จากนวนิยายติดอันดับขายดีทั่วโลกที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 เล่มจบ ผลงานของนักเขียนรุ่นใหม่มาแรง ‘หนานไพ่ซานซู’ แต่ละเล่มแบ่งเป็นภาค ๆ อ่านสนุกจนหยุดไม่ได้กันเลยทีเดียว อยู่ในระดับของหนังสือนิยายชนิดวางไม่ลง เมื่อขายดีและโด่งดังขนาดนี้ก็ถูกนำมาเป็นซีรีส์และภาพยนตร์ให้ได้รับชมกันอย่างเมามัน ในส่วนของซีรีส์นั้น หยุดตามต่อไม่ได้พอ ๆ กับหนังสือเลยละค่ะ


บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน (เต้ามู่ปี่จี้) 

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์แนวแอ็กชัน แฟนตาซีเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์ความต้องการนั้นได้อย่างเต็มที่จนพูดได้ว่า บันทึกจอมโจรแห่งสุสานเป็นสยองขวัญทริลเลอร์ที่ครบสูตร เพราะขนสมัครพรรคพวกมาเต็มคันรถ ทั้งผีดิบ วิญญาณพันปี ศพโลหิต สัตว์ประหลาดสายพันธุ์พิเศษที่ไม่คิดว่าโลกนี้จะมีอยู่ ดาหน้ากันมาทำความรู้จักกับตัวเอกของเรื่องและพรรคพวกกันอย่างคับคั่ง แต่จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่ เงื่อนปมที่ซับซ้อนน่าติดตามและการดำเนินเรื่องที่ชวนให้เราสงสัยไปกับความขี้เผือกของ ‘อู๋เสีย’ พระเอกคนดีของสังคมแถมยังขี้สงสัยในทุก ๆ เหตุการณ์ที่พบเจอ เรียกว่าสงสัยเก่ง สงสัยจังจนได้เรื่องและได้เลือดกันอย่างสาแก่ใจเลยทีเดียว

ก็คนดีคนฉลาดอะค่ะ มักจะไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ เป็นธรรมดาและนอกจากเรื่องราวเหนือธรรมชาติต่าง ๆ ที่เวอร์วังเกินจะบรรยายแล้ว บทของเรื่องนี้ยังเขียนให้มีความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเป็นเหตุเป็นผลจนเราคล้อยตามได้ว่า “เออ..จริงว่ะ หรือมันจะเป็นเพราะอย่างนั้นจริง ๆ” งงในงง สงสัยในสงสัย คล้อยตามในคล้อยตามอีกที เรียกว่าหลากอารมณ์เอามาก ๆ เอาเป็นว่าใครที่ยังไม่เคยอ่านนิยาย แนะนำให้ดูซีรีส์ก่อนเลยค่ะแล้วค่อยหานิยายมาอ่าน อรรถรสจะเพิ่มพูนมากขึ้นไปอีกเมื่อบวกกับจินตนาการส่วนตัวของเรา สำหรับผู้เขียนนั้นอ่านจบไปนานแล้วถึงมาตามดู ก็ได้อรรถรสไปอีกแบบที่ได้เสพจินตนาการของคนอื่น ซึ่งซีรีส์จะเริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ภาคที่ 1 ตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา เอาไว้ใน ‘บันทึกจอมโจรแห่งสุสานปี 1 The Lost Tomb’

ความสนุกเริ่มต้นขึ้น ที่นี่…

บันทึกจอมโจรแห่งสุสานปี 1 The Lost Tomb

เรื่องราวของ ‘สามเหลี่ยมเหล็ก’ สามหนุ่มนัก ‘คว่ำกรวย’ (ขุดสุสาน) เพื่อนซี้ ที่ต้องเสี่ยงชีวิตกับอันตรายทุกรูปแบบ รวมทั้งการสืบหาความจริงเบื้องลึกเบื้องหลังที่อดสงสัยไม่ได้ เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ‘อู๋เสีย’ (หลี่อี้เฟิง) ทายาทตระกูลอู๋ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าตระกูลขุดสุสาน ถูกคนกลุ่มหนึ่งตามล่าเพราะต้องการหัววัวสมัยราชวงศ์ชิงที่อยู่กับเขา ระหว่างทางเขาและ ‘ไฮจูเนียร์’ (หลี่เฉินฮ่าว) เพื่อนของเขาก็มาเจอกับ ‘หวังพ่างจื่อ’ (หลิวเทียนจั่ว) พ่อค้าขายของเก่าที่ชื่นชอบการคว่ำกรวยเป็นชีวิตจิตใจ สามคนหนีคนร้ายหัวซุกหัวซุนจนได้รับการช่วยเหลือจาก ‘จางฉี่หลิง’ (หยางหยาง) หนุ่มลึกลับที่โผล่มาจากไหนก็ไม่มีใครรู้

หวังพ่างจื่อ (หลิวเทียนจั่ว) – อู๋เสีย (หลี่อี้เฟิง)

เล่าคร่าว ๆ ให้เข้าใจกันก่อนว่า บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน เป็นนิยายที่มีหลายภาคแถมยังมีภาคแยกย่อยออกมาอีก เพราะฉะนั้นการนำเรื่องนี้มาทำซีรีส์ สามารถทำได้หลายปีเลยเชียวแหละ สำหรับภาคแรกเป็นภาคเริ่มต้นที่ตัวเอกของเรื่องคือ อู๋เสีย จะได้เข้าไปขุดสุสานเป็นครั้งแรกกับ ‘อู๋ซานเสิ่ง’ (จางจื้อเหยา) อาจอมเจ้าเล่ห์ของเขาที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก ช่วงที่เขาเรียนอยู่เยอรมันอู๋เสียได้พบเห็นสมบัติของชาติที่ควรจะอยู่ในชาติตัวเอง ตกอยู่ในมือของต่างชาติมากมาย ความรักชาติที่อยู่ในตัวอู๋เสียก็พรั่งพรูจ้ะ เกิดความหวงแหนและอยากปกป้องไม่ให้ตกไปอยู่ในมือต่างชาติอีก ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองจะเกิดมาในตระกูลของนักคว่ำกรวยก็ตามที (ก็คือขุดสุสานแล้วเอาของมาขายนั่นแหละ)

จางฉี่หลิง/เสี่ยวเกอ (หยางหยาง)

การคว่ำกรวยครั้งแรกของเขาจึงมาในข้อสัญญากับชาวคณะที่ว่า จะไม่มีการนำสมบัติที่พบเจอออกไป ต่อให้นำออกเขาก็จะมอบมันให้ทางการเป็นผู้รักษา หรือต่อให้เจอในที่อื่น ๆ เขาก็จะประมูลมาให้ได้ถึงแม้ว่าจะต้องทุ่มหมดหน้าตักก็ตามทีและเมื่อมีครั้งแรกครั้งต่อ ๆ ไปก็ตามมา บวกกับเรื่องราวที่เขาอ่านเจอในสมุดบันทึกของปู่ ทั้งความลับในหน้าบันทึกที่ถูกฉีกออกไป เรื่องราวความพิศวงของ ‘มัจฉาคิ้วงู’ ที่หลายคนต่างต้องการ และความเป็นมาของ จางฉี่หลิงหรือที่เพื่อน ๆ เรียกกันว่าเสี่ยวเกอ ที่ลึกลับซับซ้อนชนิดเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้เรื่องของตัวเองเพราะจำไม่ได้ ให้ตามสืบตามค้นเป็นตอน ๆ จนกว่าจะถึงบทสรุป (ภาคนี้เสี่ยวเกอเท่เอามาก ๆ ) ซึ่งภาคแรกมีเพียง 12 ตอนจบ (แบบไม่จบ) ใครว่าง ๆ นั่งดู 2 วันรู้เรื่องเลยจ้ะ..หมายถึงรู้เรื่องว่าต้องดูภาค 2 ต่อให้จงได้อ่ะนะ ไม่ใช่อะไร

ต่อภาค 2 กันเลยอย่าให้ช้า

บันทึกจอมโจรแห่งสุสานปี 2 The Lost Tomb 2 : Explore With The Note

‘บันทึกจอมโจรแห่งสุสานปี 2 The Lost Tomb 2 : Explore With The Note’ ภาคนี้ทำเนื้อหาต่อจากสิ่งที่ค้างคาไว้ในภาคที่แล้ว เป็นไทม์ไลน์ที่เข้าใจได้ว่า อ๋อ มันเริ่มจากตอนนั้นไง ตอนที่เราร้องว่าห๊า..จบแล้วเหรอนั่นน่ะ แต่ต่อก็เหมือนไม่ต่อซะอย่างนั้นเพราะทุกอย่างเปลี่ยนใหม่หมด ทั้งตัวแสดง โลเคชันต่าง ๆ ที่ไม่เปลี่ยนก็ผู้กำกับนี่แหละ แถมระยะเวลาก็ทิ้งห่างจากภาคแรกถึง 4 ปี นักแสดงตัวเดิมก็ไม่น่าจะมีคิวให้แล้วละจ้ะ แต่ระหว่างที่รอก็จะมี ‘เปิดตำนานเก้าสกุล The Mystic Nine’ มาให้ดูฆ่าเวลากันไปก่อนในปีถัดไป ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวที่ย้อนไปสมัยบรรพบุรุษของอู๋เสีย

จางฉี่หลิง (เฉิงอี้)

เราสามารถดูภาคแรกแล้วแวะไปดูเก้าสกุลก่อนได้ ก็จะเข้าใจความเป็นมาของแต่ละตระกูล แล้วค่อยกลับมาดูภาค 2 ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์สะดุดอะไรเลย เพราะเราต้องเริ่มอินไปกับตัวละครกันใหม่ทั้งหมดอยู่ดี โดยภาคนี้ ‘อู๋เสีย’ รับบทโดย ‘โฮ่วหมิงฮ่าว’ หนุ่มน้อยหน้าละอ่อน เอวบางร่างน้อยตะมุตะมิ ‘หวังพ่างจื่อ’ รับบทโดย ‘จางป๋ออวี่’ จากภาคที่แล้วที่เป็นเจ้าอ้วนตุ้ยนุ้ย ภาคนี้ก็ยังเป็นเจ้าอ้วนแต่ลดความอ้วนมาแล้ว แถมยังบอกไว้ในบทอีกว่า “ฉันอุตส่าห์ไปลดความอ้วนมาแล้วนะ” ส่วนพ่อหนุ่มสุดเท่ พูดน้อยจนเกือบจะเป็นใบ้ ‘จางฉี่หลิง’ ซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกเขาว่า ‘เสี่ยวเกอ’ นะคะ เปลี่ยนเป็น ‘เฉิงอี้’ มารับบทนี้ไป

อู๋เสีย (โฮ่วหมิงฮ่าว) 

เรียกว่าพอผ่านเหตุการณ์จากภาคแรก แก๊งสามเหลี่ยมเหล็กก็หน้าละอ่อนลงเฉย ส่วนอาสามนั้น ผมหมดหัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ได้ ภาคแรกมีผมอยู่ดี ๆ ภาคนี้สกินเฮดซะงั้นน่ะจ้ะ บ้านช่องห้องหับเปลี่ยนใหม่หมด แต่…เมื่อทุกอย่างมาผสมรวมกันกลับลงตัวและเข้มข้นขึ้นกว่าภาคแรกในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นโลเคชันที่เข้ากับเนื้อเรื่องมากกว่า บ้านพระเอกกับบ้านของอาสามมันควรจะหน้าตาแบบนี้สิ CG ก็พัฒนาขึ้นกันเห็น ๆ ถ้าภาคแรก CG ให้คะแนนที่ 70% ภาคนี้เอาไป 90% ก็ไม่ถือว่าใจดีเกินไปนัก

หวังพ่างจื่อ (จางป๋ออวี่)

และบทในภาคนี้ก็ลึกลับซับซ้อนมากขึ้นไปอีก หลอกตัวเอง หลอกคนดูกันไปมา ฝันกันแล้วก็ฝันกันอีก ชิงไหวชิงพริบและมีเรื่องให้คิดตามอีกพะเรอเกวียน หนังสือวางไม่ลงยังไง ก็ยังยืนยันว่าซีรีส์ก็อดตามต่อไม่ได้อยู่อย่างนั้น ภูตผีและสิ่งเหนือธรรมชาติโผล่กันมาแบบไม่หยุดหย่อน ทั้งลงน้ำ เข้าถ้ำ ลุยหิมะและยังสามารถสนองความชิปของสาววายได้อีกด้วย ดูเอาเถอะค่ะ ถ้าสาววายคนไหนดูเรื่องนี้แล้วไม่ชิปคู่อู๋เสียกับเสี่ยวเกอล่ะก็ ต่อมชิปต้องเสียแน่ ๆ จ้ะ ขอบอก และเมื่อจบ 2 ภาคนี้ไปแล้วทีมงานชุดใหม่ก็ได้คลอดฉบับรียูเนียนขึ้นมาอีก และมันสามารถเปลี่ยนอรรถรสไปจากเดิมได้ด้วยสิ

รียูเนียนที่เติบโตขึ้นไปอีกขั้น

ฉบับรียูเนียนก็จะออกมา 2 ภาคจ้ะ แบ่งเป็น เสียงพิโรธของเทพเจ้าปี 1 (Reunion: The Sound of the Providence) และ เสียงพิโรธของเทพเจ้าปี 2 Reunion: The Sound of the Providence s2 ภาคนี้เป็นไทม์ไลน์ที่พัฒนาขึ้นจากภาคที่แล้ว ตัวแสดง โลเคชันเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดจนถึงผู้กำกับก็เป็นคนละคนกัน สิ่งที่เห็นความแตกต่างตั้งแต่เริ่มต้นเลยก็คือ มีการเติบโตขึ้นของตัวละครตามท้องเรื่องเพราะภาคนี้อู๋เสียอายุเกือบ ๆ 40 แล้ว ‘อู๋เสีย’ (จูอี้หลง) และ ‘หวังพ่างจื่อ’ (เฉินหมิงฮ่าว) จนกว่าเดิมจนเห็นได้ชัด สอดคล้องกับความจริงที่ว่า 2 ภาคที่แล้วใช้เงินไปกับการประมูลสมบัติชาติไปเยอะ มาภาคนี้ค่าน้ำค่าไฟก็เกือบจะไม่มีจ่ายซะด้วยสิ และอู๋เสียก็พบว่าตัวเองป่วยหนักเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หนำซ้ำอาสามก็หายตัวไปอีกแล้ว

Reunion: The Sound of the Providence 1

วัน ๆ อู๋เสียนี่ไม่ต้องทำอะไรกันละค่ะ เพราะเที่ยวได้ตามหาอาสามจากปริศนาที่ทิ้งไว้ให้ แล้วก็วิ่งโร่ปกป้องสมบัติชาติ จะไอเป็นระยะตลอดเรื่องนี่ไม่แปลกเลยนะ และเพื่อตามหาตัวอาสามให้พบก่อนที่ตัวเองจะหมดลมหายใจ กลุ่มสามเหลี่ยมเหล็กที่ประกอบไปด้วย อู๋เสีย, หวังพ่างจื่อ และจางฉี่หลิง (หวงจวิ้นเจี๋ย) ก็ได้กลับมารวมตัวและเริ่มต้นการผจญภัยอีกครั้ง แน่นอนว่าเสี่ยวเกอของเราเท่เสมอต้นเสมอปลาย มีสาว ๆ เข้ามาอยู่ในภาคนี้หลายคน ใน Reunion 1 จะไม่ค่อยได้ลงสุสานเท่าไหร่ แต่จะเป็นการพบเจอสิ่งแปลก ๆ ในโกดังที่นำของในสุสานมาเก็บ ไปจนถึง Reunion 2 ก็ได้เริ่มเดินทางตามเบาะแสไปยังเมืองสายฟ้าเพื่อตามหาอาสาม

Reunion: The Sound of the Providence 2

ตัวละครสองภาคนี้ต่อเนื่องกัน ไม่เปลี่ยนให้เราต้องปรับความรู้สึกกันอีกแล้ว ซึ่งการผจญภัยครั้งนี้ก็ทำให้อู๋เสียได้ค้นพบความจริงที่อาสามปิดบังไว้มานาน ใครดูสองภาคแรกแล้ว ไม่ตามต่อที่ Reunion ทั้งสองภาคนี้มันจะไม่สุดเอานะจ๊ะ เพราะฉะนั้นต้องตามต่อด้วยประการทั้งปวง อย่าให้ขาด

ไปให้สุดแต่ยังไม่ต้องหยุดก็ได้

ก็อย่างที่บอกในตอนแรกว่า ซีรีส์ชุดนี้สามารถทำออกมาให้ชมได้อีกเป็นปี ๆ แบ่งเป็นปีละหลายภาคและหลายทีมสร้างก็ยังไหว ซึ่งตอนนี้ก็ดาหน้ากันออกมาหลายภาคแล้วด้วยสิ ทั้งภาคซาไห่ ภาคธิเบต โอ้ย! เยอะมาก แถมทำออกมาเป็นภาพยนตร์ก็มีอีก แต่ในที่นี้จะขอพูดถึงภาคนี้ก็แล้วกันค่ะ ‘ปริศนาลับขั้วสุดท้าย Ultimate Note’ ซึ่งสนุกมาก ก.ไก่ล้านตัว แน่นอนว่าเราจะได้พบกับตัวละครชุดใหม่กันอีกแล้วจ้ะ ส่วนตัวชอบภาคนี้มากที่สุดกว่าภาคไหน ๆ เพราะน้อง ๆ หล่อมากลากไม่ไปกันเลย ใจละลายไปหมดแล้วพ่อคุณเอ้ย

อู๋เสีย (เจิงซุ่นซี) ได้รับม้วนเทปปริศนาที่ถูกส่งมาจากสถานพักฟื้นโกลมุด เมื่อไปถึงเขาก็ได้พบกับสหายเก่าอย่าง จางฉี่หลิง (เซียวอวี่เหลียง) รวมถึงบันทึกของทีมสำรวจที่กล่าวถึงเรื่องราวของปริศนาขั้วสุดท้าย อู๋เสียจึงร่วมมือกับ อาหนิง (ฮาหนี่เคอจื่อ) นายแว่นดำ (หลิวอวี่หนิง) เซี่ยอี่เฉิน (หลิวอวี้หาน) และหวังพ่างจื่อ (เฉิงฟางซวี่) ในการเดินทางไปยัง ถ่ามู่ถัว เมืองผีกลางสายฝน ตามเบาะแสที่ได้จากบันทึก ก็จะเป็นการการตามหาความลับของวิชาอมตะ

ใครที่เริ่มมาดูภาคนี้ จะต้องอยากย้อนไปดูตั้งแต่ภาคแรกแน่นอน เพราะเปิดเรื่องมาอู๋เสียก็จะเริ่มแนะนำตัวให้เรารู้จักว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เขามีเพื่อนรักสองคนนะคือเจ้าอ้วนหวังพ่างจื่อที่จ้อไม่หยุด และนายเรือพ่วงจางฉี่หลิงที่วัน ๆ ไม่พูดไม่จา และโผล่มาช่วยเขาได้ทันเวลาทุกทีสิน่า เขาทั้งสามร่วมผจญภัยที่ไหนกันมาบ้าง ตั้งแต่ตำหนักหลู่หวังเจ็ดดารา เข้าถ้ำ ลงทะเล ปีนผาฝ่าหิมะ สารพัดการผจญภัยจนได้มาตามหาปริศนาลับของความเป็นอมตะกันอีก ซึ่งอย่าคิดว่านี่คือตอนจบของซีรีส์ชุดนี้จ้ะ ยังไปต่อได้อีกค่ะคุณผู้ชมทุกท่านคะแต่เรื่องราวในตอนนี้ก็จะทำให้เราเข้าใจได้มากขึ้นไปอีก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทีมสำรวจที่หายไป

ลุ้น ตื่นเต้น น่ากลัวครบทุกอารมณ์ผสมด้วยความฟินในมิตรภาพความรักของเพื่อนที่มีต่อเพื่อน ชนิดที่แย่งกันตาย ขอเจออันตรายก่อนแต่เพื่อนข้าต้องรอดอะไรทำนองนั้น สำคัญคือ เสี่ยวเกอภาคนี้เป็นใบ้หนักกว่าทุกภาคและความจำเสื่อมอีกแล้วจ้ะ พ่อคุณพ่อทูลกระหม่อม สำหรับใครที่อยากตามเก็บซีรีส์ชุดนี้แบบดูสบาย มีให้เลือกทั้งแปลไทยและพากย์ไทย สามารถเข้าไปดูได้ที่ MONOMAX กันเลยจ้ะ ที่เดียวเฟี้ยวทุกภาค สำหรับภาคนี้ก็  อัปเดต 5 ตอนใหม่ทุกวันศุกร์ เวลา 10.00 น.

และเพื่อให้ความสนุกบรรลุโสดาบันเข้าไปอีก ก็ขอแนะนำให้ไปชม เปิดตำนานเก้าสกุล The Mystic Nine ซะด้วยเลย ภาคย้อนอดีตไปรุ่นปู่ย่าตายายของอู๋เสียก็เฟี้ยวพอ ๆ กัน นำแสดงโดย ‘เฉินเหว่ยถิง’ ผู้รับบท ฟางจู จาก ไข่มุกเคียงบัลลังก์ Novoland Pearl Eclipse เรื่องนี้มีภาคแยกไปเป็นภาพยนตร์อีกคือ ‘เปิดตำนานเก้าสกุล: บุปผาเดือนยี่’ และกำลังจะมีซีรีส์ซีซัน 2 ให้ได้ดูกันแล้วจ้ะ หลังจากที่แฟน ๆ รอคอยมาเนิ่นนาน 5 ปีแน่ะ ก็จะสมหวังกันคราวนี้ ซึ่งเนื้อหาในภาคต่อนี้ก็จะปูพื้นเล่าส่วนที่เกี่ยวข้องกับความไม่ชอบมาพากลใน ‘บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน’

ไปให้สุดแล้วไม่ต้องหยุดก็ได้ เพราะเขาจะไม่ยอมให้เราหยุดจริง ๆ จ้ะ สามารถรับชมซีรีส์ชุด บันทึกจอมโจรแห่งสุสานทั้ง 6 เรื่องได้ที่ MONOMAX คลิกที่ภาพด้านล่าง แล้วเข้าไปเลือกชมกันได้เลย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส