[รีวิว] KILL CHAIN โคตรโจรอันตราย – แอ็กชันพลอตดีแต่ซับซ้อนเกินจำเป็น
Our score
6.2

KILL CHAIN

จุดเด่น

  1. นิโคสาส เคจ คือ อัปราคาของหนังที่แท้จริง
  2. บทมีความทะเยอทะยานเล่าเรื่องให้มีปมซับซ้อน

จุดสังเกต

  1. การเล่าเรื่องโฟกัสผิดจุดไปหน่อย
  2. เรื่องราวซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ แบบเกินความจำเป็น
  • ความสมบูรณ์ของบทภาพยนตร์

    6.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    6.0

  • คุณภาพนักแสดง

    6.0

  • ความสนุก ความแปลกใหม่

    6.5

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    6.5

หลังเกิดเหตุผิดแผน สาวชุดแดง (แอนนาเบล อคอสตา) ได้หอบเพชรของเหล่ามาเฟียหนีตายเข้าพักในโรงแรม ที่มีเจ้าของหน้าใหม่ (นิโคลาส เคจ) พร้อมอดีตลึกลับรับเธอเข้าไปจนเหล่าอาชญากรตัวเอ้มาตามล่าเธอ งานนี้พวกเขาจำต้องรับแขกแบบจัดหนักจัดเต็มก่อนความจริงที่ยากจะคาดเดาเปิดเผยออกมา

Play video

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

หากดูจากหน้าหนังของ Kill Chain คงเหมือนหนังที่องค์ประกอบทุกอย่างที่พร้อมจะไล่แขกได้ทุกเมื่อ ทั้งตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาได้ไม่ดึงดูดเท่าที่ควร และการห่างหายจากหนังฮิตมานานเหลือเกินของ นิโคลาส เคจ อดีตซูเปอร์สตาร์แอ็กชันที่ช่วงหลังรับงานแบบใครจ้างเล่นหมด และกับ Kill Chain ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่เมื่อดูจากประวัติงานของ เคน แซนเซล (Ken Sanzel) ผู้กำกับหนังจะพบว่าเครดิตส่วนใหญ่ของเขาจะวนเวียนกับหนังแอ็กชันตั้งแต่เครดิตเขียนบทหนังเปิดซิงฮอลลีวูด โจวเหวินฟะ อย่าง The Replacement Killer (1998)  ไปจนกำกับและโพรดิวซ์ซีรีส์ฮิตอย่าง Numb3rs (2006-2010) แม้ผลงานจะไม่ได้ดังแบบโฉ่งฉ่างแต่ก็นับว่ามีจุดน่าสนใจไม่น้อย และยิ่งพลอตเรื่องที่ว่ามาเป็นแนว ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาพบกัน ที่หนังอย่าง John Wick อุตส่าห์ปลุกผีปูทางไว้ให้ก็นับว่าน่าจะเป็นหนังบู๊ดูเอามันส์ที่น่าสนุกไม่น้อย แต่เนื้อหาจริงๆของหนังกลับทะเยอทะยานจะเล่าเรื่องราวให้ซับซ้อน ซ่อนปมยิ่งขึ้น และแม้ว่าบทหนังของ แซนเซล จะมีทุกอย่างที่พร้อมให้มันเป็นหนังดี ทั้งการไถ่บาปของอดีตมือสังหาร การซ้อนแผนฆ่าอันยากคาดเดาให้คนดูได้ตามปมปริศนาที่หนังทิ้งเบาะแสไว้แต่สิ่งหนึ่งที่ เซลเซล พลาดอย่างแรงคือการเล่าเรื่องที่จำเป็นต่อการรับรู้ของคนดูจริง ๆ นี่แหละ

กล่าวคือ แม้หนังจะเปิดเรื่องที่ตัวละครไร้ชื่อของ นิโคลาส เคจ กำลังรับมือของพวกที่มาตามล่าเขา พร้อมด้วยสาวสวยชุดแดงที่ใบหน้ามีรอยเปื้อนเลือดสาดกระเซ็นและท่อนบนเป็นบราสีดำชวนให้รู้สึกตื่นเต้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่พอหลังจากหนังตัดเข้าเครดิตเปิดเรื่องเรากลับได้เห็นตาลุงสไนเปอร์คนนึงโทรศัพท์คุยกับนายจ้างและลูกสาวของเขา ขณะซุ่มยิงเป้าหมายอยู่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังกินเวลาร่วม 10-20 นาทีได้โดยพยายามทำให้เห็นทั้งปมดราม่าที่พยายามยัดเข้ามาให้เราเห็นใจตัวละคร และไหวพริบเอาตัวรอดหลังรู้ว่ามีการซ้อนแผนฆ่ากันเกิดขึ้น แต่เอาเถอะสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ แซนเซล ก็ใช้กลวิธีในการเล่าเรื่องผ่านบทภาพยนตร์ได้ชาญฉลาดอยู่นะ ทั้งการใช้โสเภณีมาเป็นตัวหลอกล่อ หรือการใช้โทรศัพท์ให้เรารับข้อมูลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกจอ แถมยังเล่นปมผิดบาปในใจตัวละครได้ดีทีเดียว แม้ว่าสุดท้ายเราจะงง ๆ ก็ตามว่า อ้าว! นิโคลาส เคจ หายไปไหนวะ? ก็ตามเถอะ

Kill Chain (2019)

ถัดมาหลังเกิดการซ้อนแผนกันขึ้น เราจะได้ดูอีกซีเควนซ์บนรถตำรวจที่กินเวลานานไม่แพ้กัน ผิดกับตอนสไนเปอร์นิดเดียวคือคราวนี้ เราจะได้เห็นผู้ชาย 3 คนเขม่นกัน และก็เริ่มรู้ว่านายจ้างของพวกเขาเริ่มซ้อนแผนอีกแล้วและทำให้เห็นว่าที่มาของเพชรก่อนไปถึงโรงแรมมาจากไหน จนช่วงสุดท้ายของซีเควนซ์นี้ไปจบที่นางเอกที่เป็นสาวชุดแดงที่ต้องหนีตายหลังถูกตามล่าจนไปถึงโรงแรมนั่นแหละ โดยปัญหาสำคัญของซีเควนซ์นี้หนีไม่พ้นความวกวนของบทสนทนาที่ก่อความรำคาญอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตลอดทั้งซีเควนซ์เราจะเห็นแต่มันเถึยงกัน ยิงปืนใส่กัน หักหลังกันแบบไม่มีที่มาที่ไป แต่ยังดีที่มีการออกแบบฉากแอ็กชันที่ครีเอตไม่น้อยด้วยการจำกัดวงไล่ล่าอยู่เพียงแค่รถ เอสยูวี หนึ่งคันตามงบประมาณ  แม้สุดท้ายเราจะกลับมาคำถามเดิมคือ นิโคลาส เคจ หายไปไหนวะ? ก็ตามเถอะ

และพอเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่นางเอกในชุดแดงมาถึงโรงแรม ทีนี้แหละเราก็ได้เจอ นิโคลาส เคจ เสียที แต่หากคิดว่าหนังจะลดความซับซ้อนน้อยลงล่ะก็ คุณคิด….ผิด! เพราะพอนางเอกเข้าโรงแรมมาคำถามแรกก็คือ ไหนล่ะ ฟรังโก อ้าวแล้ว ฟรังโก คือใครอี๊ก? เห็นมั้ยครับ นี่แหละปัญหาบทหนังของ แซนเซล คือแทนที่จะยิ่งเดินเรื่องยิ่งคลายปม มันกลับทำให้ปมเรื่องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดช่องโหว่ที่ถ่างออกไปอีกเรื่อย ๆ  แถมคราวนี้ไม่ใช่แค่ปมนางเอกเอาเพชรที่ขโมยมาซ่อนตัวในโรงแรมแล้ว กลายเป็นว่าตัวละครของ นิโคลาส เคจ เองก็มีปมอีก และคนที่มาตามล่าเขาก็คือคนจากองค์กรเป็นอดีตที่ตามมาหลอกหลอน ก่อนจะ… ก่อนจะ… ก่อนจะ… ซ้อนแผนอีกแล้ว! นี่มันหนังหรือขนมชั้นวะเนี่ย? คือเลยกลายเป็นว่าไอ้ที่เดาอะไรกันไม่ได้ เพราะหนังมันเล่นใส่ปมใหม่ ๆ มาทุกซีเควนซ์นี่เอง จนเรื่องราวในซีเควนซ์ก่อนหน้าไม่ได้มีผลอะไรกับเรื่องราวเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่ง……​​(ไปดูในหนังเอาเองแล้วกันนะ ฮ่าาาาา).

Kill Chain 2019

ส่วนการปรากฎตัวของ นิโคลาส เคจ ถามว่าส่งผลกับหนังยังไง ก็ต้องยอมรับว่าเขาคือนักแสดงที่พลิกให้หนังเกรดบีดูดีขึ้น อาจไม่ใช่ เกรดเอ แต่อย่างน้อยก็คือ เกรดบีใส่สูท เพราะการแสดงของเขาสามารถเติมเสน่ห์ให้ตัวละครที่คนดูแทบไม่รู้ที่มาที่ไปให้น่าสนใจและอยากติดตามขึ้นมา แม้ว่ากว่าจะเจอเขาเต็ม ๆ อีกทีหลังฉากเปิดเรื่องต้องรอไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงก็ตาม แต่พอถึงซีนที่เขาปรากฎตัวก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการรอคอยอยู่นะ ดูไปก็นึกถึงหนังสมัย เคจ ดังทั้ง Face/Off,The Rock หรือ Con Air ไม่ได้หมายความว่าหนังมันมีคุณภาพเทียบกันได้หรอกนะครับ แต่พูดถึงว่าการมี เคจ อยู่ในหนังก็เหมือนเปลี่ยนสถานะให้หนังที่ดูเกรดบีมาก ๆ พอมีโอกาสในตลาดหนังเอเซียที่นิยมหนังแอ็กชันตีหัวเข้าบ้านอยู่ดี ส่วน แอนนาเบล อคอสตา ก็ทำให้หนุ่มตาค้างได้ตลอด เพราะเธอต้องเล่นฉากแฟนเซอร์วิสที่แม้จะไม่โป๊ แต่แค่บราสีดำที่โอบอุ้มหน้าอกหน้าใจดูม ๆ ของเธอ แค่นี้ก็เพียงพอให้สายหื่นได้ใจเต้นตูมตามแล้วล่ะ ฮ่าาาาา.

โดยสรุปแล้ว Kill Chain อาจยังไม่ใช่หนังดีมากมาย แต่เราก็ถือว่าหนังมีไอเดียที่น่าสนใจอยู่เยอะเพียงแต่อาจยังนำเสนอได้ไม่ดีนัก เลยทำให้จังหวะหนังไม่สามารถทำให้คนดูตื่นเต้นตามได้ตลอดอย่างที่หน้าหนังควรจะเป็นนักก็ตาม

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส