Avengers: Endgame เป็นการปิดฉากมหากาพย์ของ Infinity Stone ที่สานต่อมานานถึง 11 ปี ลงได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้น Avengers: Endgame ก็มิใช่ภาพยนตร์ที่จะปิดฉาก Phase 3 ของ Marvel Cinematic Universe แต่อย่างใด เนื่องจาก Spider-Man: Far From Home จะเป็นเรื่องสุดท้ายใน Phase 3

ด้วยโทนภาพยนตร์ที่แตกต่างและเบาบางกว่า Avengers: Endgame ซึ่งมีความเป็นดรามากว่า และน่าจะปิดฉาก Phase 3 ได้ถึงอารมณ์กว่า แต่ทำไมทีมผู้สร้างจึงเลือกให้ Spider-Man: Far From Home มาเป็นเรื่องสุดท้ายกัน เรามาดู 3 เหตุผลหลักที่น่าสนใจกัน

ผลกระทบจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame

Avengers: Endgame ได้เน้นไปที่เหล่าซูเปอร์ฮีโรบนพื้นโลกที่พยายามย้อนกลับสิ่งที่ Thanos ได้ทำเอาไว้ ซึ่งส่งผลให้ Iron Man และ Captain America ได้เลือกจบบทบาทของตนเองลง และนั่นได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของโลกด้วยเช่นกัน

มันจะเป็นการตอบคำถามที่ว่า หลังศึกกับ Thanos ที่จบไปแล้วนั้น เหล่าซูเปอร์ฮีโรได้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปจริงหรือไม่ และอย่างไรบ้าง ผ่านมุมมองของ Peter Parker

การจากไปของ Iron Man

นับตั้งแต่เริ่ม MCU เมื่อ 11 ปีก่อนกับ Iron Man เป็นต้นมา Tony Stark (รับบทโดย รอเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของ MCU มาโดยตลอด

ดังนั้น Spider-Man: Far From Home จะได้พิสูจน์ถึงก้าวต่อไปของ MCU ที่ไม่มี Tony Stark อีกต่อไป รวมถึงอาจมีการเปิดตัว Iron Man คนใหม่ และเล่นกับประเด็นของ Multiverse มากขึ้น

เส้นเรื่องใหม่ของ MCU

ตัวอย่างล่าสุดได้อธิบาว่า การดีดนิ้วด้วย Infinity Stone นั้น ทำให้เกิดช่องว่างมิติที่เรียกว่า Multiverse ขึ้น และตัวละคร Mysterio (รับบทโดย เจค จิลเลนฮาล) ก็มาจากมิติเหล่านั้น

นั่นหมายความว่า Spider-Man: Far From Home ได้ถูกวางตัวให้เป็นบทสรุป Phase 3 ตั้งแต่แรกแล้ว มันเป็นการขยายเนื้อเรื่องให้ก้าวข้ามผ่านทั้งตัวละครชุดเดิม, สรุปเรื่องราวของมหากาพย์ Infinity Stone และสานต่อไปยังเส้นเรื่องใหม่ของ Phase 4 ในอนาคต

รวมถึงอาจมีการเปิดเผยรายละเอียดของกลุ่ม Young Avengers ด้วย

Spider-Man: Far From Home มีกำหนดฉายวันที่ 2 กรกฎาคม 2019 นี้

ข้อมูลอ้างอิง : cinemablend