ที่สุดแห่งประสบการณ์ออนไลน์คอนเสิร์ตให้แฟน ๆ ได้ฟินเต็มอิ่มจุใจ ผลงานความร่วมมือระหว่างบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)  และแอปพลิเคชันออนไลน์ชื่อดังจากเกาหลีใต้  VLIVE  ประเดิมครั้งแรกด้วย “GMM ONLINE FESTIVAL” ออนไลน์คอนเสิร์ตเฟสติวัลครั้งแรกบน VLIVE+ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4-5 กรกฎาคมที่ผ่านมา จัดเต็มศิลปินกว่า 21 ศิลปิน ระยะเวลายาวนานที่สุดกว่า 18 ชั่วโมง ยอดการชมพร้อมกันทั่วโลกกว่า 200 ประเทศ

โดยมีผู้ชมสูงสุดจาก 5 ประเทศนี้คือ ไทย, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และ จีน โดยมีซับไตเติล 2 ภาษาคือ อังกฤษ และ จีน รองรับตลอดการรับชม และมีจำนวนการกดส่งหัวใจมากกว่า 200 ล้านหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับศิลปิน บนความยิ่งใหญ่ของ Production เสมือนจริงในระดับเฟสติวัล ถึง 4 เวที

ประกอบด้วย Main Stage ที่จัดเต็มในรูปแบบ Full Production ทั้ง LED และ Lighting Effect ต่าง ๆ ส่วนเวที Cube Stage เวทีที่มีความเก๋ ด้วยการดีไซน์เป็น LED ทั้ง 4 ด้าน บน ล่าง และด้านข้างทั้งสองฝั่งของเวที Prop Stage เป็นเวทีที่แต่ละโชว์จะใช้ Prop ที่แตกต่างกันไป ตามคอนเซ็ปต์ของโชว์นั้น ๆ และเวทีสุดท้าย Green Stage เวทีนี้ไม่ธรรมดาตรงที่ใช้ Oversize Green Screen เข้ามาทำให้เวทีดูยิ่งใหญ่อลังการมากขึ้นโดยคอนเสิร์ตครั้งนี้มีการนำเทคโนโลยี AR และ CG ในการสร้างเทคนิคของภาพที่เราจะได้เห็น ตาม Concept ที่แตกต่างกันไปของแต่ละศิลปิน ซึ่งมาจากจินตนาการและไอเดียของศิลปิน

เริ่มต้นความสนุก“GMM ONLINE FESTIVAL” กันที่เวที Prop Stage กับวงดนตรีแนวอินดี้ ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน Safeplanet (เซฟแพลนเน็ต) เปิดตัวมาภายใต้คอนเซ็ปต์ On The Spaceship  (การแสดงจากบนอวกาศ) พร้อมขนเพลงฮิตอย่าง ห้องกระจก, ดินแดน ใส่ชุดใหญ่ด้วยแสงสีเสียง LED + AR เต็มรูปแบบเพิ่มกลิ่นอายเรโทร และลวดลายยุค 80 ในบรรยากาศลึกลับ ตื่นเต้น ได้อย่างลงตัว

จากนั้นถึงคิวค่าย สนามหลวงมิวสิก นำโดยศิลปิน KORDYIM/ BLUES TAPE/ ZEE / CLOCKWORK MOTIONLESS  ออกมาวาดลวดลายสไตล์ดนตรีในแบบของตัวเองบนเวที Green Stage ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Realm of Geometric (ดินแดนเรขาคณิต) ต่อเนื่องความสนุกกันที่เวที Prop Stage กับวง THE YERS (เดอะเยอร์ส) มาภายใต้คอนเซ็ปต์ The Confession Room (ห้องสารภาพบาป) ขยี้อารมณ์ด้วยลิสต์เพลงฮอตอาทิ ระหว่างขับรถ, ห้องที่ไม่เคยสว่าง, การสื่อสาร พร้อมโชว์เทคนิคมุมกล้องสุดเจ๋ง

ไปดื่มด่ำบรรยากาศความสนุกกันต่อ บนเวที Cube Stage และ Green Stage กับค่าย YUPP! ขนแร็ปเปอร์ขวัญใจวัยรุ่น LAZYLOXY MILLI และ MAIYARAP มาปล่อยเพลงเนื้อหาเข้มข้นและบีทหนัก ๆ ส่งท้ายความสนุกด้วยเพลงTMRW (ทูมอร์โรว์) รวมพลังร้องจาก LAZYLOXY+MILLI+MAIYARAP โชว์นี้ถือว่าเซอร์ไพรส์แฟนเพลงที่ตั้งตารอดูอย่างคุ้มค่า  

ส่งต่อความสนุกกับศิลปินระดับแนวหน้าของประเทศวง Getsunova (เกทสึโนวา) โดยคอนเซ็ปต์ของโชว์ครั้งนี้ Journey From The Moon ที่มาจากชื่อวงที่แปลว่า “ดวงจันทร์” พาผู้ชมแฟนเพลงทุกคนเดินทางจากดวงจันทร์มายังโลกกับเพลงฮิตขึ้นหิ้งมากมาย ไกลแค่ไหนคือใกล้, พระเอกจำลอง, โดดเดี่ยวด้วยกัน, คนไม่จำเป็น, แตกต่างเหมือนกัน โดยระหว่างทางจะเต็มไปด้วย Effect ที่ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังดูหนัง Sci-Fi อยู่

มันสุดเหวี่ยงกันต่อด้วยวงร็อกสายว้าก LOMOSONIC (โลโมโซนิค) วงดนตรีที่เล่นสดได้สนุกที่สุดวงหนึ่งของไทย ขนพลังเอเนอร์จี้มาเต็ม กับคอนเซ็ปต์ The darkest spot On the Sun (จุดดับบนดวงอาทิตย์) ปล่อยพลังด้วยเพลงฮิตใส่ยับจัดหนักจัดเต็มตามสไตล์เช่นเคย เติมสีสันของโชว์ให้น่าสนใจกับ CG การเดินทางในจักรวาลมาจนถึง Sun ไปสนุกกันต่อกับวง 25hours มาในคอนเซ็ปต์ Timeless space of the Light (ห้วงแสงไร้เวลา)

ก่อนจะถึงช่วงเวลาที่หัวใจทุกคนต้องเต้นแรงสุด ๆ กับ เป๊ก ผลิตโชค ที่ยังคงฮอตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้  เป๊ก ผลิตโชค ได้มาภายใต้คอนเซ็ปต์ Imaginary World มีการใช้ Lighting กับ LED Room ที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โดยในแต่ละเพลงมีการใช้  Graphic, Lighting + AR เข้ามาช่วยเติมสีสันของโชว์ให้น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง จนละสายตาไม่ได้เลย หรืออย่างเพลง A Little Thing ที่ใช้เวที Green Screen ทำให้ดูยิ่งใหญ่ด้วยฟังก์ชัน Oversize Green Screen ภาพที่ออกมาจึงเหมือนกับว่า เป๊ก ผลิตโชค  กำลังอยู่บนดวงจันทร์ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ของเป๊ก คือ Performance Show การเต้น ในเพลงFirst Lady บนเวทีใหญ่ Main Stage พร้อมกับ Visual ที่จัดเต็ม จนเหล่านุชต้องกรี๊ดไม่หยุด

สตาร์ทบ่ายวันอาทิตย์พร้อมเสิร์ฟความฟินกับศิลปินสุดฮิต Tilly Birds เจ้าของเพลงฮิต คิดแต่ไม่ถึง ภายใต้คอนเซ็ปต์ Colors of the Sky (ฟ้าหลากสี) เวอร์ชั่นนี้ทำเอาสาว ๆ หัวใจเต้นแรงไปตาม ๆ กัน จากนั้นถึงคิวของวง  Three Man Down (ทรีแมนดาวน์) ในคอนเซ็ปต์ Distortion of the Space (สุญญที่บิดเบี้ยว) งานนี้ทำเอาแฟน ๆ ที่ดูและฟังอยู่ได้แอบอมยิ้มไปพร้อมกับจังหวะเหงา แสนน่ารักของหนุ่ม Three Man Down

จากนั้นถึงคิววงอินดี้เพื่อชีวิต Taitosmith (ไททศมิตร) เปิดตัวด้วยเสียงกีตาร์เข้ม ๆ จัดเต็มตั้งแต่เพลงแรกจนจบโชว์ ด้วยคอนเซ็ปต์ Into HUMAN’s mind (จิตใต้สำนึก) โชว์ภาพ ไทยแลนด์กรุงเทพฯ ทันสมัยผสมคลองเตย ดึงอารมณ์ผู้ชมให้อินไปตามเพลงได้อย่างลงตัว พักอารมณ์เพื่อชีวิตไปฟังเพลงแบบชิว ๆ นักร้องหนุ่มหล่อใส MEYOU ในคอนเซ็ปต์ Secret Room in the Night Sky (ห้องลับในราตรี) พร้อมโชว์เพลงฮิตที่คนทั่วไปรู้จักกันดี ภาวนา บวกกับ CG สุดพิเศษบอกได้คำเดียวว่าเท่สุด ๆ

ต่อกันที่ฝั่งร็อกอย่างวง Cocktail (ค็อกเทล) ที่มาภายใต้คอนเซ็ปต์ The equilateral land เต็มไปด้วยความ Innovative ของการโชว์อย่างเต็มรูปแบบ แสดงครบทั้ง 4 เวที ครบทุกเทคนิคและความทันสมัย ทำให้ผู้ชมได้รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกเกม และยังมีสร้างภาพเสมือนคน โดยการใช้เทคนิค Motion Capture (Mocap) เข้ามาช่วยอีกด้วย เติมดีกรีความฮอตให้พุ่งปรี๊ดเมื่อหนุ่มเสียงดี อะตอม ชนกันต์ ก้าวออกมาปล่อยเพลงฮิต อ้าว, ทางของฝุ่น, พลีส (Please), แผลเป็น และ อย่าบอก ในคอนเซ็ปต์ The Box of Light (กล่องแสง) โชว์เทคนิค CG ตื่นตาตื่นใจที่หนุ่ม  อะตอม นั่งในรถร้องเพลง รถคันเก่า

ต่อที่ วง Klear (เคลียร์) ออกมาจัดเต็มแบบอันลิมิต โดยครั้งนี้นอกจากขนเพลงฮิตทั้ง คำยินดี, รักไม่ต้องการเวลา, สิ่งของ, พันหมื่นเหตุผล, จะรักหรือจะร้าย ฯลฯ มาเรียกเสียงกรี๊ดแล้ว ยังมาพร้อมกับหนึ่งความประทับใจด้วยภาพแฟนเพลงขึ้นบนจอ Oversize Green Screen ในเพลง สิ่งของ 

ปิดท้ายคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วยวงที่มีคาแร็กเตอร์ชัดเจนขั้นสุด อย่างวง Paradox (พาราด็อกซ์) ที่ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เปิดตัวมาด้วย เพลง ผงาดง้ำค้ำโลก ที่ส่งปลาหมึกยักษ์ออกมาให้ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนเพลง ร.ด. Dance ก็ได้นำเพื่อน ๆ เหล่าว้ากเกอร์ของวง ออกมาเต้นไปด้วยกัน แถมยังทิ้งท้ายความตลก ด้วยการเล่นบนเวที Green Stage แต่กลับไม่ได้ใส่ CG ซะอย่างนั้น ไม่เสียชื่อวงพาราด็อกซ์ที่ทำให้เราอดยิ้มตามไม่ได้ ในทุกครั้งที่ได้ดูโชว์ของพวกเขา

งานนี้คงต้องยอมรับจริง ๆ ว่า การสร้างสิ่งใหม่สำหรับวงการบันเทิงบ้านเราในยุคดิจิทัลและ NEW NORMAL นั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะสร้างให้ดี มีคุณภาพ และทำให้ผู้ชมยอมรับ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ด้วยความเป็นผู้นำในด้านความบันเทิงของแกรมมี่ ได้พิสูจน์ให้เห็นในครั้งนี้แล้วว่า สามารถทำให้ดีได้ อย่างไม่มีข้อกังขา

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส