มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ เป็นผลงานล่าสุดของ ค่ายทรานส์ฟอร์เมชั่นฟิล์ม ที่เป็นการร่วมทุนจากหลายบริษัท โดยมีกลุ่มทรูและเอ็มพิกเจอร์เป็นหัวเรือใหญ่ ผลงานที่ผ่านมาก็มีทั้ง ตุ๊กแกรักแป้งมาก, ซิงเกิ้ลเลดี้เพราะเคยมีแฟน, ฉลุย แตะขอบฟ้า และล่าสุดอย่าง 20ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น คือโดยส่วนตัวเท่าที่ดูผลงานจากค่ายนี้มา นับเป็นอีกค่ายที่ผลิตหนังไทยคุณภาพอยู่ในระดับดี อาจจะยังไม่ลงตัวเท่า GDH จึงยังไม่เปรี้ยงหรือโดนตลาดสุดๆ นักแต่ทว่าก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจมากๆค่ายหนึ่งของไทยครับ

โดยในปีนี้ก็ได้ส่งหนังอย่าง มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ ออกมาเป็นแนวหน้าตั้งแต่ต้นปี หนังได้ผู้กำกับหน้าค่อนข้างใหม่อย่าง นิว – อิทธิศักดิ์ เอื้อสุนทรวัฒนา ที่เคยมีผลงานผ่านตาไปแบบเงียบๆ เป็น 1 ใน 3 ตอนของหนังมัดชุดเรื่อง The Rooms ห้อง หลอก หลอน ในตอน Honey Moon Suite ซึ่งนำแสดงโดย พิ้งกี้ – สาวิกา ไชยเดช มารอบนี้ได้ทีมนักแสดงที่ดีเยี่ยม อย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, หลิน – มชณต สุวรรณมาศ, มารี  เบรินเนอร์, เผือก – พงศธร จงวิลาส และดาราสมทบที่พร้อมแย่งซีนเมื่อจำเป็นอีกคับคั่งไม่ว่าจะ สมชาย ศักดิกุล, พงศ์เทพ อนุรัตน์ และอื่นๆอีกมาก มาช่วยส่งบทที่รวยอารมณ์ขันสุดๆ จนเกิดเป็นหนังมิสเตอร์เฮิร์ทเรื่องนี้นี่เอง นับเป็นตัวอย่างที่ดีที่การแคสติ้งเลือกนักแสดงมาถูกที่ถูกทาง ไม่ต้องเอาเบอร์ใหญ่เบอร์ดัง ก็ปังได้เหมือนกันครับ

ซันนี่ – มารี – นิว (ผู้กำกับ) – หลิน – เผือก

เรื่องย่อนี่แทบจะไม่ต้องเล่าอะไรมากครับ เพราะตัวอย่างหนังที่ปล่อยมาน่าจะคือเส้นเรื่องหลักทั้งหมดของหนังแล้ว ซึ่งบทสรุปตามสูตรของหนังแนวนี้ก็น่าจะเดากันไม่ยากครับ มองข้อดีก็คือทีมงานไม่เล่นท่ายากเล่าง่ายๆ แต่เน้นรายละเอียดจังหวะเอาให้เป๊ะ ซึ่งดีงามครับ เพราะหน้าหนังชูธงขายบันเทิงมาแต่ไกล คนที่เข้าไปดูคงไม่มีใครคาดหวังว่าหนังจะมีบทดีเลิศชิงสุพรรณหงส์หรือก่อดราม่าน้ำตาท่วมจออะไรแบบนั้น ถ้าหนังมันทำให้เราสนุกและหัวเราะไปกันได้มันจบ หนังมีโจทย์ที่ต้องเอาชนะแค่นี้ครับ โจทย์ข้อเดียวถือว่าง่าย แต่ก็โคตรยากเพราะขึ้นชื่อว่าหนังตลกว่ากันว่าทำให้ดีโคตรยากครับ

Play video

ซึ่งก่อนดูยอมรับครับว่าชอบหน้าหนังพอประมาณ ทั้งเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่าย การแสดงแนวตลกหน้าตายที่ซันนี่ถือเป็นสุดยอดในบทแนวนี้แล้ว ยิ่งได้ดาราสมทบที่ชวนฮาอย่างเผือกแห่งแก๊งพี่มากพระโขนงมาช่วยเป็นคู่แค้นสุดกวนด้วยแล้ว ก็แอบคาดหวังอยู่ว่าหนังน่าจะทำออกมาได้สนุก แต่พอดูเวลาของหนังที่ยาวถึงสองชั่วโมงกว่าไม่รวมโฆษณา ก็มีหวั่นใจอยู่ไม่เบาครับ เพราะดูตัวอย่างหนังมันไม่น่ามีอะไรต้องเล่าลากไปได้ตั้ง 2 ชั่วโมงแน่ๆ คือถ้าอัดมุกแป้กมาเป็นกระบุงก็คงมีง่วงหงาวหาวนอนชัวร์ๆครับ

แต่หนังทำได้ดีเกินคาดครับ มุกตลกทำงานได้ดี ซึ่งบทก็วางให้มีการส่งมุกได้เล่นกันตลอดเรื่อง อาจจะไม่ถึงกับผสานกับเนื้อเรื่องเป็นเนื้อเดียวกันอย่างพวกซิทคอมชั้นดีนัก มีหลุดๆให้นึกว่าจงใจยัดมุกลงมาชัดๆบ้าง แต่เอาจริงหลายๆมุกนี่จัดว่าฮาได้การอยู่ครับ อันนี้ก็พยายามไม่คิดเองแต่วัดจากเสียงหัวเราะคนร่วมโรง นับเป็นหนังที่ได้ยินเสียงหัวเราะตลอดจริงๆ วิเคราะห์ตรงนี้ว่าถึงหลายมุกจะไม่ได้ใหม่ อาจเคยผ่านตาผ่านหูบ้างอย่างมุกผู้ใหญ่อวยพรบ่าวสาว แต่หนังก็ยังขยี้ได้ตรงจังหวะ ที่สำคัญเหมือนรู้ครับว่าคนจะเดาทางออก หนังมีจังหวะมุกที่พลิกมาเล่นให้ฮาแบบคนดูไม่ทันคาดคิดได้เรื่อยๆเลย ตรงนี้ยกความดีให้ทีมงานไปเลยครับ คงเตรียมงานหนักมาตั้งแต่คิดบทแล้วจริงๆ

สรุป

เป็นงานบันเทิงล้วนๆ ช่วงเศร้ายังฮาในความรันทดของตัวละครเลย หนังมีเซอร์ไพรส์ ทั้งมีตัวละครสมทบทั้งที่ดังและโนเนมแต่ฮามากยิ่งกว่าตัวอย่างที่ไม่ค่อยโชว์ของ และมีช่วงท้ายหนังที่ถึงกับต้องอุทาน เชี่ยยย ในทางที่ดีนะครับไปพร้อมกับพระเอกเลยทีเดียว (ฮา) เอาเป็นว่าเป็นหนังตลกเบาสมองไม่มีพิษมีภัยอะไร เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูสนุกดี แต่ถ้ารุ่นใหญ่มากๆอาจสนุกไม่ถ้วนทั่ว เพราะมุกหลายอย่างค่อนข้างวัยรุ่น และล้อเลียนวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์อย่าง ฮิปสเตอร์ วู้ดดี้ ภารดร ตูน บริทนี่ย์ สเปียร์ ฯลฯ แต่เอาจริงถึงไม่รู้จักพวกนี้มันก็ยังสนุกดีครับ