ดนตรีไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ให้ความบันเทิงกับเราเท่านั้น หากแต่มันยังสามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และช่วยให้เรามีประสิทธิภาพประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้การฟังเพลงยังสามารถบำบัดจิตใจ บรรเทาความเครียดในชีวิต และทำให้เรามีสมาธิดีขึ้น

การวิจัยบ่งชี้ว่าดนตรีบางประเภทมีประโยชน์ต่อเราในขณะทำงาน ดนตรีบางประเภทดูเหมือนจะช่วยในการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถของเราในการประมวลผลข้อมูล บางประเภทช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมที่เบี่ยงเบนความสนใจของเราหรือทำให้เราว่อกแว่ก นอกจากนี้ยังมีเสียงดนตรีบางประเภทที่ทำงานได้ดีกับคลื่นสมองของเราและกระตุ้นให้เราพบกับช่วงเวลา “ยูเรก้า” !! ขึ้นมาได้

ยิ่งในช่วงที่เราต้องกักตัว Work From Home แบบนี้ ข้อดีอย่างหนึ่งคือเราสามารถสร้างบรรยากาศภายในบ้านด้วยเสียงดนตรีที่เอื้อต่อการทำงานของเราได้ ดังนั้นหากในตอนนี้เรากำลังกังวลใจว่างานที่เราทำที่บ้านนั้นจะ productive หรือไม่ ให้เสียงดนตรี 7 ประเภทนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเรากันดีกว่าครับ

ดนตรีคลาสสิก

มีการศึกษามานานแล้วว่าการฟังดนตรีคลาสสิกสามารถช่วยให้คนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทฤษฎีซึ่งได้รับการขนานนามว่า “โมสาร์ตเอฟเฟกต์” แสดงให้เห็นว่าการฟังดนตรีจากนักประพันธ์เพลงคลาสสิกสามารถปรับปรุงการทำงานของสมองและทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ช่วยให้เรามีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษามากมายที่ยืนยันว่าการฟังดนตรีคลาสสิกช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการกับสิ่งที่เป็นรูปร่างรูปทรงและการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่เช่น การจัดบ้าน ได้ดียิ่งขึ้น

การฟังดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้องอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการก่อให้เกิดความ productive เนื่องจากเพลงที่มีเนื้อร้องอาจทำให้เราไขว้เขวและดึงดูดความสนใจของเราไปจากงานที่กำลังทำอยู่ คนส่วนใหญ่ที่ได้ฟังดนตรีคลาสสิกคงรู้ดีว่าดนตรีประเภทนี้ช่วยให้เกิดความสงบผ่อนคลายและช่วยลดความเครียดได้ดี (แต่ก็มีดนตรีคลาสสิกหลายเพลงอยู่เหมือนกันนะ ที่เร่าร้อนรุนแรง และช่วยกระตุ้นอารมณ์มากกว่าผ่อนคลาย) นอกจากนี้ยังพบว่าดนตรีคลาสสิกยังช่วยในด้านการเรียนโดยช่วยให้นักเรียนสามารถทำข้อสอบได้ดีขึ้นร้อยละ 12 อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นเพลงสบาย ๆ ที่เราคงคุ้นหูกันดีอย่าง “Für Elise” ของเบโธเฟน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ทำให้มีจิตใจจดจ่อและจดจำในสิ่งที่เรียนได้ดียิ่งขึ้น

ต่อไปนี้คือตัวอย่างเพลงคลาสสิกที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขณะทำงานได้ครับ

“Clair De Lune” และบทเพลงคลาสสิกยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ของเดอบูว์ซี นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยท่วงทำนองอันไพเราะ พร่างพลิ้ว ริ้วไปในอารมณ์ จึงเหมาะยิ่งนักที่จะเปิดฟังยาว ๆ และทำงานไปเพลิน ๆ รับรองไม่มีเครียดแน่นอน

Play video

เพลงของโมสาร์ตคือบทเพลงตัวอย่างที่คนนิยมนำมาฟังเพื่อสร้างผลเชิงบวกเสมอ  งานดนตรีของโมสาร์ตเป็นดนตรีที่มีความสมบูรณ์และมีท่วงทำนองและอารมณ์ส่วนใหญ่เน้นไปทางร่าเริง กระตุ้นพลัง ทำให้ใจเบิกบาน และสดชื่นมีชีวิตชีวา แต่สำหรับผู้ฟังบางคนอาจรู้สึกว่าเพลงของโมสาร์ตนั้นโฉ่งฉ่างและเร้าอารมณ์เกินไป

Play video

เพลงของเบโธเฟนก็เป็นอีกตัวอย่างที่เหมาะสม ซึ่งเพลงของเบโธเฟนจะเป็นบทเพลงคลาสสิกในยุคโรแมนติก เพราะฉะนั้นหลายบทเพลงจะรุ่มรวยไปด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน บางเพลงก็เปลี่ยวเหงาเศร้าจับใจ บางเพลงก็เต็มไปด้วยเปลวไฟกระพือโหม ลองเลือกที่จัดเป็นเพลย์ลิสต์สำหรับฟังเพื่อการอ่านหนังสือ การเรียนหรือทำงานก็จะเป็นเซ็ตบทเพลงฟังสบายครับ

Play video

บาคคือนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกแห่งยุคบาโรก เป็นปรมาจารย์แห่งดนตรีคลาสสิก ต้นธารแห่งความสร้างสรรค์ที่ส่งต่อมายังนักประพันธ์เพลงรุ่นหลังอย่าง โมสาร์ตหรือเบโธเฟน งานดนตรีของบาคจะมีความงามงดหมดจด ลุ่มลึก และสงบซึ้ง จึงแนะนำเป็นอย่างยิ่งครับ

Play video

งานเพลงของโชแปงนั้นทั้งงดงามและอ่อนช้อยไปด้วยอารมณ์ละมุน ไพเราะเสนาะโสตยิ่งนัก หลายครั้งที่คนฟังเพลงพอปหรือแนวอื่นอยากมาเริ่มฟังเพลงคลาสสิกเรามักแนะนำให้ฟังโชแปง เพราะจะฟังได้ง่ายและคุ้นเคยกับการสัมผัสไปที่อารมณ์เพลงที่ชัดเจน แต่ข้อควรระวังในการฟังเพลงโชแปงระหว่างทำงานคือควรเลือกบทเพลงที่ไม่เศร้าเร้าอารมณ์จนเกินไป เพราะหลายเพลงของโชแปงนั้นจะมีความเหงา เศร้า เคล้าอยู่ในใจพอสมควรเวลาที่ได้ฟัง อาจจะพาใจเราไปคิดถึงใครบางคนที่เราทำตกหล่นไว้ในอดีต แทนที่จะได้ทำงานอาจจะพาใจเหงาเฝ้าคิดถึงใครไปแทน

Play video

ดนตรีธรรมชาติ (Nature Music)

การฟังเสียงของธรรมชาติ เช่น คลื่นซัดสาดเข้าหาดทราย หรือ ลำธารไหลเอื่อยเรื่อยริน นั้นช่วยเพิ่มพลังทางปัญญาได้เป็นอย่างดี เสียงของธรรมชาตินั้นทำงานได้ดีที่สุดเมื่อเสียงเหล่านั้นมีความสงบ เช่น น้ำไหล หรือสายฝน ในขณะที่เสียงที่ดังมากขึ้น เช่น เสียงนกร้องและเสียงสัตว์อาจทำให้เสียสมาธิได้

นักวิจัยที่สถาบันโพลีเทคนิค  Rensselaer Polytechnic Institute ได้ค้นพบว่าเสียงธรรมชาติช่วยเพิ่มอารมณ์และช่วยในการเพิ่มความจดจ่อ การศึกษาพบว่าพนักงานมีประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้นและมีความรู้สึกในเชิงบวกมากขึ้นเมื่อเปิดเสียงธรรมชาติสร้างบรรยากาศขณะทำงาน อาจเป็นเพราะเสียงของธรรมชาติช่วยขจัดความสนใจในเสียงรบกวนทั้งหลายออกไป เช่น เสียงพูดคุยของคน เสียงพิมพ์ต๊อกแต๊กลงไปบนคีย์บอร์ด นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพบว่าพนักงานไม่เพียงแต่ทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้นแต่เสียงของธรรมชาติที่สงบเงียบยังมีผลต่อความสามารถในการคิดของพนักงานอีกด้วย

นี่คือตัวเลือกดี ๆ ที่ควรลองฟังกันดูครับ

เสียงฝนอันย่อนโยนแบบนี้ก็ช่วยผ่อนคลายและเพิ่มพลังในการทำงานได้ดีเลยครับ

Play video

เสียงคลื่นซัดสาดหาดทราย สัมผัสได้ถึงสายลมบางเบาเคล้ากลิ่นไอทะเล

Play video

หรือจะลองแบบเสียงธรรมชาติที่ผสานกับเสียงดนตรีเพราะ ๆ ก็ได้ครับ

Play video

ดนตรีประกอบภาพยนตร์

ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่เข้มข้นสามารถทำให้เรารู้สึกว่ากำลังทำอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจหรือมีความสำคัญอยู่ เมื่อซาวนด์แทร็กที่ยิ่งใหญ่และสง่างามกำลังบรรเลงท่ามกลางงานที่สุดแสนจะสามัญธรรมดา ก็อาจเปลี่ยนความรู้สึกของเราว่ากำลังทำภารกิจสำคัญหรือภารกิจกอบกู้โลกอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งความรู้สึกนี้นี่ล่ะจะช่วยเพิ่มความเข้มข้นและประสิทธิภาพประสิทธิผลให้กับงานของเรา

ดนตรีประกอบภาพยนตร์สามารถเพิ่มขีดความสามารถ ยกจิตวิญญาณของเรา และทำให้อารมณ์ของเราสดใสขึ้น ดังนั้นหากเรารู้สึกเหนื่อยล้าให้หันมาลองฟังเพลงประกอบภาพยนตร์สักเรื่องที่เราชอบ โดยเฉพาะเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เร้าใจ เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับเรา

และนี่คือตัวอย่างดนตรีประกอบภาพยนตร์ชิ้นเยี่ยมที่ควรลองเปิดประกอบการทำงานสักครั้ง

Play video

Play video

Play video

Play video

ดนตรีประกอบวิดีโอเกม

หลายคนอาจจะคิดไม่ถึง แต่รู้หรือไม่ว่าการฟังเพลงประกอบวิดีโอเกมนั้นอาจเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยให้เรามีใจจดจ่ออยู่กับงานได้ เนื่องด้วยองค์ประกอบทั้งหมดของวิดีโอเกมได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด ที่จะช่วยกระตุ้นเร้าประสาทสัมผัสทั้งหมดของเรา เพราะฉะนั้นบทเพลงซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญย่อมต้องได้รับการแต่งขึ้นเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้เรามุ่งเน้นไปกับการเล่นเกมของเราโดยไม่ต้องถูกรบกวนด้วยเสียงอื่น ๆ

โดยทั่วไปเพลงประกอบเกมจะไม่มีเนื้อร้องและมีความเร็วในระดับเพียงพอที่จะทำให้เรารู้สึกอยากก้าวไปข้างหน้า อยากแก้ไขปัญหาหรือต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ดาหน้าเข้ามาในเกม วิดีโอเกมเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการไขปริศนาและรับมือกับสถานการณ์ที่รุนแรง ดังนั้นเราจึงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย ผู้ผลิตวิดีโอเกมจึงทุ่มเทอย่างมากในการหาจุดสมดุลที่สมบูรณ์แบบสำหรับบทเพลงที่จะใช้ในเกมเหล่านั้น บทเพลงประกอบวิดีโอเกมจึงเป็นสิ่งที่มีพลังขับเคลื่อนเราไปข้างหน้าและช่วยให้เรามีใจมุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับงานและรายการสิ่งที่ต้องทำประจำวัน

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเพลงประกอบวิดีโอเกมที่ยอดเยี่ยมเหมาะไว้ใช้ประกอบการทำงานครับ

Play video

Play video

Play video

เพลงที่มีเบสหนัก ๆ

เสียงเบสที่หนักแน่นเพิ่มพลังให้กับบทเพลงที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เรามีความมั่นใจและกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น

จากผลการวิจัยในปี 2005 ในวารสารจิตวิทยาดนตรีพบว่า “อารมณ์เชิงบวกที่สร้างขึ้นโดยพลังทางดนตรีอาจมีอิทธิพลต่อวิธีการจัดระเบียบความรู้ ความเข้าใจ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดสร้างสรรค์ของคนทำงาน ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ได้สัมผัสกับดนตรีในเชิงบวกแสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ในระดับที่สูงกว่าผู้ที่เคยสัมผัสกับสิ่งเร้าที่เป็นกลางหรือเชิงลบ

ตามผลการวิจัยใน ‘Medical Daily’ แนะนำให้ฟังบทเพลงที่ช่วยเสริมพลังก่อนการประชุมที่สำคัญหรือสถานการณ์อื่น ๆ ที่ต้องการความมั่นใจ อย่างไรก็ตามขอแนะนำว่าควรมีการเปิดฟังเพลงประเภทนี้ในกรณีที่ต้องการเสริมสร้างพลังอำนาจก่อนงานสำคัญและในช่วงพักเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าบทเพลงประเภทนี้จะสามารถเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มระดับพลังงานให้กับเราได้ แต่ก็สามารถทำให้เสียสมาธิอย่างมากหากเปิดฟังในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงการทำงานที่ต้องใช้สมาธิมาก ๆ ก็อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก

ตัวอย่างบทเพลงสร้างพลังอันเข้มข้นประเภทนี้ก็เช่นเพลง “We Will Rock You” ของวง Queen  

Play video

เพลงที่มีความเร็วอยู่ที่ 50-80 bpm

มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าอาจไม่ใช่ประเภทของดนตรีเท่านั้นที่สำคัญในการช่วยให้เราจดจ่อและมีประสิทธิภาพในการทำงาน หากมีเรื่องความเร็วของเพลงด้วย การศึกษาพบว่าดนตรีที่มีความเร็วอยู่ที่ 50 ถึง 80 ครั้งต่อนาที (beat per minute) สามารถเพิ่มและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ได้ดี

ดร. เอ็มม่า เกรย์ (Emma Grey) นักบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (cognitive behavioral therapist) ได้ทำงานร่วมกับ Spotify เพื่อค้นคว้าประโยชน์ของดนตรีบางประเภท เธอพบว่าการฟังเพลงในช่วง 50-80 bpm ทำให้สมองอยู่ในสถานะคลื่นอัลฟ่าซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่ทำให้เรามีจิตใจสงบ เยือกเย็น สุขุม มีอารมณ์ดี เบิกบาน ความคิดสร้างสรรค์สูง สมาธิสูง มีความจำดี และมีพลังความคิดด้านบวกสูง มองโลกในแง่ดี (ซึ่งการทำสมาธิคือวิธีที่ดีที่ทำให้เราเข้าสู่ช่วงคลื่นอัลฟ่า)

เมื่อเราตื่นขึ้นโดยทั่วไปเราจะอยู่ในสภาวะที่รู้จักกันในชื่อคลื่นเบต้าซึ่งเป็นสถานะตื่นตัวที่กิจกรรมคลื่นสมองของเราอยู่ระหว่าง 14 ถึง 30 HZ เมื่อสมองของเราช้าถึงระหว่าง 7 และ 14 HZ เราจะอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายมากขึ้นซึ่งจะทำให้เราเปิดกว้างมากขึ้นและมีจิตคิดวิพากษ์น้อยลง สภาพจิตใจนี้เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับจินตนาการ ความทรงจำ และสัญชาตญาณของเรารวมถึง“ช่วงเวลาของยูเรก้า !!” ด้วย

นี่คือตัวอย่างเพลงพอปที่เราคุ้นหูกันดีซึ่งมีความเร็วอยู่ในช่วง 50 ถึง 80 ครั้งต่อนาที

Play video

Play video

Play video

เพลงโปรดของเรา

เวลาที่ต้องสะสางงานที่เราไม่รู้สึกเร้าใจกับมันเท่าไหร่ การวิจัยพบว่าการเปิดเพลงประเภทที่เราชื่นชอบสามารถปรับอารมณ์และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับงานของเราได้

Teresa Lesiuk ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านดนตรีบำบัดที่มหาวิทยาลัยไมอามีพบว่า การเลือกเพลงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อตัดสินใจว่าจะฟังอะไรในขณะที่ทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีทักษะในการทำงานปานกลาง การวิจัยของเธอพบว่าผู้เข้าร่วมที่ฟังเพลงที่พวกเขาชอบทำงานได้เร็วขึ้นและมีความคิดที่ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ฟังเพลงที่ชอบเพราะเพลงที่ชอบช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นและทำให้อารมณ์ดีขึ้นในขณะทำงานนั่นเอง

แต่การวิจัยยังค้นพบมากไปกว่านี้อีกว่าหากเพลงที่ผู้เข้าร่วมฟังเป็นสิ่งที่ทำให้ไขว้เขว เช่น อาจเร็วเกินไปหรือมีเนื้อเพลงที่ดึงดูดความสนใจก็อาจไม่ช่วยให้เราทำงานดีขึ้นได้

ดังนั้นให้คุณลองจัดเพลย์ลิสต์เพลงโปรดด้วยตัวคุณเองสักที ไม่แน่คราวนี้อาจจะได้เซ็ตเพลงเด็ด ๆ โดน ๆ สำหรับใช้ทำงานหรือใช้ชีวิตในแต่ละสถานการณ์ได้ดีเลยก็ได้

ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงและมีการทำงานอย่าง productive ครับ !!!

Source

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส