[รีวิว] sweet sour รักหวานอมเปรี้ยว : รอมคอมร้ายกาจ ที่เปิดหม้อแกงกันตอนจบ
Our score
8.8

จุดเด่น

  1. เล่าเรื่องง่าย ๆ จับต้องได้ และเป็นอาหารที่ย่อยง่ายไม่ต้องเคี้ยว ที่สำคัญก็คือเรื่องนี้โดนแกงกันถ้วนหน้าแน่นอนจ้ะ เพราะฉะนั้นอย่าเผลออ่านสปอยล์ใด ๆ ก่อนดู ไม่อย่างนั้นละก้อ แกงหม้อนี้จะไม่อร่อยกันเลยละ

จุดสังเกต

  1. ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นดราม่าที่แสนจะธรรมดา นางเอกสวย พระเอกหล่อ และมีเรื่องให้พร้อมเผือก ...ถ้าหากขาดการเล่าเรื่องที่ขี้แกล้งขนาดนี้
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.0

  • คุณภาพนักแสดง

    9.0

  • คุณภาพการเล่าเรื่อง

    9.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    10.0

เมื่อต้องเผชิญกับโอกาสและความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริง คู่รักหลายคู่ต้องเผชิญบททดสอบ ในการรักษาความสัมพันธ์เมื่อต้องอยู่ไกลกัน จนอาจจะเข้าทำนองรักแท้แพ้ระยะทางซะอย่างนั้น ซึ่งชีวิตก็มักจะมีบททดสอบมาวัดใจกันเล่น ๆ แบบนี้แหละ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นดราม่าคอมเมดี้ รักสามเส้า ที่ใช้บททดสอบนี้มาเป็นเส้นเรื่องได้ร้ายกาจไม่ใช่เล่น

เนื้อเรื่องเริ่มต้นที่การพบกันของคนไข้และผู้ช่วยพยาบาล จนเกิดเป็นความรักเข้าจนได้ ‘อีจางฮยอก’ (อีวูเจ) วิศวกรหุ่นอวบอั๋นที่เพิ่งได้งานหมาด ๆ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคไวรัสตับอักเสบB ระหว่างนั้น ‘ดาอึน’ (แชซูบิน) พยาบาลสาวได้ดูแลเขาเป็นอย่างดีจนเกิดความประทับใจ และแน่นอนเขาปิ๊งเธอเข้าเต็มเปา เพราะเธอช่างเฟรนด์ลี ขี้เล่น ดาอึนขอเรียกเขาว่า ‘พี่ฮยอก’ ซึ่งเขาก็ยินยอมด้วยความยินดี

ความรักครั้งนี้ทำให้ ‘เขา’ ตัดสินใจแล้วว่า จะลดความอ้วนและมีสุขภาพที่ดีเพื่อ ‘เธอ’ ให้ได้ ภาพยนตร์ทำให้เราเห็นว่า เขาทำได้จริง ๆ เมื่อรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเปลี่ยนแปลงไปตามความตั้งใจ กลายเป็นหนุ่มหล่อ สุขภาพดี ไม่กินขนมหวาน ‘จางฮยอก’ (จางกียง) กลายเป็นวิศวกรอนาคตไกล ฝีมือโดดเด่นจนหัวหน้างานสนับสนุนให้ไปพิสูจน์ฝีมือที่บริษัทใหญ่ยักษ์ในกรุงโซล

sweet sour

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เขาและ ดาอึน แฟนสาวต้องอยู่ไกลกัน งานหนัก ๆ ในสภาพแวดล้อมใหม่ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน แถมยังต้องห่างจากแฟนสาว ไม่มีเวลาเจอกันได้อย่างใจเหมือนเคย ซ้ำยังต้องมาเจอกับ ‘โบยอง’ (คริสตัล ช็อง) ผู้หญิงที่เป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อนร่วมงานในเวลาเดียวกันอีก จนในที่สุดความรักที่ว่าแน่ก็ต้องแพ้…..ระยะทาง

เส้นเรื่องง่าย ๆ ที่เล่าเรื่องได้ร้ายกาจ

ภาพยนตร์เรื่องนี้หยิบเอาความเป็นจริง ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคู่รักหลายคู่ในโลกใบนี้ ‘รักแท้มักแพ้ระยะทาง’ ประโยคนี้สามารถใช้ได้ชะงัดนักกับใครบางคน บางคู่ที่หัวใจไม่มั่นพอ ก็ถ้ารักกันจริง มั่นคงหนักแน่นจะมีอะไรมาชนะความรักของเราได้ล่ะจริงไหม ระยะทางไกล ๆ กับงานเหนื่อย ๆ ที่ว่า จึงมักจะถูกหยิบเอามาเป็นข้ออ้างของมนุษย์รักแท้แพ้ใกล้ชิดอยู่บ่อย ๆ

sweet sour

เรื่องราวรักสามเส้าจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้า ‘เขา’ ไม่ปันใจ หนังจั่วหัวมาแล้วว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่เกี่ยวกับรักสามเส้าเราสามคน ของหนุ่มสาววัยทำงานเคสหนึ่ง ที่เริ่มต้นความรักด้วยความประทับใจ หวานชื่น ละมุนละไมและชวนยิ้มเป็นที่สุด จนอาจจะเป็นกำลังใจให้ใครหลายคนลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเพื่อคนที่คุณรัก จากการที่ เขา พยายามลดความอ้วนเพื่อ เธอ

หนังใช้การเปิดเผยความจริงที่ว่า โลกใบนี้ดำเนินไปด้วยการแข่งขัน โดยเฉพาะในสังคมของการทำงานที่ต้องการความมั่นคงก้าวหน้า ใครล่ะจะไม่อยากแอกทีฟ ใครล่ะจะไม่อยากพิสูจน์ตัวเองเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น พระเอกของเรื่องนี้จึงทุ่มเทความสามารถเพื่อให้เขาเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการยอมรับ และสาเหตุของการปันใจคือความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และเอาความเหนื่อยเป็นข้ออ้างจนอาจหลงลืมไปว่า เขาไม่ใช่คนที่เหนื่อยเป็นอยู่คนเดียว

sweet sour

เป็นการใช้พล็อตย่อยง่ายที่ทัชใจใครหลายคน เพราะเรื่องราวแบบนี้มักจะเป็นเหตุการณ์ที่คู่รักมากมายต้องเคยประสบ จะบอกว่าใช้พล็อตตลาดก็ตอบว่าใช่ แต่ที่ใช่มากกว่านั้นก็คือ พล็อตแบบนี้มันคือเรื่องจริง ถึงจะง่ายต่อการทำความเข้าใจ ง่ายต่อการรู้สึกร่วม แต่จะทำยังไงให้ความง่ายที่ว่ามันน่าสนใจและแปลกไปจากเรื่องอื่น ๆ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำได้ด้วยการเล่ามันออกมาง่าย ๆ ได้ร้ายกาจทีเดียวละ

การดำเนินเรื่องที่ร้องเฮ้ย! เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอจ๊ะ

ชอบตอนจบของเรื่องนี้มาก ๆ ให้ตายสิ เป็นการดำเนินเรื่องที่หลอกคนดูได้อย่างแยบยล หนังทำให้เราเข้าใจไปว่า นี่ก็คือเรื่องรักสามเส้าธรรมดา ๆ ที่สอดแทรกความเป็นจริงใบบริบทสังคมที่มีการแข่งขัน การเอารัดเอาเปรียบในที่ทำงาน การให้ความหวังและหลอกใช้เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ

‘จางฮยอก’ (จางกียง)

มีพระเอกหล่อ นางเอกน่ารักและสาวอีกคนช่างน่าสนใจซะจริง แบบนี้จะไม่หวั่นไหวก็ยากอยู่ แล้วไงอ่ะ เรื่องราวจะดำเนินไปด้วยสูตรสำเร็จหรือเปล่าที่ พระเอกกลับใจไปง้อนางเอก ต้องมีการเลือกยากและต้องมีคนผิดหวัง จะจบแบบสุขนิยมหรือทุกข์ระทม ก็ไม่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นกว่าใครไปได้ต่อให้มีหนุ่มหล่ออย่าง ‘จางกียง’ และสาวสวยมากอย่าง ‘คริสตัล ช็อง’ แสดงนำก็เถอะ

‘โบยอง’ (คริสตัล ช็อง)

แต่…มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นจ้ะเมื่อการดำเนินเรื่องมันมีจุดพีก ด้วยบทสรุปที่ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ มารู้ตัวอีกทีว่า ที่นั่งดูมาทั้งหมดนั้น ‘โดนแกง’ ซดน้ำแกงกันเพลินไปเลยจ้ะงานนี้ ปมหลอก ๆ มีอยู่หลายมุมจนทำให้เราคิดไปเอง แถมยังคิดไปอีกว่ามีตัวละครลึกลับที่แอบแฟนตาซีอยู่ในเรื่อง แต่จริง ๆ แล้วเขาคือตัวแทนของคนธรรมดาคนหนึ่งที่ผ่านโลกมามาก และมาเพื่อเตือนสติคู่รักด้วยประโยคที่จริงซะยิ่งกว่าจริงว่า

‘ดาอึน’ (แชซูบิน)

“ถ้าพลาดรถแท็กซี่หนึ่งคัน เราอาจรอคันอื่นได้ แต่ถ้าหากว่าทำใครคนหนึ่งหลุดมือไป มันจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว” ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นดราม่า-คอมเมดี้ (เบา ๆ ) ที่มีสาระ ได้อรรถรส แปลกใหม่ ก็เพราะอีตอนสรุปจบนี่แหละ

sweet sour

  • กำกับ : Kae-Byeok Lee
  • ความยาวภาพยนตร์ : 1 ชั่วโมง 42 นาที

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส