เล่นทำเซอร์ไพรส์แบบไม่ให้ตั้งตัว กับอัลบั้มล่าสุดชุดที่ 8 ที่มีชื่อว่า ‘folklore’ ของสาวเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ประกาศมาวันที่ 23 และปล่อยอัลบั้มวันที่ 24 เลย อัลบั้มนี้มาพร้อมเพลงใหม่ที่ไม่เคยฟังที่ไหนมาก่อนทั้งหมด 16 เพลง ที่สาวเทย์ซุ่มแต่งและอัดเพลงเหล่านี้ด้วยตัวของเธอเองคนเดียวในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ด้วยความทุ่มเทและกลั่นกรองออกมาจากจินตนาการ ความฝัน ความกลัว และความคิดใคร่ครวญต่างๆ ของเธอ นอกจากนี้ยังได้ทำงานร่วมกับคนดนตรีที่เป็นฮีโรของเธออย่าง Aaron Dessner (มือกีตาร์จากวง The National) , Bon Iver , William Bowery และ Jack Antonoff เจ้าเก่า บอกได้เลยว่าอัลบั้มนี้แปลกใหม่และว้าวสุด ๆ ดูเหมือนว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์จะโกอินดี้ก็งานนี้ ได้ขยายฐานแฟนเพลงเข้าไปอีก

นอกจากอัลบั้มเต็มแล้ว สวิฟต์ยังปล่อย MV เพลง ‘cardigan’ ซิงเกิลแรกของอัลบั้มออกมาพร้อมกันด้วย โดย MV นี้ถ่ายทำกันในช่วงกักตัวจากโควิด-19 ที่ต้องระมัดระวังในการทำงานกันเป็นพิเศษอยู่ภายใต้การควบคุมของทีมแพทย์ ทุกคนในกองถ่ายสวมหน้ากากอนามัย แม้แต่สวิฟต์เองก็ยังแต่งหน้าทำผม และแต่งตัวเองทั้งหมดเลย MV ตัวนี้นอกจากจะมีงานภาพที่น่าตื่นใจจากการกำกับภาพของ Rodrigo Prieto ผู้กำกับภาพที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาการกำกับภาพยอดเยี่ยมจากผลงานสามเรื่อง Brokeback Mountain (2006) , Silence (2017) และ The Irishman (2020) แล้วยังมีสิ่งที่หน้าสนใจเป็น Easter Eggs ให้แฟน ๆ ได้สนุกค้น สนุกคิดหาความหมาย เหมือนเช่นผลงานก่อน ๆ ของเทย์เลอร์ สวิฟต์อีกด้วย ใครยังไม่ชม MV ตัวนี้ให้ไปชมกันก่อน แล้วกลับมาดูกันดีกว่าครับว่าสาวเทย์เค้าซ่อนอะไรเอาไว้ใน MV ตัวนี้บ้าง

เลข 13 ที่นาฬิกาบนผนัง

ในช็อตนี้เราจะเห็นว่านาฬิกาชี้บอกเวลา บ่ายโมง 15 นาที ซึ่งเข็มสั้นชี้ที่เลข 1 เข็มยาวชี้ที่เลข 3 นั่นคือเลข 13 ซึ่งเป็นเลขโปรดของสวิฟต์ ซึ่งเคยปรากฏอยู่ใน MV เพลงก่อน ๆ หน้านี้มาหลายครั้ง นอกจากนี้วันที่อัลบั้มออกเผยแพร่คือ 24 เดือน 7 ยังมีความเกี่ยวพันกับเลข 13 อีกด้วย เพราะเมื่อเรานำเอาเลขทั้งหมดมาบวกเข้าด้วยกัน 2+4+7 ก็จะได้เท่ากับ 13 นั่นเอง

ภาพคุณปู่ของเทย์เลอร์ สวิฟต์

ในช็อตเดียวกันนี้ ยังมีอีก easter eggs ซ่อนอยู่นั่นคือภาพของชายลึกลับ ซึ่งแฟน ๆ ในโซเชียลมีเดียต่างชี้ว่า ผู้ชายคนนี้ที่แท้แล้วคือ Archie D. Swift Jr. คุณปู่ของเทย์เลอร์ สวิฟต์นั่นเอง นั่นทำให้ความหมายของ MV นี้มีความเชื่อมโยงกับรากฐานชีวิตครอบครัวของเธอ

หนังสือบนโต๊ะ

เรายังอยู่กันที่เดิมไม่ได้ไปไหน ในช็อตเดียวกันนี้ หากมองที่มุมด้านซ้ายล่าง เราจะเห็นกองหนังสืออยู่ตั้งหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคือหนังสืออะไร แต่จากเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ร้องว่า “Tried to change the ending/Peter losing Wendy, I/I knew you,” อาจทำให้เราสามารถเดาได้ว่าในนั้นจะต้องมี ‘Peter pan’ อยู่ด้วยแน่นอน

ชุดแต่งงาน ?

ทุกครั้งที่เห็นสวิฟต์ใส่ชุดเดรสขาว แฟน ๆ ก็มักเชื่อมโยงไปถึงการแต่งงานเสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน หลายคนเชื่อว่าเพลงนี้เป็นเหมือนกับบทเพลงที่เธอเขียนขึ้นเพื่อมอบให้กับความสัมพันธ์ระยะเวลา 3 ปีที่เธอมีกับนักแสดงหนุ่ม Joe Alwyn โดยเฉพาะในท่อนที่ร้องว่า when I felt like I was an old cardigan / Under someone’s bed / You put me on and said I was your favorite.” ยิ่งทำให้คิดไปในทางนี้ (แถม Alwyn ยังเคยเล่นหนังเรื่อง The Favourite (2018)) อีกด้วย

ภาพที่มีอารมณ์คล้ายกับใน MV เพลง  “ME!”

ถึงแม้ว่าสีสันอันโดดเด้งใน MV เพลง  “ME!” กับอารมณ์ภาพใน MV เพลง “cardigan” นี้จะไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็มีช่วงหนึ่งใน MV ที่ชวนให้คิดไปถึง “ME!” ในฉากที่สวิฟต์นั่งอยู่บนรูปปั้นยูนิคอร์นและมีแม่น้ำสีชมพูไหลหลั่งออกมาจากชุดของเธอ ใน MV นี้ที่ชวนให้เชื่อมโยงถึงกันก็คือฉากที่เธอเล่นเปียโนอยู่ในขุนเขาที่มีน้ำตกไหลผ่านเป็นบรรยากาศที่งดงาม

ความคล้ายคลึงกันกับ MV ของ Harry Styles

มีความคล้ายคลึงกันบางประการระหว่าง MV เพลงนี้กับ MV เพลง ‘Falling’ ของอดีตหวานใจของเธอ Harry Styles ไม่ว่าจะเป็นภาพการเล่นเปียโนในแสงสลัว ๆ และ ช็อตโคลสอัปที่เห็นนิ้วที่สวมแหวนกำลังพรมลงไปบนคีย์เปียโนซึ่งเหมือนทั้งในสอง MV เลย

ดนตรีช่วยชีวิตสวิฟต์เอาไว้

ในฉากที่สวิฟต์ล่องลอยและกำลังจมลงไปในห้วงสมุทรจากพายุโหมกระหน่ำ เธอรอดชีวิตได้ด้วยการเกาะเปียโนของเธอเอาไว้ ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าดนตรีนั่นเองเป็นสิ่งที่ช่วยชุบชูจิตใจและพยุงให้เธอข้ามพ้นอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ มาได้  (ในฉากนี้หลายคนก็อาจคิดไปถึง MV เพลง ‘Falling’ ได้อีกเหมือนกันเพราะว่า ทั้งสอง MV นอกจากจะมีฉากเล่นเปียโนเหมือนกัน ยังมีฉากที่ตามมาจากการเล่นเปียโนเป็นการจมน้ำเหมือนกันอีกด้วย)

Alwyn ผู้เป็นเสมือนดั่งทองคำล้ำค่า

หลังจากที่เธอผ่านพ้นมรสุมมาได้ เธอได้เปิดเปียโนออกและมีทองคำโผล่ออกมาจากในนั้น (ที่เปียโนมีคำว่า ‘folklore’ ซึ่งเป็นชื่ออัลบั้มนี้ด้วย) ซึ่งหลายคนได้ตีความว่า นอกจากดนตรีจะช่วยชีวิตเธอแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งนั่นก็คือ ‘คนรัก’ ซึ่งหมายถึงหนุ่ม Joe Alwyn ที่มีความหมายต่อชีวิตของเธอ  ที่ผ่านมาสวิฟต์เคยเขื่อมโยง Alwyn กับทองคำมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นในเพลง “Daylight” ในท่อนที่ร้องว่า “I once believed love would be (burnin’ red)/But it’s golden.” ในเพลง “Dress” “There is an indentation in the shape of you/Made your mark on me, a golden tattoo.” และในเพลง “Invisible String” จากอัลบั้ม folklore ที่เธอร้องว่า “one single thread of gold” has “tied me to you.”

ค้นพบตัวตนหลังผ่านพ้นมรสุม

ใน MV นี้เราได้เห็นการค้นหาตัวตนของเธอในหลากหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นท่ามกลางป่าเขาสีเขียวขจี หรือท่ามกลางห้วงสมุทรและมรสุม สุดท้ายไม่ว่าเธอจะไปยังที่แห่งใด เธอก็ได้กลับมายังบ้านของเธอ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าสวิฟต์จะผ่านพ้นเรื่องราวแบบไหนมา สุดท้ายเธอก็ต้องกลับมาหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ

อาภรณ์นั้นหรือคือความหมาย

หลังจากที่ได้เห็น tracklist ของ ‘folklore’ หลายคนพบว่า สวิฟต์นั้นให้ความหมายกับเรื่องเครื่องแต่งกายมาก อย่างเช่นในอัลบั้ม Red ในบทเพลง “All Too Well” ที่เธอร้องว่า Left my scarf there at your sister’s house/And you’ve still got it/In your drawer, even now.” ซึ่งในเพลงนี้เสื้อผ้าสื่อถึงความอกหัก แต่สำหรับ ‘เสื้อคาร์ดิแกน’ ในเพลงนี้นั้นหมายถึง “ความสงบสุขและความมั่นคงในจิตใจ”

‘เสื้อคาร์ดิแกน’ คือความอบอุ่นต่อใจ (ที่แอบ tie-in)

หลังจากเปียกปอนผ่านมรสุมมา เสื้อคาร์ดิแกนตัวนั้นช่วยให้ความอบอุ่นแก่เธอ ดังนั้นคาร์ดิแกนอาจสื่อความถึงสิ่งที่ช่วยโอบอุ้มค้ำชูจิตใจ มอบความอบอุ่นให้แก่สวิฟต์ในยามที่เธอเจอปัญหาหนักหนาใด ๆ มาซึ่งเป็นได้ตั้งแต่ครอบครัว เสียงดนตรี และคนรัก ขณะเดียวกันเราก็สามารถหาเสื้อตัวนี้มาให้ความอบอุ่นได้เช่นเดียวกัน ลองเข้าไปเยี่ยมชมในเว็บไซต์ของสาวเทย์ดูแล้วอาจจะรู้สึกอยากเสียตังค์ขึ้นมา

เทย์เลอร์ สวิฟต์มองมาที่เรา (?)

ในช็อตสุดท้ายของ MV เราจะเห็นสวิฟต์ทำการ ‘breaking the fourth wall’ ด้วยการมองตรงมายังผู้ชม (?) หรือที่แท้คนที่เธอมองนั้นไม่ใช่เราหากแต่เป็น Joe Alwyn คนรักของเธอที่เธอมอบเพลงนี้ให้กับเขาเพื่อที่จะบอกว่าเธอรู้สึกขอบคุณในรัก และขอบคุณที่เขาเป็นเสมือนที่พักพิงอันอบอุ่นหลังผ่านมรสุมโหมกระหน่ำในชีวิตมานั่นเอง นอกจากในเพลงนี้แล้วยังมีเพลง ‘Delicate’ ที่เธอสื่อความถึง Alwyn เหมือนกันและยังจบด้วยช็อตที่เธอจ้องมองมาที่หน้าจอเหมือนกันอีกด้วย

Source

elle

cnn

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส