เมื่อลูกรักถูกโจรฉุด มนุษย์แม่อย่างเธอจำต้องล่ามิดไมล์

Play video

เช้าวันหยุดที่ควรสุขสันต์ของสาวเสิร์ฟอย่าง คาร์ลา แมคคอย (ฮัลลี เบอรี) ต้องแปรสภาพเป็นวัน ล่าหยุดนรก เมื่อโจรร้ายมาพราก แฟรงกี้ (เซจ คอร์เรีย) ลูกชายสุดที่รักไปจากอกท่ามกลางความวุ่นวายในสวนสนุกอันนำพาเธอให้ต้องฮ้อตะบึงรถเอสยูวีไล่ล่าคนร้ายในรถมัสแตงบนไฮเวย์สุดระห่ำ งานนี้ความเป็นแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ลูกกลับคืนจะกลายแรงผลักดันให้ผู้หญิงธรรมดากลายเป็นมนุษย์แม่มหาประลัย

เซจ คอร์เรีย รับบท แฟรงกี้ ลูกชายสุดที่รักของคุณแม่ คาร์ลา

คุมเกมล่าโดยผู้กำกับหนุ่มหล่อ

หลุยส์ ปริเอโต้ ผู้กำกับสุดหล่อชาวสเปน

KIDNAP เป็นผลงานกำกับของ หลุยส์ ปริเอโต้ ผู้กำกับสุดหล่อชาวสเปนที่เคยมีผลงานรีเมค Pusher (2012) งานเก่าของผู้กำกับ นิโคลัส วินดิง เรเฟิน แห่ง DRIVE (2011) มาเป็นผู้กุมบังเหียนบอกเล่าเรื่องราวสุดระทึกของคุณแม่สาวเสริฟที่หวังเพียงใช้ชีวิตวันหยุดไปกับการพาลูกชายไปเที่ยวสวนสนุกซึ่งก็ถือว่าทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีทั้งการออกแบบทางกล้องถ่ายโคลสอัพตัวละครเพื่อให้คนดูใกล้ชิดและรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของแม่อย่างคาร์ลาตัดสลับกับภาพการไล่ล่าบนท้องถนนที่แม้หนังจะเล่นง่ายด้วยการเน้นถ่ายมุมแคบๆ แต่ด้วยจังหวะการตัดต่อชั้นเซียนก็ถือว่าไม่บกพร่องในการเร่งจังหวะสร้างความระทึกแต่อย่างใด รวมถึงการไล่ล่าตอนท้ายที่ใช้การตัดสลับจากภาพกว้างไปภาพแคบที่ทั้งแสดงความไม่น่าไว้วางใจของสถานการณ์และความกลัวในฐานะมนุษย์ธรรมดาของคาร์ลาได้อย่างยอดเยี่ยมแม้กลวิธีดังกล่าวจะไม่ใช่ของใหม่ในหนังทริลเลอร์แล้วก็ตาม

บทหนังระทึกลุ้นตัวโก่ง แม้มีช่องโหว่รูเบ้อเริ่ม

คริส แมกกินน์ รบบท มาร์โก โจรสาวร่างยักษ์ที่สวมวิญญาณปีศาจร้ายพรากลูกชายคาร์ลา (ฮัลลี เบอร์รี)

สิ่งที่ผู้เขียนดูจะชอบและชังในคราวเดียวกันก็คือ บทหนังของ เนต กวอล์ทนีย์ ที่เลือกเปิดเรื่องเพื่อแนะนำตัวละครอย่าง คาร์ลา ที่ร้านอาหารในเช้าวันหยุดที่เธอจำต้องรับอารมณ์ลูกค้าทั้งครอบครัวที่ยายเป็นอัลไซเมอร์และแม่ที่ต้องดูแลลูกชายเอาแต่ใจโต๊ะหนึ่งสลับกับอีกโต๊ะที่เป็นคู่รักโดยฝ่ายหญิงสาวเป็นพวกเรื่องมากและชอบดูถูกคน ซึ่งถือเป็นการสร้างจุดแตกต่างให้หนังทริลเลอร์ลักพาตัวที่มักไปเริ่มเรื่องในสถานที่เกิดเรื่องเพื่อปูสถานการณ์และตัวละครจากบทสนทนา ซึ่งเอาตามจริงฉากในร้านอาหารดังกล่าวเป็นการสร้างความเห็นอกเห็นใจให้ตัวละครแบบเมโลดราม่าที่ละครไทยชอบใช้มากคือนางเอกเป็นคนจนหาเช้ากินค่ำและจำต้องทำงานเกินเวลาในวันหยุดที่เธอขอแค่ได้พาลูกชายไปเที่ยวใช้เวลาครอบครัว แต่เหมือน“เบื้องบน”กลั่นแกล้งเธออย่างไม่ยุติธรรม

ซึ่งการปูพื้นตัวละครให้น่าเห็นใจนี้มีส่วนช่วยในการเสริมแรงให้จุดแตกหักของแม่อย่างคาร์ลา สามารถนำพาอารมณ์คนดูให้อยู่เหนือตรรกะที่หนังทิ้งช่องโหว่ไว้รายทางได้แบบต้องยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะหากมาพิจารณาดูแล้วหนังมีปมเรื่องใหญ่อีกปมที่ปูไว้แต่กลับละทิ้งไม่ได้สานต่อคือกรณีอดีตสามีฟ้องศาลและขอสิทธิดูแลลูกชายอันเป็นเหตุให้เธอผละจากแฟรงกี้มารับโทรศัพท์ ซึ่งหนังก็แอบปูพื้นเรื่องนี้ไว้ในบทสนทนาบนรถระหว่างทางมาสวนสนุกที่เธอขอให้ลูกชายผูกมิตรกับภรรยาใหม่พ่อ นอกจากหนังไม่สานต่อแล้วยังเป็นกับดักในฉากหนึ่งที่คาร์ลาไปแจ้งความและดันโทรศัพท์ไปฝากข้อความแจ้งเรื่องลูกชายถูกลักพาตัวให้สามีเก่าทราบอีกต่างหากทั้งที่มีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างที่กล่าวไปข้างต้นเพราะในเมื่อหนังเปิดตัวคาร์ลาในแบบมนุษย์แม่ชนชั้นล่างที่การตัดสินใจอาจไม่ได้ชาญฉลาดอย่างคนมีการศึกษาและต้องทำทุกทางแม้จะไร้เหตุผลรวมถึงการสวดมนต์วิงวอนของความเมตตาต่อ “พระเจ้า” จนเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นหลายครั้งอีกด้วย

พระเจ้า อีกหนึ่งบทบาทสำคัญในหนัง

หากวิเคราะห์บทภาพยนตร์ที่ดึงพระเจ้ามาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ลูกถูกลักพาตัวแล้ว เราสามารถมองมันได้ใน 2 มิติใหญ่ มิติแรกหากมองแบบตรงตัวมันก็คือการพูดถึงศรัทธาต่อพระเจ้าในศาสนาคริสต์ทั้งการสวดวิงวอนของคาร์ลาหลังพวงมาลัย หรือแม้กระทั่งฉากไล่ล่าฉากหนึ่งที่คนร้ายขับรถชนหญิงสาวจนกระเด็นล้มลงเพื่อเปิดทางหนีจากคาร์ลาซึ่งเธอต้องเลือกขับรถขวางลำเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำสองต่อเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายซึ่งเป็นดั่งบททดสอบว่าเธอเห็นภารกิจล่าคนร้ายเหนือกว่าชีวิตมนุษย์ร่วมโลกและเป็นคนดีพอให้จะได้รับพรตามคำขอจากพระเจ้าหรือไม่

ซึ่งในแง่มุมศาสนาของหนังยังมีส่วนช่วยสร้างความเห็นอกเห็นใจต่อคาร์ลาให้คนดูในอีกทางหนึ่ง แต่ในอีกมิติคำว่าพระเจ้าที่ว่าไม่อาจเห็นเป็นอื่นได้เลยนอกจาก “สื่อมวลชน” เพราะนอกจากพระเจ้าที่คาร์ลาสวดมนต์ภาวนา ก็มีวิทยุบนรถนี่แหละที่เธอหวังให้สื่อออกข่าวเรื่องเธอกำลังไล่ล่าคนร้ายเพราะหวังจะได้รับความช่วยเหลือจากทางการ และทีละน้อยมันกลับค่อยๆสะท้อนความน่าน้อยเนื้อต่ำใจของคนชนชั้นล่างที่นอกจากพระเจ้าแล้วก็ไม่สามารถพึ่งพาเจ้าหน้าที่รัฐหรือสื่อมวลชนในยามเดือดร้อนได้เลย

ฮัลลี เบอรี ถอดวิญญาณมนุษย์แม่ล่าระทึกถึงใจ

ฮัลลี เบอร์รี กับบทบาทที่เธอถอดวิญญาณความเป็นแม่มาล่าระทึกได้อย่างถึงใจ

สำหรับความดีความชอบบนหน้าจอหลายสำนักคงเห็นตรงกันว่า เราไม่อาจละเลยที่จะกล่าวถึง ฮัลลี เบอรี ได้เลยเพราะในยามที่บทหนังไม่เอื้อให้เธอ “ทำสวย” ทั้งไร้เมคอัพ เสื้อผ้าธรรมดา แถมสถานการณ์ยังพาให้ร่างเธอโทรมลงตามความหนักหน่วงของการไล่ล่า สิ่งที่ทำให้ตัวละครแม่อย่าง คาร์ลา ทำให้คนดูเชียร์ได้ก็มาจากการถอดความเป็นแม่ในชีวิตจริงใส่ไปการแสดงของฮัลลี เบอรี ที่สามารถถ่ายทอดจุดแตกหักของจิตวิญญาณในฐานะมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อได้อย่างน่าเชื่อถือและสามารถนำพาอารมณ์คนดูให้อยู่เหนือเหตุผลใดๆที่หนังทำตกหล่นไว้ได้อย่างสวยงาม

ติดตามความระทึกนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ได้ใน KIDNAP ล่าหยุดนรก เข้าฉาย 29 มิ.ย.นี้