Asura: The City of Madness หรือ เมืองคนชั่ว  (แล้วเราจะกลัวใคร) เป็นหนังที่ชื่ออาจไม่คุ้นนักในบ้านเรา แต่ติดชื่อเป็น 1 ใน 10 หนังยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาพันธ์นักวิจารณ์ของเกาหลีใต้ทีเดียว ต้องยอมรับว่าจริงๆ แล้วไม่เคยอยู่ในความสนใจเหมือนกันครับ จนกระทั่งได้ดูตัวอย่างหนังแล้วพบว่าหนังมีของไม่น้อยเลย โดยเฉพาะสไตล์ภาพที่ขับเน้นความรุนแรงและความมืดมนได้อย่างน่าสนใจทีเดียว

หนังเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ คิมซุงซู ที่เคยมีผลงานฉายบ้านเราอย่าง Musa: The Warrior มหาสงครามกู้ปฐพี (2001) ที่มีจางซิยี่ไปร่วมแสดงด้วย มาคราวนี้ คิมซุงซู พาผู้ชมดำดิ่งลงสู่โลกของมาเฟียและการคอร์รัปชั่นอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ โดยได้ดารานำอย่าง จองวูซอง ที่เคยร่วมงานกับผู้กำกับมารับบท ฮานโดคยอน และ จูจีฮุน นักแสดงหนุ่มชื่อดังผู้เคยรับบทพระเอกจากซีรีย์เรื่อง Goong หรือ เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา มารับบท มุนซอนมู ซึ่งทั้งสองคนก็ได้รับรางวัลป๊อปปูล่าโหวตจากทั้งเวที บลูดราก้อน หรือออสการ์ของฝั่งเกาหลีใต้ และ จากเวทีสมาพันธ์นักแสดงเกาหลีใต้ ตามลำดับทีเดียว

หนังเล่าเกี่ยวกับ นักสืบฮาน (จองวูซอง) ผู้ที่ทำงานให้แก่นักการเมืองผู้ฉ้อฉล ปาร์คซองเบ (ฮวางจองมิน) เพื่อจัดการกับปัญหาและศัตรูที่เข้ามาขวางทางสู่เส้นทางการเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองอันนัม จนกระทั่งเมื่อเขาถูกกดดันจากอัยการรัฐผู้ไร้ความเมตตา คิมจาอิน (กวักโดวอน) ให้ทำการหักหลังปาร์ค นักสืบฮานจึงไหว้วานให้ ซอนมู (จูจีฮุน) รับช่วงงานติดตามนายกเทศมนตรีต่อจากเขา แต่ทุกอย่างกลับผิดพลาด อัยการทำการรุกหนักในขณะที่ซอนมูก็ดูจะถลำลึกไปในโลกของปาร์คซองเบ และปาร์คเองก็เริ่มสงสัยในท่าทีของฮานด้วย ฮานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากที่จะต้องเอาชีวิตรอดไปจากเกมการแย่งชิงอำนาจในเมืองอันนัมแห่งนี้ให้ได้

ปาร์คซองเบนักการเมืองชั่วชาติ นักสืบฮานนายตำรวจคอร์รัปชั่น และอัยการคิมผู้ไม่เลือกวิธีการ

ซอนมู ตัวละครที่ขับเน้นดราม่าให้กับพระเอกได้อย่างน่าสนใจ เขาเป็นทั้งรุ่นน้องแสนรักและคู่แค้นที่พยายามแย่งที่ยืนของฮานไป

ข้อดีของหนังคือบทที่เข้มข้นและไม่พยายามจับรสอื่นๆให้วุ่นวาย หนังคงทีท่าของความฉ้อฉลและตัวละครสีเทา ที่มาพร้อมบทสนทนาอันแยบคายที่ส่อลงไปถึงจิตด้านมืดในหลายๆ ครั้ง หนังทำให้คนดูที่ปรารถนาแสงสว่างแห่งศีลธรรมสิ้นหวังลงทุกชั่วขณะ แม้แต่ตัวเอกเองก็เป็นตัวละครที่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเป็นคนดี ทุกตัวมีผลประโยชน์ที่ต้องรักษาทั้งนั้น เราจึงทั้งเห็นใจและไม่เห็นด้วยไปพร้อมกัน เมื่อตัวเอกตกอยู่ในสถานการณ์กลางวงล้อมของผลประโยชน์ที่ตนไม่อาจเลือกหรือขัดขืนไปพร้อมๆกัน

ฮาน พบว่าเขาไม่มีวันหลุดพ้นจากนรกขุมนี้ไปได้แล้ว ไม่ว่าจะหนีไปที่ใด

ในด้านตัวร้ายของเรื่องนั้นเป็นสีดำสนิทที่ฉาบด้วยสีขาว ปาร์ซองเบ เป็นนักการเมืองเลวที่ภาพลักษณ์สวยหรู แต่ใต้หน้ากากนั้นก็เน่าเฟะได้อย่างถึงใจ ถ้าหนังฮีโร่จะน่าสนใจด้วยตัวร้าย หนังเรื่องนี้ก็มีตัวร้ายที่คนดูจะรู้สึกทั้งเสียขวัญเมื่อพบและเกลียดชังขยะแขยงไปพร้อมกันได้ ต้องชื่นชมบทและการแสดงของฮวางจองมินด้วยที่ทำให้เราติดตามใคร่รู้จุดจบของตัวละครนี้ไปจนถึงท้ายเรื่อง

ด้านภาพนั้นหนังมีดีไซน์ที่ทำให้นึกถึงหนังนัวร์แบบเกาหลี ที่ดิบเถื่อน เต็มไปด้วยความรุนแรง ทั้งเลือด กระสุน หมัด มีด ขวาน เรียกว่าจัดมาหมด และยังมีฉากที่น่าทึ่งหลายฉากโดยเฉพาะการไล่ล่าบนท้องถนนที่ผสมเทคนิคพิเศษร่วมด้วยได้อย่างน่าตื่นเต้นและเปิดมุมมองใหม่ๆให้กับผู้ชม ตรงนี้อยากเชิญชวนให้ไปชมเลยครับ

สรุป

เป็นหนังแอ๊กชั่นดิบๆ ที่เน้นความเป็นดราม่าและอารมณ์การแสดงแบบถึงพริกถึงกิมจิสไตล์เกาหลีเลย หนังมีบทที่ดีและการแสดงที่ยอดเยี่ยม ไม่แปลกใจเลยที่จะได้รับคำชมในบ้านมาก หนังมีความรุนแรงพอสมควรแต่ไม่ถึงกับแหวะแต่อย่างใด ใครสายธริลเลอร์เข้มข้นๆ ชอบแนวสายลับสองหน้า และการฆ่าฟันของตัวละครสีขมุกขมัวเรื่องนี้แนะนำเลยครับ ชวนให้นึกถึงหนังแก๊งสเตอร์ฮ่องกงดิบๆแบบเมื่อก่อน สะใจมาก

Play video