หนัง The Help ปี 2011 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับปัญหารการเหยียดสีผิวในสังคมอเมริกันยุค 1960s กลายเป็นหนังฮิตตอนที่เข้าฉายสามารถทำรายได้จากทั่วโลกไป 216 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างแค่ 25 ล้านเหรียญฯ และยังประสบความสำเร็จอย่างงดงามบนเวทีรางวัล เอาเฉพาะเวทีออสการ์หนังก็ชนะ 1 สาขารางวัลออสการ์คือ นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Octavia Spencer)) และเข้าชิงอีก 3 สาขารางวัลรวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หนังกลับมาได้ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ของ Netflix เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังสหรัฐฯ ร้อนระอุด้วยการประท้วงกระแส #BlackLiveMatter

“หนึ่งในหนังที่เสียใจที่สุดที่รับเล่นก็คือ The Help” Viola Davis

ขณะที่หนังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ก็เกิดกระแสเรียกร้องให้คนไม่ดูหนังเรื่องนี้เช่นกัน โดยกลุ่มผู้ชมที่ต่อต้านนี้บอกว่า หนังไม่ได้ตั้งใจจะชูประเด็นเรื่องการเรียกร้องความเท่าเทียมของคนต่างสีผิวเท่าที่ควร ซึ่งก็ตรงกับนักแสดงอย่าง Viola Davis ที่รับบทสมทบของเรื่อง (เธอได้เข้าชิงออสการ์นำหญิงเรื่องที่สองจากเรื่องนี้) ที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นกันเมื่อตอนปี 2018 ว่า หนึ่งในหนังที่เสียใจที่สุดที่รับเล่นก็คือ The Help

Octavia Spencer, Viola Davis และ Bryce Dallas Howard

“ตอนที่ฉันถ่ายหนังจบในวันสุดท้าย ฉันกลับรู้สึกว่า หนังไม่พยายามจะส่งเสียงของเหล่าแม่บ้าน (ตัวละครในเรื่อง) ให้ดังออกไป เพื่อให้โลกได้รับรู้อย่างที่คิดไว้ ฉันรู้จักไอบีลีน ฉันรู้จักมินนี พวกเธอเป็นคนรุ่นยายรุ่นแม่ของฉันที่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้ กลายเป็นว่า หนังเรื่องนี้เน้นไปที่เรื่องคนดำทำงานให้คนขาว คอยเลี้ยงดูลูก ๆ ของพวกคนขาว ฉันแค่คิดว่าหนังจะเล่าถึงเสียงในใจของคนผิวดำมากกว่าเล่าว่าคนผิวขาวปฏิบัติกับพวกเราอย่างไร แต่ฉันกลับไม่เห็นอะไรแบบนั้นตลอดทั้งเรื่องราวของหนังเลย” Viola Davis กล่าว

The Help (2011) เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ Kathryn Stockett ที่แต่งขึ้นในปี 2009 เป็นเรื่องราวของสาวใช้กับคนผิวขาวในช่วงยุค 1960s  Viola Davis รับบทเป็น “ไอบีลีน คลาร์ก” แม่บ้านชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ทำงานให้ครอบครัวไฮโซผิวขาว ซึ่งเธอกับบรรดาเพื่อนคนผิวดำที่ทำอาชีพเดียวกันต้องเผชิญกับความอยุติธรรมจากนายจ้างผิวขาวต่าง ๆ นานๆ แล้วได้หาทางตอบโต้กลับในตอนท้าย

สองสาวคนรับใช้ผิวดำ ตัวละครหลักใน The Help (2011)

แก่นของเรื่องพยายามนำเสนอการเรียกร้องสิทธิ์ของทั้งคนแอฟริกัน-อเมริกันและผู้หญิงในเวลาเดียวกัน และยังสะท้อนภาพของสังคมในยุคนั้นอย่างออกมาได้อย่างสมจริง ที่ว่าคนผิวดำสามารถทำงานได้ในฐานะพลเมืองชั้น 2 เช่น การเป็นคนรับใช้ของคนผิวขาวเท่านั้น หนังมีความบันเทิงต่อช่วงเวลาเอาคืนของพวกเธอในตอนท้าย แต่นั่นก็อาจยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ Davis พอใจ

ดราม่าเบื้องหลังการสร้างของหนังเรื่องนี้ก็ไม่จบแต่เพียงแค่นั้น เพราะนิยายของเรื่องนี้ที่ Kathryn แต่งขึ้นนั้นเอาคาแร็กเตอร์ของบุคคลที่มีตัวตนเป็นคนรับใช้ที่ชื่อ Abilene Cooper มาเป็นตัวละครในนิยายที่ต่อมากลายเป็นหนัง ซึ่ง Abilene เองไม่ได้ยินยอมให้นำเรื่องของเธอมาใช้ และรู้สึกไม่สบายใจที่หนังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในแง่มุมที่คนทั้งโลกได้เห็น เธอพยายามฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแต่ศาลยกฟ้องไปในที่สุด

Emma Stone, Octavia Spencer และ Viola Davis

“แต่ฉันไม่ได้เสียใจในแง่ประสบการณ์ของการทำงานนะคะ เพราะทุกคนที่นั่นยอดเยี่ยมมาก ฉันได้รับมิตรภาพที่ดีมาก ๆ แม้หนังจะจบไปแล้ว ฉันมีประสบการณ์ที่ดีมากกับนักแสดงคนอื่น ๆ และ Tate Taylor (The Girl on the Train, Get on Up, Ma) ผู้กำกับก็ทำงานด้วยกันอย่างราบรื่นมาก” Davis กล่าวถึงเพื่อนร่วมงานที่มีตั้งแต่ Emma Stone, Bryce Dallas Howard, Octavia Spencer และ Jessica Chastain (รายหลังเข้าชิงออสการ์สมทบหญิงกับ Davis จากเรื่องเดียวกันนี้ด้วย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส