ในยุคปัจจุบันการทำงานที่คาบเกี่ยวระหว่างคำว่า ‘แรงบันดาลใจ’ กับ ‘ลอกเลียนแบบ’ นั้นเป็นเส้นบาง ๆ ที่ผ่านไปมาจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นแล้วว่าดี ธุรกิจหรือนักออกแบบแบบแดกด่วนเลยเติบโตยุ่งเหยิงกันไปหมด หากแต่ในระยะยาวแล้วพวกเขาอาจทุกช์ทรมานเสียเอง ต่างกับ ดรีส ดีไซเนอร์ในยุคนิวเวฟที่ยืนหยัดจนทุกวันนี้ได้ด้วยการสร้างแบรนด์ห้องเสื้อแบบออแกร์นิค ไม่เกาะเทรนด์ ไม่รู้จักการตลาด ไม่เคยจ้างเซเลปหรือเน็ตไอดอลแพง ๆ มาโปรโมท มีแต่งานที่กลั่นออกมาจากความรักและความหลงไหลเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็น ‘ดีไซเนอร์อิสระ’ ที่ไม่ยอมรับใช้แบรนด์ห้องเสื้อรายใดทั้งสิ้นมาตลอด 25 ปีที่ผ่านมา

Dries เป็นสารคดีที่จะพาคนดูไปสำรวจแง่มุมการทำงานอย่างละเอียดของ ดรีส ฟาน โนเทน นักออกแบบเสื้อชาวเบลเยียมตลอดการทำงานในวงการแฟชันในรอบ 30 ปี ชายถ่อมตัวที่ได้รับคำยกย่องถึงการทำงานด้วยมันสมอง ผู้ยึดมั่นในแนวคิดสร้างสรรค์เสื้อผ้าไร้กาลเวลาและแอนตี้คำว่า ‘แฟชัน’ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ซึ่งผู้กำกับไรเนอร์ โฮลซ์เมอร์ เองก็ตามติดชีวิตการทำงานของดรีสมาตลอด 1 ปีเต็ม ตั้งแต่วันแรกที่คิดงานออกแบบเสื้อผ้า กระบวนการตัดเย็บ ไปจนถึงวันที่เขาสร้างคอลเล็กชันออกมาเสร็จสมบูรณ์และไปโลดแล่นบนแคตวอล์คงาน Paris Fashion Week

ปรัชญาการทำงานของดรีสนั้นคือการพยายามล้มล้าง ‘ความงามในอุดมคติ’ เดิมที่ติดอยู่ในความเชื่อของผู้คนมาตลอดออกไปและแตกรสนิยมใหม่ ๆ ด้วยคอนเซปต์ การมองหาจุดสมดุลระหว่างความสวยงามกับความอัปลักษณ์ โดยเฉพาะการค้นพบความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในด้านมืด หรือความสกปรกที่คนในสังคมไม่เห็นค่า หรือตีค่าเป็นความอัปลักษณ์ ดังจะเห็นจากผลงานของดรีสในแต่ละคอลเลกชัน เช่น การผสมผสานรูปทรงเสื้อผ้าแบบคลาสิกกับวัสดุแบบถูก ๆ ที่พบเห็นง่าย ๆ อย่างเส้นใยสังเคราะห์ หรือจะเอาผ้าเนื้อดี ๆ มาจับโยนลงปั่นในเครื่องซักผ้า เพื่อให้มันดูยับย่นกลายเป็นความงามในรูปแบบใหม่ ๆ ของเขา

ในด้านการทำตลาดนั้น หลายคนในวงการและนอกวงการให้ความสนใจกับ ดรีส มาก ๆ เพราะเขาเป็นดีไซเนอร์ที่โนสนโนแคร์แบรนด์แฟชั่นเจ้าใหญ่ ไม่มีมาทุ่มเงินซื้อสื่อลงนิตยสาร หรือโปรโมทแบรนด์เลย มีเพียงการตลาดแบบปากต่อปากของคนในวงการเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้สินค้าในแบรนด์ของเขามันมีราคาที่คนทั่วไปก็ยังจับต้องได้ เพราะดรีสไม่ต้องแบกต้นทุนมากเท่ากับห้องเสื้อแบรนด์อื่น ๆ นั่นเอง ซึ่งยิ่งดูก็ยิ่งประทับใจกับการทำงานของเขามาก เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นตัวพ่อตัวแม่ในวงการ เห็นได้ชัดว่าเขามีแพสชันล้นเหลือ จากการสอดส่องชีวิตประจำวันของเขา ดรีสทำงานและพักผ่อนไปอยู่แล้วในทุกวันด้วยการทำงานที่เขารักมันจริง ๆ

ภาพของชายที่แต่งตัวเรียบ ๆ จืด ๆ คือเสื้อเชิ๊ตสีขาวกับกางเกงชีโนสีฟ้า สลับกับสเว็ตเตอร์สีดำง่าย ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ดูไปก็ไม่ต่างจาก สตีฟ จ็อบส์ หรือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แต่กลับรังสรรค์ผลงานคอลเลกชันเสื้อผ้าระดับโลกออกมาปีแล้วปีเล่าโดยที่เสื้อผ้าของเขายืนอยู่เหนือกาลเวลา สำหรับคนทำงานในฟิลด์เดียวกันหรือใกล้กันนี้ ถือเป็นคาบเรียนทรงคุณค่าสำหรับนักศึกษาหรือคนสนใจงานด้านออกแบบ ที่แนะนำว่าคุณควรมาดูซ้ำมากกว่า 1 รอบ กับการทำความเข้าใจ แนวคิดของดรีสในการสร้างงาน ตรรกะที่เขาใช้ การแก้ปัญหาที่เขาเลือกจัดการ เขาลำดับมันก่อนหลังอย่างไร นี่คือสารคดีอีกหนึ่งเรื่องที่ส่วนตัวชอบมาก เพราะมันถูกร้อยเรียงออกมาเป็นเรียลลิตี้ที่ย่อยง่าย คนดูทุกคนทำความเข้าใจ และอินไปกับการทำงาน แรงบันดาลใจของ ดรีส ได้ตลอดทั้งเรื่อง

สำหรับผม ไม่ว่าคนทำงานสายไหนหรือแม้แต่นักธุรกิจเองแค่เข้ามาดูสารคดีเรื่องนี้ก็คุ้มกว่าการไปเสียเงินนั่งฟังวิทยากรสาธยายในงานสัมมนาหรืออบรม ต่อให้เขาจับมือทำ แต่การเสพสารคดีชิ้นนี้ จะทำให้คุณเข้าใจหากคิดจะเริ่มสร้างสิ่งใดขึ้นมาอย่างหนึ่งได้อย่างลึกซึ้งด้วยตัวเอง สิ่งนี้คือการเรียนรู้ที่เร็วกว่าการเลียนแบบที่ใคร ๆ ก็ทำได้และจะทำเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว

ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Dries เข้าฉายตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน ในเครือ SF Cinema ครับ

Play video