เรียกว่าในปีนี้ถือเป็นปีที่บ้านเราได้เห็นหนัง Live-Action ของทางฝั่งญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากมังงะกันอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะ ‘แป้ก’ มากกว่าปัง จนค่ายหนังบ้านเราที่นำเข้ามาก็เริ่มถอดใจกันแล้วเหมือนกัน ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นหนึ่งในหนังที่ ‘ไม่ทำเงิน’ คุ้มกับการนำเข้ามาฉายเท่าไหร่นัก และ Live-Action ล่าสุดอย่าง Ajin ฅนไม่รู้จักตาย ก็ถือเป็นหนึ่งในบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่าหนังญี่ปุ่นแนวนี้จะ ‘ได้ไปต่อ’ ในตลาดบ้านเราหรือไม่

สำหรับ Ajin หรือในชื่อมังงะภาษาไทย ‘สายพันธ์อมนุษย์’ ผลงานของอาจารย์ ซากุราอิ กามอน ก็เคยผ่านการดัดแปลงมาเป็นอนิเมชันฉบับหนังโรงรวมทั้งทีวีซีรีส์มาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ในเวอร์ชัน Live-Action ของผู้กำกับ โมะโตะฮิโระ คาซึยูกิ นี้ก็มีการปรับบทของตัวละครเดิมไปในส่วนของตัวเอกอย่าง นากาอิ เคย์ ที่ในมังงะเป็นเด็กหนุ่มมัธยมปลายแต่พอมาเป็น Live-Action ก็ปรับมาเป็นหนุ่มทำงานวัย 26 ปี เพื่อให้เข้ากับนักแสดงหนุ่ม ซาโต ทาเครุ

พลอตของ Ajin นั้นก็จะพูดถึงหนุ่ม นากาอิ เคย์ ที่อยู่มาวันหนึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถบรรทุกชนอย่างจังระหว่างกลับบ้านจนเสียชีวิตคาที่แต่แล้วเขากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นปกติได้ด้วยพลังปริศนา นั่นทำให้เขาถูกทางรัฐบาลญี่ปุ่นลักพาตัวเขาไปเข้าสู่การทดลองลับ ซึ่งจะเป็นการทดสอบสังหารเพื่อพิสูจน์พลังดังกล่าว จนกระทั่ง ซาโต้ ซึ่งถือเป็นอาจินอีกรายหนึ่งปรากฏตัวมาช่วยเหลือนากาอิออกมาจากการห้องทดลอง และนับตั้งแต่นั้น ผู้ที่เป็น ‘อาจิน’ ก็ถูกตั้งค่าหัวมหาศาลและถูกตามล่าอย่างหนัก ขณะเดียวกัน แนวคิดของอาจินทั้ง 2 รายอย่าง นากาอิ และ ซาโต้ ก็กลับไปคนละทางกันจนกลายเป็นศัตรูกันเสียเอง

สิ่งที่น่าสนใจคือ เนื้อหาของ Ajin มันมาในแนวบู๊แอ็คชันอยู่แล้ว ซึ่งน่าสนใจว่าเมื่อเป็น Live Action ของทางญี่ปุ่นนั้นจะไปรอดหรือไม่ ในเมื่อต้องหันมาเล่นใหญ่แบบอลังการงานสร้าง มันจะทำให้น้ำได้เนื้อเหมือนหนังเกรดบีฝั่งจีนหรือเกาหลีไหม ซึ่งปรากฏว่าในพาร์ทเนื้อเรื่องนั้นแทบจะไม่มีปมประเด็นอะไรสลับซับซ้อน มันเป็นเรื่องของ อาจิน กับความสามารถพิเศษ ที่ถูกฝั่งตรงข้ามอย่างรัฐบาลกลั่นแกล้ง และความทะเยอทะยานอยากจะยึดครองโตเกียวเพื่อแบ่งแยกดินแดนอิสระของตัวเองและกลุ่มอาจินขึ้นมา มันเป็นกลิ่นอายด้านมืดเชิงแฟนตาซีของทั้ง 2 ฝ่ายที่ตัวหนังถ่ายทอดมาได้เทา ๆ ดีมาก ทั้งการให้น้ำหนักในการปูที่มาที่ไป ตัวละครมีมิติ มีความคิดออกเป็น 2 ฝั่งสลับปนเปไป ยังรวมถึงรายละเอียดของบทพูดที่เก็บทุกเม็ดในการสื่อความเห็นแก่ตัวของทุกตัวละครชัดเจน

อาจิน เป็นอมนุษย์ที่ตายได้ไม่จำกัด เวลาพวกเขาพลาดพลั้งก็ถูกโจมตีจนสภาพร่างกายบาดเจ็บหนักใกล้ตาย พวกเขามักทำการรีเซ็ตตัวเองด้วยการตายและฟื้นขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วพร้อมรบต่อทันที ด้วยศักยภาพที่เหมือนเกมที่ไม่มีวันโอเวอร์อย่างนี้ ทำให้คู่ต่อกรอย่างรัฐบาลญี่ปุ่นต้องพยายามหาวิธีที่จะกำจัด อาจิน ไม่ให้รีเซ็ตได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน จากความร่วมมือของนากาอิ หนึ่งในอาจิน ที่เลือกยืนอยู่ฝั่งเดียวกับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม Ajin ก็มีจุดที่ทำให้รู้สึกว่าตัวหนังยังกลั่นอารมณ์ไปได้ไม่สุดเท่าไหร่ จากความไม่ต่อเนื่องและการวางเรื่องไม่ดี ทำให้มีช่วงสะดุด ปมที่ควรปูมาก่อน ก็มาเลือกเล่าในช่วงกำลังใกล้พีค จนกลายเป็นเนือยและแอบง่วงไปเลย (อารมณ์คล้าย ๆ กับอ่านการ์ตูนกัปตันซึบาสะ ที่กว่าจะง้างยิงประตูได้ พี่แกระลึกชาติกันหลายสิบหน้าเลย) ซึ่งไอ้วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของหนัง Live Action ไปแล้ว โดยเมื่อมองถึงจุดนี้ ส่วนตัวคิดว่านี่อาจเป็นทางแยกสำหรับคนดูหนังแมสทั่วไปอาจไม่ถูกใจ เพราะจังหวะของหนังมันต่างกันมาก

ส่วนที่ดีที่สุดของ Ajin คือเรื่องของคิวบู๊แอ็คชัน ที่ทำได้ดูเรียล ดูโหดจริงจัง แม้ว่าอาจจะเห็นเลือดน้อยไปนิด แต่ก็ถือว่าความดุเดือดทดแทนไปได้น่าติดตาม ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนดู Death Note ในเวอร์ชันที่ไล่ล่ากันเอาเป็นเอาตาย  บางช่วงอาจจะเนือยแค่ไหนแต่พอกลับมาซีนที่ต้องไล่ล่า รบรากันแล้ว ดูสนุกทุกครั้ง ในขณะที่งานซีจีเองก็เข้าขั้นใช้ได้ แต่ก็ยังมีบางฉากที่ดูลอยหรือแอบน้อง ๆ ช่อง 7 ไปบ้างก็ไม่เป็นไร หากใครจะเสพงาน Live Action ดี ๆ สักเรื่องที่มากอบกู้ผลงานก่อน ๆ ที่ออกมาในปีนี้ก็ต้องบอกว่า Ajin สามารถเรียกศรัทธากลับมาได้ชนิดเซอร์ไพรส์เหมือนกันครับ

Play video