เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ที่ส่งออกจากแผ่นดินมังกรจีน สิ่งหนึ่งที่เรามักจะนึกถึงกันก็คือ ความยิ่งใหญ่ของงานสร้างที่มีจุดแข็งจากวัตถุดิบระดับนิยายชั้นอ๋องแปดเปื้อนประวัติศาสตร์มากมายที่จะสามารถหยิบจับหรือปัดฝุ่นมาเล่าในแบบฉบับพี่จีนที่พูดง่ายๆ ว่าต้องมาพร้อม special effect ระดับเวอร์วังอลังการหรือไม่ก็ต้องได้เห็นความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงที่ต้องมาเป็นจุดขายในตัวหนังแน่นอน

league-of-gods

League of Gods งานฟอร์มใหญ่ของฝั่งหนังฮ่องกงในปีนี้ที่หลายคนจับตามอง กับตัวเลขเม็ดเงิน 300 ล้านเหรียญฯ ฮ่องกง และการกลับมาของนักแสดงระดับซุปตาร์อย่าง หลี่เหลียงเจี๋ย (เจ็ต ลี) รวมทั้งนักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง กู่เทียนเล่อ,ฟ่าน ปิง ปิง, หวงเสี่ยวหมิง, แอนเจลาเบบี้, เหวินจาง และแจ็คกี้ โดยเนื้อเรื่องที่ทำขึ้นโดยอ้างอิงเหล่าทวยเทพจาก ‘ห้องสิน’ หรือ ตำนานเทพเจ้าของจีนมารวมตัวกันแสดงอิทธิฤทธิ์ ซึ่งเมื่อเรามองดูทีเซอร์และดูชื่อผู้กำกับอย่าง วิลสัน ยิป เจ้าของผลงาน Ip Man ทั้ง 3 ภาค ก็เดาได้ไม่ยากเพราะมันมีความแฟนตาซีมาแต่ไกลเลย

สำหรับ League of Gods เป็นเรื่องราวในยุคศตวรรษที่ 16 เริ่มจากความชั่วร้ายของกษัตริย์โจวอ๋อง (เหลียงเจียฮุย) ที่มีความสุขกับการทำสงครามรวมทั้งเสพโลกีย์กับนารีจนบกพร่องในการบริหารบ้านเมือง ข้างกายกษัตริย์โจวอ๋องนั้นยังมีนางสนมตำจี (ฟ่านปิงปิง) ปีศาจจิ้งจอกพราวเสน่ห์ที่ปลอมตัวมาอยู่ในวังเพื่อหวังผลบางอย่าง เมื่อบ้านเมืองย่ำแย่ ก็ถึงคราวที่เหล่าเทพทั้งหลายต้องออกโรงมาจัดการ นำโดย เจียง จื้อหยา (เจ็ต ลี) เข้าปราบกษัตริย์ผู้ชั่วร้าย 

c1718ace-5559-11e6-98ca-49b1c9e3ed10_1280x720

ตัวหนังมีเมสเซจง่ายๆ คล้ายหนัง superhero ทั่วไป คือการขายความหวือหวาของตัวละคร ขายความ ‘ว้าว’ ของอาวุธและ special effect การตั้งโจทย์เพื่อเอาชนะปมของตัวเองหรือช่วยเหลือตัวละครอื่นพ้นปัญหา เปรียบไปก็เหมือนดูหนัง Avenger ในเวอร์ชันจีน อีกห้วงหนึ่งผมนึกถึงงานสไตล์เดียวกันนี้อย่าง Sex and Zen (2011) นอกจากนี้ มันยังมีกลิ่นงานแอนิเมชันของ Pixar แอบปะปนอยู่นิดๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม บทบาทการแสดงของ ฟ่าน ปิง ปิง ในบทของ ปีศาจจิ้งจอกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ กาลเวลาไม่สามารถทำให้เสน่ห์ของเธอลดลงได้เลย ความเจ้าเล่ห์แฝงความเซ็กซี่ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจผ่านการแสดงออกด้วยสายตา เป็นสิ่งที่ทำให้เราเชื่อว่าเธอเป็นเหมือน ‘นางพญา’ จริงๆ

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบ League of Gods กับฟุตบอล ก็เหมือนกับมิดฟิลด์ที่จ่ายบอลไปมาทั่วสนาม

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบ League of Gods กับฟุตบอล ก็เหมือนกับมิดฟิลด์ที่จ่ายบอลไปมาทั่วสนาม ขยันวิ่งชนิดเหยียบหญ้าครบทุกต้น แต่ไม่มีลูกประเภท ‘คิลเลอร์พาส’ ที่จ่ายบอลไปแล้วเพื่อนทำประตูได้ หรือ key message ของหนังส่วนไหนที่จะเข้าไปติดตรึงใจคนดูให้รับรู้จดจำ นอกเหนือไปจากแสงสีเสียงและเอฟเฟ็กต์หวือหวา ทั้งที่ตัวละครในเรื่องที่หยิบจับมานั้น มีจุดน่าสนใจมากมายที่น่านำมาต่อยอดได้ดีกว่านี้ แต่หากมองในมุมของแฟนนิยายกำลังภายในของจีนอยู่แล้ว หนังก็ตอบโจทย์ในเรื่องการนำมายำในแบบฉบับแฟนตาซีจ๋า เดินไปในทางของหนังแฟรนไชส์ และพยายามทำให้คอหนังหน้าใหม่ดูง่าย เอามันกันไว้ก่อน เหตุผลบทหนังไว้ทีหลัง ลูกค้าจะได้ติด (ฮา)

ก่อนหน้านี้มีบทวิเคราะห์ถึงความเติบโตของอุตสาหกรรมหนังจีน ซึ่งโตวันโตคืนและยังมีพัฒนากาารงานด้านโปรดักชันที่น่าสนใจ แลดูมีศักยภาพขนาดตีตลาดหนังฮอลลีวูดจริงๆ จังๆ ในอนาคต ด้วยตัวเลขรายได้แตะ 4 พันล้านของภาพยนตร์จีนในปี 2015 สูงขึ้น 70% จากปีก่อน(1) รวมทั้งการที่เริ่มมีบริษัทธุรกิจบันเทิงเจ้าใหญ่ๆ ของจีนได้เริ่มรุกคืบเข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่ให้ทุนสร้างหนังฮอลลีวูด เป็นวิถีของธุรกิจที่ทำการแทรกซึมเพื่อหาคอนเน็คชันและช่องทางขาย ‘วัฒนธรรมบนแผ่นฟิล์ม’ ของพวกเขาให้โลกได้รับรู้มากที่สุด และไม่น่าแปลกใจที่หนังแบบ League of Gods จะเป็นหนังที่มีพื้นฐานทางการตลาด รวมทั้งหนังจีนอีกหลายเรื่องที่จะเดินตามรอยนี้

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดถึง หรือหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เกิดไม่ทันหนังจีนยุคชอว์ บราเดอร์ League of God ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่อาจทลายอดคติบางอย่างที่คุณมีต่อหนังจีนในจอเงินไปได้ แม้ในช่วงแรกตัวหนังอาจจะใช้เวลากับการปูเรื่องอยู่นานไปหน่อย แต่ครึ่งหลังมันก็ค่อยๆ ทำตัวสมกับเป็นหนังทุนสร้างมหาศาล งานชิ้นนี้พาคุณดื่มด่ำกับ CG ที่ทำได้ดีไม่แพ้หนังฮอลลีวูด จัดเป็นหนังประเภทม้าแรงปลายที่มาเร่งเครื่องเข้าเส้นชัยไปแบบฉิวเฉียด

อ้างอิงเสริม: cnn

Play video