เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วนับตั้งแต่หนัง Back to the Future ภาค 3 (1990) เข้าฉายและกลายเป็นหนังไตรภาคเจาะเวลาหาอดีตที่มีแฟน ๆ รักมากที่สุดตลอดกาลแฟรนไชส์หนึ่ง พวกเขายังไม่เคยกลับมาเจอกันในเรื่องไหนอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือผู้กำกับ รวมถึงยังมีข่าวก่อนหน้านี้ของมือเขียนบทที่เป็นเจ้าของสิทธิ์การสร้างหนังเรื่องนี้อย่าง Bob Gale ก็เคยออกมาบอกแล้วว่า หนังเรื่องนี้จะไม่มีการรีเมกอย่างแน่นอนเพราะต้นฉบับถือเป็นความยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว

ใน Back to the Future ภาคแรกที่มีตามออกมารวมแล้ว 3 ภาค
Back to the Future ภาคแรก (1985)

การรวมตัวครั้งนี้เกิดขึ้นโดยฝีมือของนักแสดง Josh Gad นักแสดงตลกผู้ให้เสียงเป็น “โอลาฟ” ใน Frozen (2013-2019) ทั้งสองภาค และมีบทบาทใน Beauty and the Beast (2017) เขาได้จัดรายการ Reunited Apart ลงบน YouTube เพื่อระดมทุนไปช่วยเหลือมูลนิธิและโครงการต่าง ๆ โดยเทปของนักแสดงและผู้กำกับ Back to the Future เป็นเทปที่ 2 ที่ออกอากาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ในเทปที่ 1 เป็นทีมนักแสดงจากหนัง The Goonies (1985) เป็นต้นว่า Josh Brolin (Avengers: Endgame), Sean Austin (The Lord of the Rings), Jeff Cohen แล้วก็ยังมีแขกรับเชิญพิเศษเป็นผู้กำกับ Steven Spielberg ที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง และผู้กำกับ Richard Donner มาร่วม VDO Call ด้วย

The Goonies (1985)

ในส่วนของเทปที่สอง ที่เป็นการรวมรุ่นศิษย์เก่า Back to the Future นั้น Gad ได้เริ่มพูดคุยกับสองนักแสดงหลักของเรื่องก่อน นั่นคือ Christopher Lloyd และ Michael J. Fox ก่อนที่จะค่อย ๆ เชิญนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนอื่น ๆ เข้ามาร่วมด้วย ได้แก่ Lea Thompson เจ้าของบทลอเรน แม่ของมาร์ตี้ แม็คฟลาย Mary Steenburgen เจ้าของบทคลารา เคลย์ตัน ภรรยาของด็อค and Elisabeth Shue เจ้าของบทเจนนิเฟอร์ ปาร์คเกอร์ แฟนของมาร์ตี้ (เรียกว่า รวมนักแสดงที่เล่นเป็นตัวละครเด่น ๆ มาได้ครบจริง ๆ )

แค่นั้นยังไม่พอ เพราะ Gad ยังได้ไปรวมทีมงานเบื้องหลังมาพูดคุยรำลึกความหลังกันด้วย ไล่ตั้งแต่ผู้กำกับ Robert Zemeckis (Forrest Gump, Cast Away) มือเขียนบท Bob Gale มือเขียนบท, Alan Silverstri คอมโพเซอร์ผู้ประพันธ์เพลงตลอดทั้ง 3 ภาค และ Huey Lewis นักดนตรีร็อกที่ทำเพลงประกอบให้กับหนัง และยังมีเซอร์ไพรส์จากแฟนพันธุ์แท้อีกคนของแฟรนไชส์ชุดนี้อย่างผู้กำกับ J.J. Abrams (Star Wars 7&9, Star Trek 1&2) ก็ยังมาร่วมพูดคุยในรายการด้วย พวกเขาได้ร่วมย้อนวันเวลาดี ๆ ถึงฉากที่สนุกที่สุดที่ได้เล่น หรือ Zemeckis ที่เล่าถึงการต่อสู่กับ สตูดิโอ Universal ในการตั้งชื่อหนัง รวมถึง Lewis ก็บอกว่า ตอนทำเพลงเขาไม่รู้มาก่อนว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟย้อนเวลา จึงแต่งเพลงประกอบตอนแรกชื่อว่า Power of Love คลิกไปชมแบบเต็ม ๆ กันได้เลย

อ้างอิง:
The Hollywood Reporter
The Hollywood Reporter

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส