ชีวิตสันโดษของสาวจีนเจ้าปัญญาอย่าง เอลลี ชู (เลียห์ ลูวิส) มีอันต้องปั่นป่วนหลังถูกตื้อจาก พอล มันสกี (เดเนียล ดีเมอร์) นักอเมริกันฟุตบอลหัวทึบมาขอให้เธอเขียนจดหมายรักเป็นสื่อให้เขากับ แอสเธอร์ ฟลอร์ (อเล็กซิส เลอไมร์) สาวซินยอริตาร์สุดฮอต แต่ยิ่ง เอลลี สวมรอยจีบให้พอลมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหลงใหลในความฉลาดและช่างคิดของ แอสเธอร์ มากเท่านั้น ซึ่งโจทย์ครั้งนี้ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก เมื่อ พอล และ เอลลี เริ่มผูกพันกันมากขึ้น จนผลลัพธ์อาจมีใครบางคนต้องเจ็บปวดจนนิยามของหนังสือเล่มไหนก็ไม่อาจให้คำตอบที่ถูกต้องได้เลยสักนิด

Play video

ความรัก คือความยุ่งเหยิง เลวร้าย เห็นแก่ตัว ทว่าก็กล้าหาญ เช่นเดียวกัน

หากมองหน้าหนังเผิน ๆ The half of it ก็ดูไม่ต่างจากหนังวัยรุ่นวุ่นรักเรื่องอื่น แต่ช้าก่อนนี่คือผลงานล่าสุดของ อลิซ อู๋  ผู้กำกับ Saving Faces (2004) หนังอินดีที่เคยเจาะลึกเล่าเรื่องชีวิตและความสัมพันธ์ของเลสเบียนชาวจีน อเมริกัน ที่ต้องต่อสู้กับขนบธรรมเนียมและปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวแบบเอเซียได้อย่างล้ำลึกและกวาดคำชมจากนักวิจารณ์มาแล้ว และกับ The half of it อู๋ก็ยังสามารถจับหัวใจของเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะการเล่นกับภาพลักษณ์ของคนเอเซียในโรงเรียนอเมริกันที่ถูกมองว่าเป็นสาวฉลาดแต่สันโดษ แถมยังหัวหมออีกด้วย ซึ่งตัวละครอย่าง เอลลี ชู หากเราเดาไม่ผิด มันก็น่าจะถอดแบบมาจากชีวิตของเธอเอง

WHAT THE FACT รีวิว The Half Of It

The Half Of It – Director Alice Wu, Leah Lewis – Photo Credit: Netflix / KC Bailey

ตัวละครอย่าง เอลลี ชู ถูกนำเสนอได้น่าสนใจมาก ซึ่งต่างจากหนังอเมริกันที่มีคนเอเซียในเรื่องที่มักจะถูกนำเสนอแบบเหมารวม แต่ที่ความชาญฉลาดของบทภาพยนตร์ของ อลิซ อู๋ คือการเล่นกับภาพเหมารวม (steriotype) นั่นแหละที่ทำให้ เอลลี มีมิติที่น่าสนใจโดยเฉพาะการที่ต้องเป็นสาวจีนอพยพที่มุ่งมั่นตั้งตัวจากการ รับจ้างทำการบ้านให้เพื่อน และต้องช่วยงานคุณพ่อที่สถานีรถไฟของสควอเฮมิชที่ตั้งอยู่หน้าบ้านเธอ และนอกจากมิติที่โรงเรียนแล้วที่บ้านของเธอเองเรายังจะได้รู้จักกับ เอดวิน ชู (คอลลิน โช) คุณพ่อที่พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้และต้องมาติดอยู่กับอาชีพนายสถานีรถไฟที่สควอเฮมิช เพราะถึงจะได้ปริญญาเอกเป็น ดอกเตอร์ แต่หากพูดอังกฤษไม่ได้ก็หมดสิทธิ์ได้มีตำแหน่งที่สูงกว่า ดังนั้นสถานีรถไฟเลยทำหน้าที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องได้อย่างชาญฉลาดในแง่หนึ่งด้วย

WHAT THE FACT รีวิว The Half Of It

The Half Of It – Leah Lewis – Photo Credit: Netflix / KC Bailey

เขาจะวิ่งตามรถไฟทำไมนะ โง่จัง..

และไม่เพียงตัวละครนางเอกอย่าง เอลลี ชู เท่านั้น การที่หนังต้องมี “พระเอก”  แทนที่มันจะให้ภาพพระเอกหล่อ แสนดี เพอร์เฟกต์ แต่กับ ตัวละคร พอล มันสกี อาจเป็นภาพที่เกือบตรงกันข้ามเลย เพราะพ้นจากร่างกายสุดกำยำสไตล์นักอเมริกันฟุตบอลแล้ว พอล แทบไม่มีแต้มต่ออะไรในการทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหันมามองเลย ทั้งเรียนก็ไม่ฉลาด พูดจาก็เลอะเทอะ แถมถ้าพูดตรงหรือแรงเกินไปก็ขออภัยล่วงหน้า..แต่ต้องยอมรับว่า นี่คือบทพระเอกที่ซื่อบื้อที่สุดในหนังโรแมนติกแล้วล่ะ แต่จุดเปลี่ยนที่จะทำให้คนดูอดรักเขาไม่ได้คือ ความจริงใจ เขายอมรับว่าตัวเองไม่ฉลาดจึงมาขอให้ เอลลี ช่วยเติมภาพความฉลาดให้แก่ แอสเธอร์ สาวที่เขาหมายปอง โดยที่ก็ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นการเปิดช่องให้ เอลลี ได้รู้จักและหลงรักสาวในฝันของเขาไปโดยปริยาย

WHAT THE FACT รีวิว The Half Of It

The Half Of It – Leah Lewis, Alexxis Lemire – Photo Credit: Netflix / KC Bailey

 

นี่เหรอ..ฝีแปรงที่ดีที่สุดของเธอ ?

แม้แต่ตัวละครที่บทบาทอาจเป็นแค่บทสมทบจริง ๆ อย่าง แอสเธอร์ ก็ยังถูกปั้นแต่งในบทภาพยนตร์ได้อย่างมีเสน่ห์ โอเคล่ะว่าคำอธิบายของบทอาจเริ่มที่ สาวสวย ฉลาด แต่จากประสบการณ์การดูหนังแนวนี้สิ่งที่น่าเบื่อที่สุดจริง ๆ ก็คือบทที่ถูกปั้นและตราหน้าว่าต้อง ฉลาด และ สวย หรือ หล่อ นี่แหละ แต่กับ แอสเธอร์ แล้ว อลิซ อู๋ ก็ยังอุตส่าห์เพิ่มอุปสรรคชีวิตของการเป็นคนสวยเข้ามาให้คนดูเข้าใจแม้จะเต็มไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน หวังคนดูหัวเราะแต่ด้วยการกำกับที่แม่นยำ เธอก็ยังดึงเอาความทุกข์ ความสับสนของตัวละครมาให้คนดูเห็นใจได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ

WHAT THE FACT รีวิว The Half Of It

The Half Of It – Daniel Diemer, Leah Lewis – Photo Credit: Netflix / KC Bailey

ความรักเป็นเพียงชื่อสำหรับความปรารถนาและการตามหาความสมบูรณ์แบบ

หากเราจะจำกัดความให้ The half of it. เป็นเพียงหนังรักวัยรุ่นก็ยังดูจะเป็นการเหมารวมจนมองไม่เห็นรายละเอียดที่ผู้กำกับบรรจงใส่ลงไป แต่หากจะยกย่องให้ถึงขั้นเป็นหนังปรัชญาก็ดูจะเป็นให้ภาพต้องปีนกระไดดูจนทำให้หนังดูยากไปหมด ตรงกันข้ามเลย นี่คือหนังที่งดงามด้วยหลายองค์ประกอบมันมีปรัชญาเป็นแกนหลักให้ตัวละครได้เดินตามและพิสูจน์นิยามต่าง ๆ ของความรัก และในขณะที่หาคำตอบตัวละครก็เติบโตไปพร้อม ๆ กับคนดู และต้องยอมรับว่างานภาพของหนังคือเด็ดขาดมาก มักเต็มไปด้วยศิลปะ ความงาม การเปรียบเปรยทั้งการตั้งกล้องในระดับผิวน้ำเพื่อถ่ายทอดความสัมพันธ์แบบอยู่ใกล้ยิ่งหวั่นไหวของเด็กสาวสองคน หรือกระทั่งสถานีรถไฟที่เป็นแมสเซจสำคัญของเรื่องราวได้เป็นอย่างดี.

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือทีมนักแสดงที่พาคนดูไปสัมผัสด้านที่อ่อนไหวที่สุดของคนดูได้โดยเฉพาะ ลีอา ลิวอิส ลูกครึ่งเอเซียที่เธอให้ภาพสาวแว่นเอเซียคงแก่เรียนที่ฉลาดทุกเรื่องแต่ดันมาติดสมการความสัมพันธ์และการต้องก้าวข้ามความรู้สึกที่เธอต้องรับผิดชอบครอบครัวไปสู่อนาคตที่ดีกว่าได้อย่างน่าชื่นชม ส่วน แดเนียล ดีเมอร์ ก็พาหน้าบื้อ ๆ ของเขามารับบท พอล มันสกี ได้อย่างมีเสน่ห์และอดทำให้คนดูหลงรักเขาไม่ได้ ส่วน อเล็กซิส เลอไมร์ กับบท แอสเธอร์ สาวสวยต้นเหตุของเรื่องก็ช่วยเพิ่มความสดใสให้เรื่องราวและทำให้สมการความสัมพันธ์ในเรื่องทำงานกับหัวใจคนดูได้ไม่แพ้กับพระ นาง ของเรื่องเลยทีเดียว.

ร่วมพิสูจน์นิยามความรักฉลาด ๆ ได้บน Netflix  

 

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส