เรื่องความเชื่อเก่าแก่เกี่ยวกับยารักษาโรคนี่มีกันแทบทุกประเทศจริง ๆ นะ อย่างบ้านเราก็มียาโบราณทั้งยานัตถ์ ยาหอม หรือยาดอง ที่เชื่อต่อ ๆ กันมาว่ารักษาโรคนั้นโรคนี้ได้สารพัด อย่างในประเทศไอร์แลนด์ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับยารักษาโรคที่เล่าต่อ ๆ กันมายาวนานเช่นกัน แต่ของประเทศเขาแปลกกว่าเราเยอะ ชาวบ้านในเมืองเฟอร์มานาก์ (Fermanagh) เชื่อกันว่าดินจากสนามหญ้าหน้าโบสถ์ในหมู่บ้านโบโฮ สามารถรักษาอาการป่วยจากการติดเชื้อได้

แฟรงค์ แม็กฮิว นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น

แฟรงค์ แม็กฮิว (Frank McHugh) นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เผยว่าในบันทึกประวัติศาสตร์ของโบโฮนั้น มีการกล่าวถึงเรื่องการรักษานี้น้อยมาก แต่มีการเอ่ยถึง เจมส์ แม็กเกอร์ (James McGirr) บาทหลวงผู้ทรงศีลผู้เป็นที่เคารพนับถือจากชาวบ้านอย่างมากในปี 1803 ได้เป็นผู้ริเริ่มการรักษาด้วยดินหน้าโบสถ์นี้

“ท่านต้องมีพลานุภาพในการรักษาผู้คนได้จริงแหละในช่วงนั้น ก็เลยทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านอย่างแรงกล้า ในวันนั้นท่านได้มีคำกล่าวไว้ว่า ‘ในวันที่ข้าได้มรณภาพไปแล้ว ดินที่กลบร่างข้านั้นจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ เหมือนดังเช่นตอนที่ข้าได้รักษาพวกเจ้าในวันที่ยังมีชีวิตอยู่’ และนั่นล่ะก็กลายเป็นประเพณีสืบทอดกันมาทุกวันนี้ ผู้คนต่างก็หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศเพื่อเอาดินหน้าโบสถ์กลับบ้าน”

ผู้คนมักจะเอาดินหน้าโบสถ์เอาไปห่อไว้ในผ้าแล้ววางไว้ใต้หมอน สวดมนต์ และถ้าหายแล้วต้องเอาดินกลับมาคืนที่โบสถ์ ซึ่งแฟรงค์ แม็กฮิว บอกว่าเรื่องนี้ก็เป็นระเบียบวิธีการที่ไม่ได้มีบทบัญญัติแต่ก็เป็นความเชื่ออีกเช่นกัน

ดร.เจอร์รี ควินน์ นักจุลชีววิทยา

พอมีผู้คนนำดินไปบูชาแล้วก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บกันหลายคนมากขึ้น สร้างความสงสัยให้กับหน่วยงานสาธารณสุข จึงส่ง ดร.เจอร์รี ควินน์ นักจุลชีววิทยามาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เมื่อปี 2018 ซึ่งเขาก็มาเก็บตัวอย่างดิน และแล้วเขาก็พบข้อเท็จจริงที่น่าตื่นตะลึง เพราะในตัวอย่างดินนั้นมีเชื้อจุลินทรีย์ ที่เป็นต้นกำเนิดในการผลิตยาปฏิชีวนะอยู่ด้วย ซึ่งจุลินทรีย์ชนิดนี้มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ 3 ประเภท และเป็น 3 ประเภทที่ร้ายแรง ที่องค์การอนามัยโลกระบุว่าเป็นภัยต่อสุขภาพอนามัยมนุษย์

“เมื่อเรานำดินกลับมาทดลองที่ห้องแล็บ เราก็พบแบคทีเรียแกรมบวกสายพันธุ์ใหม่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ในตัวมันประกอบไปด้วย antibiotic (สารเคมีที่ได้จากเชื้อจุลชีพชนิดหนึ่งตามธรรมชาติ) หลายตัว และ antibiotics เหล่านี้ก็ยังมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อเชื้อแบคทีเรียประเภทดื้อยาหลายขนานได้อีกด้วย”

“ตอนเจอทีแรกผมก็ประหลาดใจมาก นี่มันมาจากวิธีการรักษาโรคแบบพื้นบ้านเลยนะ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความเชื่องมงาย แต่ในความคิดลึก ๆ ของผมนั้นรู้สึกตะหงิด ๆ อยู่แล้วว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่ซักอย่างไม่งั้นมันไม่สืบทอดกันมาได้ยาวนานแบบนี้หรอก”

ดินจากหน้าโบสถ์ ที่ ดร.ควินน์ นำกลับมาตรวจสอบ

ดร.ควินน์ เป็นสมาชิกในทีมนักวิจัยนานาชาติที่ทำงานร่วมกันในการเสาะหา antibiotic ใหม่ ๆ เพื่อความก้าวหน้าในการรักษาโรค และการค้นพบในโบโฮนี่ก็เป็นก้าวสำคัญในวงการยารักษาโรค ซึ่ง ดร.ควินน์ ก็ตีพิมพ์เรื่องราวนี้ลงในวารสาร Frontiers of Microbiology ด้วย ดร.ควินน์กล่าวว่าการทำงานขั้นต่อไปของเขาก็คือการจำแนกแบคทีเรียและ antibiotic ต่างที่พบในดิน

“จุลินทรีย์พิเศษเหล่านี้ไม่ได้นำมาผลิต antibiotic ได้แค่ตัวเดียวนะ แต่จุลินทรีย์แค่ตัวเดียวนี่นำมาสร้าง antibiotic ได้ถึง 10 – 20 ชนิดเลย แล้วเราไม่ได้เจอจุลินทรีย์แค่ตัวเดียวไง แต่เราเจอแล้วตั้ง 10 ตัว ซึ่งมันทำให้เราต่อยอดในการพัฒนา antibiotic ต่าง ๆ ได้ถึง 100 ชนิดเลย สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำต่อไปจากนี้ก็คือจำแนก antibiotic ต่าง ๆ เพื่อส่งต่อไปยังขั้นตอนทดลองในคลินิก”

อ้างอิง