทศในโลกตะวันตกก็มีแคมเปญที่ระบุเนื้อหาตระหนักถึงอันตรายจากการสูบบุหรี่ออกมามากขึ้น และเริ่มมีการรณรงค์ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่มานับตั้งแต่นั้น แต่สำหรับในสวีเดนแล้วประชาชนที่สูบบุหรี่เลือกหันกลับไปสูบ snus ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากใบยาสูบซึ่งมีสารนิโคตินแทน ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า ล่าสุดมีประชาชนราว 15% จากแดนไวกิ้งที่เลือกสูบ snus แล้ว

ทั้งนี้ Snus เป็นใบยาสูบแบบที่ไม่ต้องสูบ (tobacco-fee) แต่ทำออกมาให้เคี้ยว เป็นผงชื้นๆ บรรจุอยู่ในตลับพลาสติกแบนขนาดไม่ใหญ่มาก เวลาใช้ก็จะปั้นเป็นก้อนเล็กๆ กลมๆ วางไว้ใต้ลิ้น คนใช้ก็จะค่อย ๆ ได้รับสารนิโคตินที่ละลายออกมาจากถุงผ่านน้ำลาย ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายเฉพาะในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย อย่าง สวีเดน เดนมาร์ก และนอร์เวย์ เท่านั้น โดยสวีเดนกลายเป็นประเทศที่มีมีผู้ชายเป็นมะเร็งปอด รวมทั้งระบบหัวใจหลอดเลือดหรือมะเร็งอื่น ๆ ที่มาจากการสูบบุหรี่น้อยที่สุดในยุโรปอ้างอิง