ต้องขอบคุณเทคโนโลยี ที่ทำให้ชีวิตของเรายังบันเทิงได้ แม้สถานให้ความบันเทิงทั้งหลายจะปิดให้บริการก็ตาม แต่เพื่อให้การนั่ง ๆ นอน ๆ ดูภาพยนตร์หรือซีรี่ส์อยู่กับบ้าน เติมเต็มความสุนทรีแบบโรงภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่ เราเลยมีข้อแนะนำให้ลองทำตามกันดูครับ

เช็กคุณภาพ “ภาพ” สักนิดก่อนนั่งติดโซฟายาว

Do: ไหน ๆ เราก็ได้เวลาเพิ่มจากการกักอยู่ในบ้านแล้ว ลองเสียเวลาสักหน่อยค้นหาดูว่า โทรทัศน์หรือจอรับภาพที่มีอยู่สามารถตั้งค่าคุณภาพสูงสุดได้เท่าไหร่ และอาจค้นในกูเกิลดูเพิ่มก็ได้ว่า จอภาพของเราเหมาะกับการตั้งค่าแบบไหน เพราะนอกจากจะเพิ่มอรรถรสในการรับชมแล้ว การตั้งค่าที่เหมาะสมยังช่วยถนอมอายุการใช้งานจอทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์ของเราได้ด้วย นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญต่อภาพอีกอย่าง คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ต อย่าลืมเช็กเราเตอร์รับสัญญาณ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตกันให้ดี ยิ่งใช้ความคมชัดมากเท่าใด ยิ่งต้องการความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูงตาม ถ้าภาพกระตุกก็คงหมดสนุกแน่ ๆ 

Don’t: ส่วนใหญ่โทรทัศน์จะมีระบบการตั้งค่าสำหรับเกม (gaming) หรือโหมดภาพสดใส (vivid) อย่าได้หลงไปใช้โดยเด็ดขาด ระบบการตั้งค่าสำหรับเกมนั้น มีไว้สำหรับใช้เพื่อป้องกันการเหลื่อมหรือลดของจำนวนภาพ (frame rates) ขณะเล่นเกม ทำให้ภาพแล็กน้อยที่สุด แต่ถ้าไม่ได้เล่นเกม มันจะเป็นโหมดที่ให้ภาพธรรมดาที่สุด ส่วนโหมดภาพสดใสนั้น แท้จริงแล้วก็สร้างมาเพื่อให้ร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายโทรทัศน์ใช้ดึงดูดลูกค้า สร้างความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อแรกเห็น แต่ในขณะเดียวกัน กลับลดความชัดของภาพไปด้วย ทำให้เสียความคมแบบภาพยนตร์ไป ถ้าใครอยากได้อารมณ์แบบในโรงก็เลี่ยงโหมดนี้ซะ

ปรับ “แสงไฟ” อย่างไรให้ได้อารมณ์และถนอมดวงตา

Do: พยายามใช้แสงในน้อยเข้าไว้ แต่ไม่ใช่ดับไฟหมด จะใช้แสงจากห้องอื่นที่พอมองเห็นจากจุดที่นั่งรับชม หรือพวกโคมไฟที่ให้ความสว่างแก่พื้นก็ยิ่งดี โรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มืดสนิท แม้ในขณะที่ฉายภาพยนตร์ก็ตาม เพราะช่วยป้องกันคนจากอาการง่วงนอน และช่วยให้ผู้ชมที่มีความจำเป็นต้องลุกออกจากโรงภาพยนตร์ระหว่างชม สามารถลุกออกไปได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง

Don’t: ถ้าให้เลือกระหว่างเปิดหรือปิดไฟ ให้เลือกเปิดไฟเอาไว้ดีกว่าการดับไฟทั้งหมด การปิดไฟโดยเฉพาะในยามค่ำคืน อาจทำให้ยิ่งง่วงซึม แถมยังทำให้เกิดอาการตาล้า เพราะขณะดูเราจะเพ่งจอ อันเป็นแสงสว่างเดียวในห้อง เมื่อจ้องไปนาน ๆ สายตาของเราก็จะปรับจูน รับแสงนั้นไปเต็ม ๆ  ในระยะยาวอาจนำมาซึ่งอาการปวดหัวปวดตา จนถึงขั้นแพ้แสงจ้าได้นะเออ (อันนี้เป็นเองกับตัวเลยล่ะ ยิ่งดูซีรีส์กันเพลิน ยิ่งต้องระมัดระวังกันไว้ให้ดี)

จัดการ “เสียง” อย่างไร ถึงจะแฮปปี้ระหว่างดู

Do: ถ้าเป็นไปได้ขอแนะนำให้ใช้ลำโพงแยก หรืออุปกรณ์ให้เสียงที่ไม่ใช่ลำโพงที่ติดมากับจอโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ คุณภาพของเสียงของโทรทัศน์ส่วนใหญ่มักไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ถ้าไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าว อย่างน้อยก็ขอให้รับชมภาพยนตร์ในภาวะที่มีมลพิษทางเสียงน้อยที่สุด เช่น ในยามค่ำคืน หรือเมื่อปิดการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ อย่างเครื่องล้างจาน หรือเครื่องซักผ้า ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเรียบร้อยแล้ว ลองนึกถึงคนที่พยายามจะดู The Invisible Man ขณะที่ใช้งานเครื่องล้างจานในห้องครัวข้าง ๆ ดูสิ จะรู้เรื่องได้ฟิลไหมละนั่น

Don’t: สำหรับคนที่ลุ่มหลงในคุณภาพเสียง ก็คงจะมีอุปกรณ์ที่ทำให้รับชมเสียงคมชัด ให้น้ำหนักเสียงสูงหรือทุ้มต่ำได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรมากมายนัก สิ่งสำคัญจริง ๆ คือการ ‘ได้ยิน’ เสียงมากกว่า ขอแค่อย่าไปเพิ่มเสียงอื่น ๆ ให้กวนใจขณะรับชมภาพยนตร์ก็เพียงพอแล้ว 

นี่คือสวรรค์ของ “ขนมขบเคี้ยว” 

Do: แน่นอนว่า นึกถึงโรงภาพยนตร์ก็ต้องคู่กับพอปคอร์นตามมา อันที่จริงแล้ว ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีพอปคอร์นแบบเข้าไมโครเวฟทำกินเองในบ้านขายอยู่นะ แถมทำเองแบบนี้ยังถูกกว่าเยอะด้วย ส่วนรสชาติความอร่อยเข้มข้นแบบที่ซื้อกินหน้าโรงนั้น ก็มีเคล็ดลับอยู่ที่ผงปรุงรสที่คลุกเคล้าต่างหาก ซึ่งผลปรุงรสพวกนี้ก็หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกเช่นกัน แถมยังมีให้เลือกหลากรสหลายแบบอีกด้วย จะทำมากเท่าไหร่ก็จัดไปได้เลย หรือจะทำขนมอื่น ๆ เพิ่มก็ได้ ไม่มีคนคอยตรวจก่อนเข้าชมให้เขินแล้วนิ จัดกันไปได้เลยครับบบ

Don’t: อย่างไรก็ตาม เรื่องของกินนี้ก็มีข้อควรระวังระวังอยู่บ้าง ให้เลือกกินของที่ตักกินหรือหยิบจับง่าย ๆ เข้าไว้ จะได้ไม่สูญเสียโฟกัสไปจากภาพยนตร์ตรงหน้า ถ้ามัวแต่ใช้มีด ใช้ช้อนส้อม หั่น ตัก แบ่ง จังหวะนั้นเราอาจจะพลาดฉากสำคัญก็ได้ ทางที่ดีควรทานอาหารให้เต็มมื้อก่อนชมภาพยนตร์ แล้วกินขนมง่าย ๆ ระหว่างชมแทน อ่อ ! ที่สำคัญอย่าลืมล้างมือก่อนนั่งทานขนมดูหนังด้วยล่ะ จะได้ปลอดภัยห่างไกลจากโรคนะจ๊ะ

หาช่วงเวลาที่เหมาะสม สร้างโลกแห่งการรับชม

Do: ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การชมภาพยนตร์ที่สุด ก็ยามที่คุณไม่ถูกขัดจังหวะยังไงล่ะ อาจจะเป็นช่วงเวลาหลังเลิกงาน หลังพาลูกเข้านอน หรือหลังจากที่ทุกคนในบ้านเข้านอนแล้ว (ยกเว้นอยากดูกับคนในบ้านหนะนะ) แน่ละว่า บางทีเวลาที่ว่ามาก็ยังอาจถูกขัดจังหวะได้ แต่ก็ขอให้เลือกเวลาที่คาดไว้ว่าจะโดนกวนน้อยที่สุดเอาไว้ก่อน จะได้เพลิดเพลินกับภาพยนตร์ได้เต็มที่

Don’t:  ‘เอาละ พักแป๊บไปคุยงานสักหน่อยดีกว่า’
            ‘เอ๊ะ ! เพิ่งนึกได้ว่า ต้องขัดห้องน้ำ พอสไว้ก่อนละกันนะ’  
            ‘อ้าว สายเข้า รับโทรศัพท์ก่อน’
            ‘เห้ย… แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนฟระ แกว่าไอ้ตัวละครนี้มันโง่ไปหน่อยไหม’
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของโมเมนต์ชั่วคราวที่จะโผล่มาเพื่อหยุดยั้งการชมภาพยนตร์แบบต่อเนื่องของคุณ โดยปกติแล้ว เราจะชมภาพยนตร์ในโรงรวดเดียวจบ หากอยากได้รับอรรถรสแบบนั้นเต็ม ๆ ก็ควรจะเคลียร์ตัวเองก่อนชม ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ และอย่าเพิ่งหาเรื่องหรือกิจกรรมอื่นเพิ่มเข้ามาขณะรับชม ยิ่งถ้านั่งดูกับคนอื่นในบ้านแล้ววิเคราะห์วิจารณ์ภาพยนตร์ไปด้วย จะพาลให้เสียอารมณ์ได้ เผลอ ๆ จะทะเลาะกันอีกต่างหาก ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ระหว่างชมภาพยนตร์นะครับ 

เอาละ ถ้าทำที่สิ่งที่ควรทำ และละเว้นจากสิ่งที่ไม่ควรทำเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คือการกดปุ่มเพลย์ เพียงแค่นี้การรับชมอยู่กับบ้านก็จะฟินไม่แพ้ชมในโรงภาพยนตร์แล้วล่ะ

อ้างอิง

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส