งานสำหรับคนรักหนังสือชาวไทยคงไม่มีงานไหนใหญ่และเป็นที่เฝ้าคอยมากเท่างาน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่จัดทุกช่วงเดือนเมษายน และงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ที่จะจัดทุกช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งทั้ง 2 ห้วงเวลาก็เป็นช่วงที่เด็ก ๆ จะปิดเทอม และสามารถมาเที่ยวชมหาหนังสือถูกใจกลับไปได้อย่างเต็มอิ่มด้วย โดยความพิเศษของงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 24 รอบนี้ คือ การย้ายที่จัดงานจากทุกครั้งที่จะจัด ณ  ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งขณะนี้กำลังมีการปรับปรุงพื้นที่ทำให้ต้องมาจัดที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นครั้งแรกด้วย โดยงานครั้งนี้จะจัดระหว่างวันที่ 2-13 ตุลาคม 2562 นี้แล้ว

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

เราเลยไปสำรวจบรรยากาศการจัดงานที่เปลี่ยนที่ไปในวันแรก ว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่อัปเกรดขึ้น และมีอะไรที่ต้องระมัดระวัง เราจะมาแนะนำในนี้เลย

สถานที่จัดงาน การเดินทาง

เริ่มด้วยสถานที่การจัดงาน ตัวงานเลือกใช้พื้นที่ของ อาคารชาเลนเจอร์ 2 ที่มีความโอ่โถงและมีทางเข้างานได้ถึง 3 ทางใหญ่ นอกจากนี้การที่ห้องอยู่ในชั้น 2 ของตัวอาคารก็มีทางลาด รถยนต์ หรือ แท็กซี่ ก็สามารถขึ้นไปแวะส่งคนได้ถึงประตูทางเข้าเลยทีเดียว ส่วนสำหรับที่จอดรถนั้น ในเมืองทอง ก็มีที่จอดทั้งฟรีและเสียค่าบริการ มีทั้งในตัวอาคารและนอกตัวอาคาร อยู่หลายจุด แล้วแต่สะดวกว่าจะไปจอดที่ไหน แนะนำให้ศึกษาเรื่องค่าที่จอดให้ดีด้วยเพราะมีตั้งแต่คิดรายชั่วโมงและคิดเหมาทั้งวัน นอกจากนั้นอัตราค่าจอดก็แตกต่างกันด้วย

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

แผนผังในเมืองทอง ตัวงานจัดที่อาคาร อิมแพค ชาเลนเจอร์ 2 (ในรูปผังคือพื้นที่สีครีม)

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ทางซ้าย ขึ้นทางลาดของอาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ ไปลงหน้างานได้เลย ส่วนด้านขวาที่เห็นจะเป็นอาคารอิมแพค เอ็กฮิบิชันเซ็นเตอร์

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

หากเข้าทางชั้นล่าง ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 เลยครับ

และสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถใช้บริการรถสาธารณะที่มีทั้ง รถตู้ ที่มีหลายสายสามารถมาได้จากหลายที่ ใครมาจากรถไฟฟ้าก็ลงตรง BTS หมอชิต ต่อรถตู้ได้เลย หรือใครสะดวกรถเมล์ ขสมก. ก็มีมากมายหลายสาย ทั้งยังได้จัดสายเฉพาะกิจสำหรับงานหนังสือโดยเฉพาะด้วย ลองดูทางเลือกการเดินทางจากตารางสายรถต่าง ๆ ที่มีเข้าเมืองทองด้านล่างนี้เลยครับ

ทางเลือกการเดินทางไปเมืองทอง
มหกรรมหนังสือระดับชาติ  

ถามว่าสำหรับคนที่เคยสะดวกขึ้นรถไฟใต้ดิน MRT ถึงที่จัดงานได้เลย ครั้งนี้ก็ต้องปรับตัวพอสมควรล่ะนะเพราะเส้นทางรถทั้ง BTS และ MRT ยังไม่เชื่อมต่อมาที่นี่ในตอนนี้ แต่ในอนาคตถ้ายังจัดที่นี่อยู่ก็น่าจะสะดวกขึ้นมากเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ

นิทรรศการพิเศษประจำงาน

เมื่อเข้ามาถึงงาน ในส่วนโถงด้านหน้าจะมีนิทรรศการที่จัดประจำ โดยปีนี้เป็นธีมที่ว่า Bring Content to Life ออกแบบเป็นทางเดินวงกลมที่จะผ่านห้องต่าง ๆ ไปชมเนื้อหาและกิจกรรมให้เล่น โดยในปีนี้จะมีใบสะสมตราประทับงาน สำหรับใช้เก็บตราประทับในแต่ละห้อง สะสมครบทุกห้องก็นำกลับไปเป็นที่ระลึกได้ โดยแต่ละห้องก็จะมีการออกแบบตราประทับไม่เหมือนกันสอดรับกับคอนเทนต์ที่นำเสนอในห้องนั้น ๆ ด้วย ข้อแนะนำ คือ ทางเดินและห้องอาจไม่ได้กว้างมากควรเลี่ยงช่วงที่คนเข้าชมมากนะครับ

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ทางเข้านิทรรศการ จะมีพนักงานยื่นบัตรสะสมตราประทับ และแนะนำการเดินให้กับเราด้วย

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

หน้าตาบัตรสะสม และตราประทับที่จะวางอยู่ในแต่ละห้อง

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

มีแทบทุกครั้งสำหรับส่วนนิทรรศการไทม์ไลน์สื่อสิ่งพิมพ์ ปีนี้ก็ออกแบเก๋ไก๋เป็นหนังสือโบยบิน

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ห้องนี้ว่าด้วยภาษาอักษรสำหรับคนตาบอด ห้องค่อนข้างแสงน้อย และมีพื้นต่างระดับ ต้องระวังนิดหนึ่ง แต่เด็ก ๆน่าจะชอบเพราะมีหลุมลูกบอลให้ลงไปเล่นด้วย

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ห้องสารคดี มีหนังเปิดให้ดู แถมมีเบาะนั่ง-นอนให้ด้วย ใครเดินงานมาเมื่อย ๆ แวะห้องนี้ดีเลยล่ะ

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ห้องเกือบสุดท้าย มีผนังเปล่าสีขาวกับปากกาเคมีหลากสี ให้เราเขียน วาด เพื่อบอกเล่าความประทับใจกับหนังสือด้วย

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

เขียนก็ดี วาดก็ได้ โชว์สกิลให้เต็มที่

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

สะสมครบหน้าตาก็จะประมาณนี้ล่ะ ด้านหลังเป็นห้องชื่อจินตนาการ ออกแนวอาร์ต ๆ หน่อยลองมาชมเองครับ

จุดบริการต่าง ๆ หน้างาน

มาถึงทางเข้างานกันบ้างอย่างที่บอก ค่อนข้างโอ่โถงมีทางเข้าถึง 3 ทางใหญ่ และด้านนอกก็ยังมีจุดรับฝากของสำหรับคนข้าวของเยอะเดินหิ้วไม่ไหว และมีจุดของหายได้คืนด้วย ส่วนตู้เอทีเอ็มสำหรับคนที่อยากกดเงินเพิ่มก็จะมีอยู่ตรงบริเวณด้านหน้านี่เองครับ

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ทางเข้าตรงกลาง หรือทางเข้า 2 จะมีอาร์กเวย์สวยงามเป็นจุดสังเกตด้วย

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

จุดรับฝากของ เขางดรับฝากอาหารนะ

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ของหายต้องได้คืน มาแจ้งที่จุดนี้เลย

และบริเวณหน้างาน ก็ยังมีบอร์ดขนาดใหญ่แสดงรายชื่อและหมายเลขของแต่ละสำนักพิมพ์ว่าอยู่จุดใดกันบ้าง ปีนี้ก็ยังใช้ตัวอักษรภาษอังกฤษกับตัวเลขระบุแต่ละบูธเช่นเคย แนะนำ ว่าตรวจดูเป้าหมายให้ดีก่อนเข้างานนะครับว่าอยุ่จุดไหน อย่างลืมว่าปีนี้จัดที่ใหม่ เราจะยังไม่ชินว่าสำนักพิมพ์โปรดเราจะไปตั้งตรงไหนในงาน นอกจากนั้นในบอร์ดนี้ยังจะมีการแจ้งอีเวนต์บนเวทีกลาง และตารางกิจกรรมต่าง ๆ ด้วย มาดูกันได้

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

บอร์ดนี้จะอยู่หน้างานเยื้องไปทางประตูทางเข้า 1 ทางซ้ายมือ หน่อยนะครับ

ทั้งนี้สามารถไปดูรายชื่อบูธต่าง ๆ และเลขบูธทางเว็บก่อนได้ที่นี่เลย https://pubat.or.th/มหกรรมหนังสือ2562/รายชื่อสำนักพิมพ์/

ภายในฮอลล์จัดแสดง

มาถึงไฮไลต์ในการเดินครั้งนี้แล้ว นั่นคือในส่วนการจัดแสดงหนังสือ ต้องบอกว่าเรามีข้อแนะนำเต็มไปหมดเลยสำหรับคนที่ไปเดินครั้งแรก เพราะปีนี้จะจัดรวมทุกโซนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน โดยในฮอลล์ใหญ่จะมีบูธเรียงรายเป็นแถวเป็นแนวเต็มไปหมดคล้ายโซนพลานารี่ฮอลล์เดิมที่ศูนย์สิริกิติ์ ก็สะดวกดีไม่ต้องหลีกหลบขึ้นลงบันไดไปมาหลายพาแนลแบบศูนย์สิริกิติ์ โดยในนี้จะมีการจัดแบ่งเป็น 7 โซน ตามประเภทหนังสือ ไล่จากทางเข้าไปประกอบด้วย

  • หนังสือทั่วไป – จิปาถะเลยครับอันนี้ มีตั้งแต่อ่านเล่น ปรัชญา ความรู้ ประวัติศาสตร์ ให้กำลังใจ ฯลฯ
  • การศึกษา – แนวสำหรับครู และแนะนำการสอบ
  • หนังสือเก่า – ร้านมือสอง ร้านของเก่า หนังสือหายาก
  • หนังสือต่างประเทศ – หลากสไตล์ต้นฉบับแบบไม่แปลไทย
  • หนังสือเด็กและสื่อการศึกษา – หนังสือเรียน หนังสือให้ความรู้ ของเล่น ฯลฯ
  • นิยาย/วรรณกรรม – อีกหนึ่งโซนฮิตไม่ต้องสืบเลย คนแน่นแน่นอน

    รอมแพงออกภาคใหม่ของบุพเพฯ แถมมีขายแบบเล่มคู่ภาคเก่าภาคใหม่เลยนะ

  • การ์ตูน/วัยรุ่น – นี่ก็โซนคับคั่งหนาแน่น แถวจ่ายตังค์ยาวเฟื้อยจริง ๆ นอกจากหนังสือการ์ตูน ไลท์โนเวล ยังมีของขายของที่ระลึกจากการ์ตูน รวมถึงฟิกเกอร์โมเดล ด้วย

    โซนนี้เด็ก ๆ วัยรุ่น ๆ เยอะ เดินยากเหมือนกันนะ

    Death Note ทำฉบับสะสมในกล่องอย่างสวยเลย ใครอยากเก็บรีบมาซะ ลดเหลือเซ็ตละ 12xx บาท

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

ผังโซนต่าง ๆ ด้านล่างคือทางเข้า ในสุดของฮอลล์คือด้านบน

โซนพิเศษภายในงาน

และยังมีโซนอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เข้ามาด้วยทั้ง โซน Kerry รับส่งหนังสือกลับบ้านไม่ต้องหิ้วเอง ที่หลาย ๆ ปีก่อนจะเคยคุ้นกับบริการของทางไปรษณีย์ไทยปีนีก็เป็นเคอร์รี่มาแทน โซนนวด นี่ก็ช่วยบรรดาผู้ปกครอง/ผู้สูงวัย ได้มาผ่อนคลายและปล่อยลูกหลานเดินกันไปไม่เบื่อไม่ต้องคอยกันไปมา โซนอาหาร ก็มีบูธอาหารและที่นั่งพอประมาณ ซึ่งต้องบอกว่าคนเต็มแทบตลอดเวลา โดยด้านหลังก็มีร้านอาหารประจำของทางฮอลล์บริการด้วยก็จัดกันตามสะดวกครับ

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

เคอร์รี่ยิ้มรอเด่นเป็นสง่า ด้านหลังนั่นแดนนวดแผนไทย ป้า ๆ นั่งรอยิ้มกริ่มเลย

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

โซนอาหาร น่าจะเล็กไปนะ ที่นั่งก็แออัดมาก วันเสาร์อาทิตย์ไม่อยากคิดเลย แนะนำว่าไปร้าอาหารด้านนอกอาคารอาจจะสะดวกกว่า

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

มหกรรมหนังสือระดับชาติ

เวทีกลาง จัดเสวนา กิจกรรมต่าง ๆ หาไม่ยากเข้าประตูกลาง (ประตู 2) แล้วเดินไปสุดฮอลล์เลย

ปัญหาที่เจอจากการลองเดินจริง และข้อแนะนำผู้มาเดิน

ข้อสังเกตจากการเดินจริง แนะนำเลยครับว่างงทิศแน่นอน เพราะทั้ง 4 ด้านของฮอลล์คล้ายกันมาก และด้วยขนาดที่กว้างขวางทำให้จับจุดสังเกตแลนด์มาร์กไกล ๆ อย่างประตูทางเข้า หรือเวทีกลางลำบาก อีกอย่างที่ทำให้งงหนักเพราะฮอลล์มีลักษณะเกือบจัตุรัสทำให้กะทิศทางลำบากเพราะแค่หลงดูหนังสือในบูธเพลิน รู้ตัวอีกทีก็จับทิศยากแล้วว่าเดินมาจากแถวไหนทางไหน ซึ่งเดิมไม่ค่อยเป็นปัญหามากเพราพลานารีฮอลล์ของศูนย์สิริกิติ์จะวางตัวแบบผืนผ้าทำให้เราพอจับทิศจากด้านแคบและกว้างของแถวบูธได้

คล้ายกันไปหมด งงทิศนะเนี่ย

ซึ่งงานก็พยายามช่วยโดยการมีป้ายแขวนสูง ๆ บอกทิศของโซนต่าง ๆ ในฮอลล์ ก็บอกว่าพอช่วยได้เหมือนกัน อย่างน้อยรู้ว่าถ้าหันหลังให้ป้ายแขวนบอกโซนเราจะหันหน้าไปทางประตูทางออกแน่ ๆ ช่วยให้นึกทิศในผังออกง่ายขึ้น

ป้ายแขวนด้านบนช่วยบอกทิศได้พอสมควรเลย

สำหรับร้านค้าสำนักพิมพ์ที่มาร่วมในปีนี้ไม่แน่ใจว่าน้อยลงหรือไม่แต่ความรู้สึกคือเหมือนน้อยลง อาจด้วยการจัดพื้นที่รวมทำให้ไม่รู้สึกว่ามีหลายโซนมากเหมือนที่ศูนย์สิริกิติ์ โดยร้านใหญ่ ๆ ก็มากันครบไม่ต้องห่วงเลยครับ แต่สำหรับร้านเล็กร้านน้อยที่เคยมาร่วมนั้นไม่แน่ใจว่ามาครบไหมเหมือนกัน ก็ไม่กล้าพูดว่าพิษการเสื่อมถอยของวงการธุรกิจสิ่งพิมพ์จะส่งผลมาถึงงานนี้หรอกนะครับ ใครลองไปงานแล้วพอระบุได้ช่วยบอกหน่อยแล้วกันว่างานใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงหรือเท่าเดิม

โดยสรุป มีสิ่งที่ดีขึ้น ทั้งสถานที่ที่สะอาด ทันสมัยห้องน้ำดีมีหลายจุด มีบริการครบครัน ฝากของ แจ้งของหาย มีนวดไทย เป็นสัดส่วนดี และที่ดีสุดคือไม่ต้องขึ้นลงบันไดไปมาหลายโซน ผู้สูงอายุก็เดินได้ง่าย ข้อเสียก็มีอย่างที่บอกคือหลงทิศง่าย โซนที่คนฮิต ๆ ทางดูแคบไปหลายจุด โซนอาหารไม่เพียงพอ จุดนั่งพักก็ควรมีมากกว่านี้ และการเดินทางยังไม่สะดวกมากนัก ก็เชื่อว่าเราคงต้องมาที่นี่อีกหลายปี คิดว่าน่าจะมีการปรับปรุงและจัดงานได้สนุกน่าเดินมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ วันนี้ก็แนะนำบรรยากาศวันแรก และบอกทิปต่าง ๆ ที่พอสังเกตได้แล้ว หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนไปเดินครั้งแรกครับ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส