[รีวิว] Better Days: หดหู่ ดำดิ่ง ยิ้มทั้งน้ำตา
Our score
8.8

Better Days

จุดเด่น

จุดสังเกต

  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    8.5

  • คุณภาพนักแสดง

    9.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.5

  • ความสนุกน่าติดตาม

    8.5

  • คุ้มค่าเวลาในการรับชม

    9.0

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

หากจะย้อนกลับไปยังวัยทีนเอจ ภาพจำหนึ่งที่คนเราส่วนใหญ่นึกถึงก็คือ มันเป็นห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและการก้าวข้ามผ่านหลายสิ่งอย่างในชีวิต ในวันที่ทุกอย่างยังไม่ประสีประสา ในวันที่ดูเหมือนเรายังต้องพึ่งสัญชาตญาณมากกว่าประสบการณ์ เด็กหลายคนมองเห็นภาพตัวเองมีความสุข รอยยิ้มกับเพื่อน สนุกสนานไปวัน ๆ แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็มีเด็กบางคนที่ต้องผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาด้วยความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวดและรอยแผลของการถูกทำร้ายอาจมีอิทธิพลต่อชีวิตของเด็กคนนั้นไปตลอดกาล เรากำลังพูดถึง Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ  หนังโรแมนติกดราม่าสัญชาติจีนที่จับประเด็นของความหยาบกร้านของชีวิตวัยรุ่นในสังคมแดนมังกร ซึ่งเติบโตมาท่ามกลางการแข่งขันและความคาดหวังที่หนักหน่วง โดยเฉพาะหนุ่มสาวมัธยมปลายที่ต้องเตรียมตัวสอบ ‘เกาเข่า’ (Gaokao) การสอบเอนทรานซ์ครั้งใหญ่ที่ไม่ต่างจากการเป็นบททดสอบเดิมพันชะตาชีวิตต่อจากนี้ แต่สำหรับ เฉินเหนียน (โจวตงหยู) เธอต้องเผชิญกับโจทย์ข้อสอบอันหนักอึ้งกว่าเด็กทั่วไป เพราะเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของเธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย และเธอกลายเป็นเป้าการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคน และสำหรับ เฉินเหนียน โรงเรียนคือขุมนรก ที่ไม่มีใครที่ไหนเอื้อมมือมาช่วยเหลือเธอได้
เฉินเหนียน (โจวตงหยู)

เฉินเหนียน (โจวตงหยู)

Better Days สร้างมาจากนิยายจีนดัง In His Youth, In Her Beauty ของ จิ่วเยวียซี ที่มีเส้นเรื่องหลักอยู่ที่เรื่องราวการถูก bully ในโรงเรียน และความรักที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของคนหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งคนดูจะสามารถสัมผัสได้เลยจากบรรยากาศในหนังเรื่องนี้ที่จับประเด็นหนัก ๆ มาบดขยี้แรง ๆ ตั้งแต่เรื่องการ bully ในโรงเรียน, การสอบแข่งขัน จนถึงแทงทะลุถึงหัวใจไปยังกระทรวงศึกษาธิการที่ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมกันสร้าง ‘ปีศาจ’ ในตัวเด็กขึ้นมาในสังคมโดยที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นไม่เคยตระหนัก เฉินเหนียน เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาใสซื่อ แต่เป็นเด็กหัวดีเรียนเก่ง ท่ามกลางความโหดร้ายของสังคมที่เธอต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกแกล้งจากเพื่อน, พ่อแม่แยกทาง แม่ต้องร่อนเร่ขายของผิดกฏหมายและหนีเจ้าหนี้จนไม่ค่อยได้กลับบ้าน ขณะที่ชีวิตของเฉินเหนียนดูจะเดินไปถึงจุดตกต่ำที่สุด เธอก็ได้พบกับ เสี่ยวเป่ย (อี้หยางเชียนสี่) เด็กหนุ่มแก๊งอันธพาลไร้อนาคตที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ

Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ

หนังพาคนดูสำรวจตัวละครแบบพาทัวร์เข้าไปได้ถึงแก่นของความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าของเฉินเหนียน แถมแทรกปัญหาชีวิตขม ๆ เข้ามาอีกเป็นระยะ บวกกับอินเนอร์ของ โจวตงหยู ที่อาจบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังที่เธอกลั่นอารมณ์ออกมาได้อย่างสุดยอดอย่างแท้จริง การพลิกมาเล่นบทเด็กสาววัย 17 ที่ต้องแบกปัญหาทุกอย่างไว้ เธอทำมันออกมาได้ไร้ที่ติมาก ๆ ระดับมาสเตอร์พีช บอกได้เลยว่านี่เป็นตัวละครที่สร้างความเรียลให้หนังเรื่องนี้ และยกระดับหนังไปอีกขั้นจริง ๆ ซึ่งยิ่งดูเราจะยิ่งหดหู่ไปกับโชคชะตาอันรันทด แล้วตัวเลือกของเด็กที่ยังไม่ประสีประสาโลก มันยิ่งดูมืดแปดด้านไปหมด แต่ระหว่างที่หนังเดินไป การปรากฏตัวของ เสี่ยวเป่ย สร้างมิติให้หนังฉีกไปยังจุดหักเหได้ลงตัว และโดยเฉพาะการมารับบทหนัก ๆ แบบนี้ครั้งแรก ก็ต้องยอมรับว่าไอ้หนุ่ม อี้หยางเชียนสี่  เป็นเด็กมีของมาก ๆ เลย โดยเฉพาะสีหน้าแววตาที่มุ่งมั่น ซีนดราม่าแรง ๆ สามารถบดกับ โจวตงหยู ได้ไม่ดร็อปเลย

Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ

Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ

Better Days เป็นหนึ่งในหนังที่ทำหน้าที่วิพากษ์ประเด็นหลัก ๆ สะท้อนสังคมจีนได้ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่ง ผมชอบบรรยากาศของความไม่โลกสวยในหนังเรื่องนี้ มีกลิ่นอายคล้ายแนวทางของหนังฮ่องกงในยุค 90s แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ออกอาการเนือยไปบ้าง เหมือนยืดเรื่องไปบ้าง แต่พอเริ่มปรับตัวได้ หนังกลับยิ่งสะท้อนสภาวะจิตใจของตัวละครแต่ละฝ่ายให้เห็นด้านเทา ๆ กันมากขึ้น จนรู้สึกตัวอีกที หนังก็พาเรามายังจุดที่เราไม่คิดว่าจะมาถึงได้ มีความกลับตาลปัตร พลิกผัน หักมุมเล็ก ๆ หลอกล่อมีชั้นเชิง คาดเดายากขึ้นเรื่อย ๆ สร้างสถานการณ์และบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจออกมาได้เป็นระยะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นท่ามกลางความหม่นหมองของหนัง ก็คือเคมีของคู่พระนาง กับพาร์ตโรแมนติกแบบหวานขม ที่ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับชะตาชีวิต แต่ก็ดิ้นรนหาทางแก้ปัญหาหน้างานตามมีตามเกิดแบบเด็กวัยรุ่น ไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ บางคนดูแล้วแอบนึกถึง อาหัว กับ โจโจ้ ในผู้หญิงข้าใครอย่าแตะอยู่บ้าง

เสี่ยวเป่ย (อี้หยางเชียนสี่)

เสี่ยวเป่ย (อี้หยางเชียนสี่)

เมสเซจของหนังชัดเจนและทรงพลัง โดยเฉพาะคำพูดของ เฉินเหนียน ที่บอกว่า “มีแต่คนบอกจะช่วยฉัน แล้วใครบ้างล่ะที่ช่วยฉันจริง ๆ” ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวในการต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสเกินวัยจะแบกรับไหว พร้อมจิกกัดคนที่เกี่ยวข้องแต่กลับมองปัญหานี้จิ๊บจ๊อยไม่เหมือนคำคุยโวสวยหรู แต่ขณะเดียวกันหนังก็เสนอแนวทางให้ทุกฝ่ายลุกขึ้นมาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ในภาพรวมแล้วนี่อาจเป็นหนังที่สร้าง impact ให้สังคมจีนได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง, เป็นหนัง coming of age ที่ทรงพลัง และอาจเป็นหนังในท็อปลิสต์ของใครหลายคนประจำปีนี้ไปแล้ว

Play video

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส