แม้หนัง The Lord of the Rings: The Return of the King จะเข้าโรงฉายไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2003 แต่ในขณะนั้น ผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็กสัน (Peter Jackson) ก็ยังไม่พอใจกับตัวหนังเวอร์ชันที่ออกฉาย เรียกนักแสดงและทีมงานกลับมาถ่ายซ่อมเพิ่มเติมอีก

นับถึงวันนี้ ไตรภาค The Lord of the Rings ก็มีอายุเกือบ 20 ปีแล้ว แต่คุณภาพของหนังก็ยังคงเป็นยอมรับและตราตรึงในใจแฟน ๆ ที่รักแฟรนไชส์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งความสนุกของเนื้อหา ตัวละครที่มีเสน่ห์และความน่าอัศจรรย์ การที่เราได้เข้าไปผจญภัยในมิดเดิลเอิร์ธ โลกในจินตนาการของ เจ.อาร์.อาร์ โทลคีน ที่ได้รับการเสกสรรค์และเนรมิตขึ้นมาเป็นภาพโดย ปีเตอร์ แจ็กสัน ผู้กำกับอัจฉริยะคนหนึ่งของฮอลลีวูดที่ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อหนังไตรภาคชุดนี้อย่างที่สุด และคาดหวังให้ผลงานออกมาดีที่สุด เท่าที่เขาจะทำได้ และนั่นเป็นเหตุให้เขาไม่หยุดขัดเกลาผลงาน แม้ว่าหนังจะเข้าโรงฉายไปเรียบร้อยแล้ว

ต้องย้อนเล่าไปถึงการทำงานแบบทุ่มเทอย่างเอาเป็นเอาตายของ ปีเตอร์ แจ็กสัน ที่ช่างแตกต่างกับผู้กำกับอีกหลายคนในฮอลลีวูดที่เคยทำหนังไตรภาคกันมาก่อนหน้านั้น แต่แจ็กสันเลือกที่จะใช้รูปแบบการทำงานของตัวเอง ด้วยการตั้งหน้าตั้งตาเดินหน้าถ่ายทำหนังทั้ง 3 ภาคแบบรวดเดียวจบ เริ่มเปิดกล้องในเดือนตุลาคม 1999 และลากยาวไปจนถึงเดือนธันวาคม 2000 เรียกว่าถ่ายทำกันรวดเดียวถึง 1 ปีกว่าเลยเชียว จากนั้นก็เป็นเรื่องของกระบวนการหลังการถ่ายทำ ที่คลอดภาคแรกออกมาเข้าโรงฉายได้ในปี 2001 ผลตอบรับเป็นไปตามคาด หนังประสบความสำเร็จทั้งเสียงวิจารณ์และรายรับ ทำเอาทีมงานยิ้มแก้มปริภูมิอกภูมิใจกับผลงาน เสียงตอบรับทำเอาพวกเขารู้สึกหายเหนื่อย สมกับเวลาและความตั้งใจที่ทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน แต่สำหรับ ปีเตอร์ แจ็กสัน เขากลับไม่คิดเช่นนั้น แม้ว่าหนังจะได้รับเสียงชื่นชมเพียงใด แจ็กสันก็ยังไม่พอใจกับผลงานที่ออกฉาย หลังจากที่หนังภาคแรกออกสู่สายตาผู้ชมไปเรียบร้อยแล้ว เขายังคงเรียกทีมงานและนักแสดงกลับมาเข้าฉากถ่ายซ่อมอีกเรื่อย ๆ ตลอด 3 ปี

ราชาภูติ

เมื่อหนังภาคที่ 2 The Lord of the Rings: The Two Towers เข้าสู่กระบวนการหลังการถ่ายทำแล้ว ปีเตอร์ แจ็กสัน ก็เรียก ฌอน บีน (Sean Bean) ให้กลับมาถ่ายทำเพิ่มเติมในฉากที่ย้อนเล่าเรื่องราวปูมหลังของ โบโรเมียร์ เพื่อจะนำไปใช้เพิ่มเติมในหนังเวอร์ชัน extended edition แจ็กสันยังสั่งให้ทีมงานออกแบบเครื่องแต่งกายใหม่ให้กับ ราชาภูติ และ เหล่าออร์ก อีกด้วย และนั่นเป็นเหตุให้ทีมงานต้องถ่ายทำซ่อมทุกฉากที่มี ราชาภูติ และเหล่าออร์กในชุดใหม่ แต่ฉากที่ถ่ายใหม่นี้ก็ไม่สามารถนำไปแก้ไขเพิ่มเติมใน The Lord of the Rings: The Two Towers ไม่ทันแล้ว เพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป จำต้องไปใส่เพิ่มในภาคสุดท้าย The Lord of the Rings: The Return of the King แทน

ในวันที่ The Lord of the Rings: The Two Towers เข้าโรงฉาย ซึ่งนั่นก็เท่ากับกระบวนการถ่ายทำปิดกล้องอย่างเป็นทางการมา 2 ปีเต็ม ๆ แล้ว แต่แจ็กสันก็โนสนโนแคร์ เขายังไม่พอใจกับผลงานที่ออกมา ฉากที่ อารากอร์ฯ กับ อาร์เวน จุมพิตกันในพิธีสมรสยังไม่ดูดดื่มพอ เขาถ่ายทำฉากนี้ใหม่ เอาล่ะสิ ! พอทีมงานมากันพร้อมหน้า แจ็กสันก็เลยขอถ่ายซ่อม ฉากเทือกเขาดูมใหม่ด้วยเลยแล้วกัน หาโลเคชันใกล้ ๆ นี้แหละ บางฉากก็ยกกองไปถ่ายกันที่บ้าน ปีเตอร์ แจ็กสัน เองเลย

ฉากจุมพิตที่ต้องเรียกมาถ่ายใหม่

แล้วก็ถึงวันที่ภาคสุดท้าย The Return of the King เข้าโรงฉายในเดือนธันวาคม 2003 หนังได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม ทีมงานเป็นปลื้ม ทุกคนบอกตัวเองว่า การเดินทางอันยาวนานในมิดเดิลเอิร์ธได้จบลงแล้ว แต่สำหรับ ปีเตอร์ แจ็กสัน มันยังไม่ยุติ แม้ว่าหนังภาคสุดท้ายจะฉายอยู่ในโรง แต่แจ็กสันก็ยังถ่ายซ่อมอยู่นั่นแหละ

เดือนกุมภาพันธ์ 2004 ก็ถึงพิธีประกาศผลรางวัลออสการ์ The Return of the King กวาดไป 11 รางวัล นับเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ เพราะหนังชนะรางวัลได้เทียบเท่ากับหนังคลาสสิกอย่าง Ben-hur และ Titanic เลยเชียว ปีเตอร์ แจ็กสัน ขึ้นรับรางวัลด้วยตัวเองอย่างภาคภูมิใจ และใช่ครับ อย่างที่หลายคนคาดเดา หลังรับรางวัลแล้ว ปีเตอร์ แจ็กสัน เรียกทีมงานกลับไปถ่ายซ่อม โดยสัญญาว่านี่เป็นการถ่ายซ่อมรอบสุดท้ายแล้วจริง ๆ ซึ่งมันก็ควรเป็นอย่างนั้นล่ะ หนังได้รางวัลไปแล้ว ผู้กำกับยังถ่ายซ่อมอยู่เลย มีที่ไหนกัน มีที่นี่แหละ เพราะแจ็กสันยังไม่พอใจกับฉากที่ อารากอนเผชิญหน้ากับกองทัพแห่งความตาย ภาพที่ออกมายังไม่เผยให้เห็นรายละเอียดอย่างที่เขาคาดหวังไว้ ไม่พอแค่นั้น ในฉากที่อารากอนเดินทาง แจ็กสันก็ขอถ่ายทำฉากอุโมงค์หัวกระโหลกเพิ่มเข้าไปด้วย ทั้งหมดนี้ถูกใส่ไว้ในหนังเวอร์ชัน extended edition

ไม่รู้การทำงานสไตล์ของ ปีเตอร์ แจ็กสัน แบบนี้ ทีมงานจะรู้สึกว่าน่าสนุกไปด้วยหรือไม่ แต่ตัวเขาเองน่ะมองเป็นเรื่องขำขัน อย่างที่เขาพูดไว้ในฉากเบื้องหลังการถ่ายทำ ที่แถมมาในดีวีดีว่า “มันเป็นเรื่องดีออกที่ผมขึ้นไปรับออสการ์ก่อนที่ผมจะปิดกล้องเสียอีก”

แต่ถ้าลองมองในสายตาของ ปีเตอร์ แจ็กสัน จะเห็นได้เลยว่า เขาคือผู้กำกับที่ทำหนังด้วยความรักจริง ๆ แจ็กสันไม่สนว่าไตรภาค The Lord of the Rings จะเข้าโรงฉายไปแล้ว ไม่สนว่าหนังจะทำเงินไปมากมายเพียงใดแล้ว ไม่สนว่าหนังจะกวาดออสการ์แบบเป็นปรากฏการณ์ใหม่ เขาเคารพและเทอดทูนผลงานประพันธ์ของ เจ.อาร์.อาร์ โทลคีน และจะทำมันออกมาเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

ที่มา ที่มา