[รีวิว]Peppermint : แอ็คชั่น โหด ดุ อัดแน่น
Our score
7.8

peppermint : นางฟ้าห่ากระสุน

จุดเด่น

  1. คะแนนนักแสดงนี่มอบให้กับเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ คนเดียวเลย มอบให้กับการทุ่มเทตั้งใจฟิตหุ่น
  2. แอ็คชั่นมันส์จริงจัง บู๊กันเกือบตลอด 100 นาที
  3. บทมีการล่อหลอกคนดูเรื่องสายลับตัวร้าย ให้คาดเดากัน แล้วเฉลยได้เซอร์ไพรส์
  4. ตัวร้ายโหด เลว สมน้ำสมเนื้อกับนางเอกของเรา
  5. ผู้กำกับปิแอร์ โมเรล ยังคงศักดิ์ศรีผู้กำกับสายแอ็คชั่นมันส์หยดไว้ได้

จุดสังเกต

  1. บทยังคงมีความเวอร์ตามแบบฉบับฮอลลีวู้ด จนไรลีย์ นอร์ธ เกือบเป็นซูเปอร์ฮีโร่แล้ว
  2. ยังมองไม่เห็นความอำมหิตผ่านสายตาของเจนนิเฟอร์
  • คุณภาพงานสร้าง

    7.0

  • เนื้อหา ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.0

  • นักแสดง

    8.0

  • ความสนุก

    9.0

  • คุ้มเวลา ค่าตั๋ว

    8.0

สนับสนุนเนื้อหาโดย

ช่วงหลังนี้ฮอลลีวู้ดเน้นสร้างหนังแอ็คชั่น ที่มีผู้หญิงรับบทนำออกมาหลายเรื่องเลย ที่เด่น ๆ ก็มี Salt (2010), Haywire (2011) ,Colombiana (2011),Everly (2014),Atomic Blonde (2017) แล้วเมื่อต้นปีก็เพิ่งมี Red Sparrow (2018) ผ่านตากันไป จนมาถึงเรื่องล่าสุดนี้ Peppermint ที่ผู้สร้างไปดึงเอาอดีตสาวบู๊เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ กลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มอีกครั้งในวัย 45 ปี ถ้าย้อนไปดูครั้งล่าสุดที่เธอเคยสวมบทแอ็คชั่นก็ตอนที่เธอรับบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ฝ่ายหญิง Elektra ปี 2005  เป็นสายลับสาวในทีวีซีรีส์ Alias ปี 2001 – 2006 และ The Kingdom (2007)

เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ รับบทเป็นไรลีย์ นอร์ธ เธอเป็นแม่และเมียที่ครอบครัวดูอบอุ่นดี จนกระทั่งสามีไปพัวพันกับกลุ่มเพื่อนที่วางแผนจะฉกเงินของ ดิเอโก้ การ์เซียเจ้าพ่อมาเฟียค้ายาจอมโหด เมือแผนรั่วมือสังหารก็เลยมาตามเก็บ ไรลีย์ ต้องสูญเสียทั้งสามีและลูกสาวไปในคราวเดียวกัน เธอจำหน้ามือสังหารทั้ง 3 ได้ แต่ก็ไม่สามารถพึ่งกฏหมายเอาผิดผู้ต้องสงสัยได้ เพราะทนาย ตำรวจ ผู้พิพากษาก็เป็นคนของดิเอโก้ การ์เซีย ไรลีย์ จึงเลือกที่จะหายสาบสูญไป 5 ปีแล้วกลับมาภาพลักษณ์ของนักฆ่าตามล้างบางแก๊งของดิเอโก้

แม้ว่าหนังแอ็คชั่นที่มีสาวแกร่งในบทนำจะไม่ใช่สินค้าแปลกใหม่ของฮอลลีวู้ดแล้ว แต่ก็พูดได้ว่า Peppermint มาในแนวทางที่แตกต่าง ตรงที่มีจุดขายว่าเน้นแอ็คชั่นกันเต็ม ๆ แบบดุเดือดเลือดพล่าน เป็นหนังที่ใช้เวลา 100 นาที ได้อัดแน่นสะใจคอหนังแอ็คชั่น พูดคุยกันน้อยมากขายฉากแอ็คชั่นกันจุใจ จ่อกบาลยิงกันตั้งแต่เปิดเรื่อง และใช้ประโยชน์ของเรต R ได้คุ้มค่าเพราะฉากต่อสู้ออกมาโหดมาก ทั้งการต่อสู้ด้วยมีด และปืน เป็นหนังที่มีคนตายเยอะมาก แล้วแต่ละรายก็โดนยิงกันแบบเผาขน นอกเหนือจากฉากต่อสู้ ด้านอาวุธก็จัดเต็ม ด้วยอาวุธหนัก ปืนของไรลีย์ แต่ละกระบอกนี่หน้าตาดูมีพิษสงแล้วมาครบทั้งปืนกล ปืนพก ระเบิดมือ สนับมือ มีดพก ฉากระเบิดนี่ก็เล่นใหญ่ ระเบิดอาคารทั้งหลังให้ดูกัน

เจนนิเฟอร์ ในมาด ไรลีย์ นอร์ธ ถ่ายทอดบทนักฆ่าได้ดูแกร่งน่าเกรงขาม ก็ด้วยสรีระของเจนนิเฟอร์ ที่สูงถึง 173 ซม. และประสบการณ์ตอนที่เล่นเป็นสายลับใน Alias 5 ซีซัน ทำให้การมาเล่นบทบู๊จึงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเธอ จะติดก็ตรงที่ว่าเธอยังไม่สามารถถ่ายทอดสายตาที่ดุดันแข็งกร้าวของนักฆ่าออกมาได้ เพราะเจนนิเฟอร์ มีสายตาที่ดูเศร้า ก็เลยออกไปในแนวนักฆ่าที่มีอดีตอันขมขื่นและมีความอ่อนแออยู่ภายในตลอดเวลา จุดที่น่าชื่นชมคือการเตรียมความพร้อมสำหรับบทนักฆ่าของเจนนิเฟอร์ ที่เธอฟิตหุ่นได้อย่างเป๊ะ เห็นกล้ามแขนชัดเจน พอมาแบกปืนก็ดูคล่องแคล่วทะมัดทะแมง อีกจุดที่ทำให้ Peppermint ดูมีรสชาติเข้มข้นก็คือการสร้างภาพลักษณ์ของดิเอโก้ การ์เซีย ตัวร้ายของเรื่องให้ดูมีความซาดิสม์เป็นทุนเดิม และบรรดาลูกน้องขาโหดอีกหลายสิบ ทำให้ดูเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ และดูเป็นงานยากสำหรับนางเอกของเรา และการซุกซ่อนสายของดิเอโก้ไว้ในฝั่งตำรวจ ล่อหลอกให้คนดูคาดเดาว่าน่าจะเป็นคนนั้นคนนี้ก่อนจะเฉลยมาในช่วงท้ายให้เซอร์ไพรส์ได้พอควร

บทหนังเป็นฝีมือของ แชด เซ็นต์จอห์น ที่เคยเขียนบท London Has Fallen (2016) บวกกับผู้กำกับปิแอร์ โมเรล ที่เคยมีผลงานบู๊อมตะอย่าง Taken (2008) ที่ส่งให้เลียม นีสัน กลายเป็นพระเอกบู๊ขายดีในวัย 60 อัป ทีมงานล้วนแต่มาจากสายแอ็คชั่นล้วน ๆ จึงไม่แปลกที่ Ppeppermint จะเดินหน้าพะบู๊กันเต็มลูกสูบตั้งแต่เริ่มเรื่อง ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่จะย้อนไปเล่าว่า ไรลีย์ นอร์ธ หายไปฝึกวิชาที่ไหนมา 5 ปีถึงกลับมาเป็นเครื่องจักรนักฆ่า บทหนังมีความเวอร์พอควร โดยเฉพาะความแกร่งถึกทนของไรลีย์ นอร์ธ แต่ก็อยู่ในมาตรฐานของหนังแอ็คชั่นฮอลลีวู้ด บทไม่ได้มีช่องโหว่จนน่าเกลียด ส่วนอดีต 5 ปีที่หายไปของไรลีย์ นอร์ธ ก็มีแววว่าจะเก็บไว้ขยายในภาค 2 เพราะหนังจบแบบทิ้งท้ายให้สานต่อได้สบาย ๆ

สรุปได้ว่า Peppermint คือหนังแอ็คชั่นพันธุ์ดุ คุยกันน้อยฉากแอ็คชั่นเยอะ ฉากฆ่ากันโหดเลือดสาด สะใจคอหนังแอ็คชั่นแน่นอน บทเวอร์แต่ไม่รั่วจนน่าเกลียด สนุกครับ และแถมท้ายขอชื่นชมคนตั้งชื่อไทยให้หนังว่า “นางฟ้าห่ากระสุน” เป็นชื่อหนังที่สั้นกระชับ อธิบายหน้าหนังได้ชัดเจนดี พ้นจากคำลิเกอย่าง ทมิฬ , พระกาฬ , โลกันตร์ ไปได้เสียที

 

Play video