ขึ้นชื่อว่าเหตุการณ์ก่อการร้ายย่อมไม่ใช่เรื่องดีที่ใครอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน เพราะทุกครั้งย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียที่ต่างกันแค่มากหรือน้อย เหตุการณ์วินาศกรรมและก่อการร้ายเกิดขึ้นควบคู่กับประวัติศาสตร์โลกมาโดยตลอด ยิ่งกับช่วงหลังไม่กี่ปีมานี้ที่มีการบันทึกภาพและเสียงเหตุการณ์จริงเอาไว้ได้มากกว่าก่อน ทำให้สิ่งเหล่านั้นรวมถึงประจักษ์พยานที่เป็นบุคคลถูกนำมาใช้ถ่ายทอดเป็นวัตถุดิบชั้นดีของภาพยนตร์หลายเรื่องที่ดูสมจริง ชวนลุ้น ไปจนถึงระดับโคตรมัน What the Fact ขอนำเสนอ 10 หนังก่อการร้ายที่สร้างจากเรื่องจริงในรอบ 20 ปีมานี้

ชวนอ่าน 15 หนังปฏิบัติการทางทหารจากเรื่องจริง “สุดมัน” ในรอบ 20 ปี

THE RED SEA DIVING RESORT (2018)

หนังดัดแปลงจากเรื่องจริงซึ่งได้แรงบันดาลใจจากหนังสือบันทึกชีวประวัติ “Mossad Exodus; The Daring Undercover Rescue of the Lost Jewish Tribe” ของอดีตสายลับมอสสาด Gad Shimron บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มสายลับนานาชาติที่มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจช่วยผู้ลี้ภัยชาวเอธิโอเปียเชื้อสายยิวออกจากประเทศซูดานในเหตุการณ์ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ช่วงยุค 80s

โดยแผนการของพวกเขาก็คือ การใช้รีสอร์ตพักตากอากาศในซูดานเป็นฉากบังหน้าเพื่อพาชาวเอธิโอเปียเชื้อสายยิวไปหลบซ่อนในตอนกลางวัน และช่วยหนีออกทางทะเลในตอนกลางคืนเพื่อไปยังประเทศอิสราเอล หนังที่นำแสดงโดย Captain America อย่าง Chris Evans ให้อารมณ์เหมือนหนังออสการ์อย่าง Argo (2012) ที่อาจไม่ได้เป็นหนังเหตุร้ายโดยตรง (และอาจต้องเรียกว่าก่อการดี) แต่ก็ลุ้นระทึกได้ใจ

WHAT THE FACT: หนังสร้างจากเหตุการณ์ที่มีหลายปฏิบัติการย่อย ไล่ตั้งแต่ Operation Moses และ Operation Joshua ที่ต้องลักลอบพาผู้อพยพชาวเอธิโอเปียเชื้อสายยิวที่ถูกเรียกว่า กลุ่ม Beta Israel ข้ามทะเลแดงเพื่ออพยพไปสู่กรุงเยรูซาเล็มเมืองแห่งพันธะสัญญา เปรียบดังปฏิบัติการแหวกทะเลแดงของ Moses เดินทางข้ามทะเลทรายระยะทางพันกิโลเมตรเข้าไปในประเทศของชาวมุสลิมที่มีชนเผ่าเบดูอินคอยทำร้ายถึงตายได้ถ้าพบเจอ จากนั้นก็ต้องไปไปยังโรงแรมริมทะเลที่สร้างขึ้นมาหลอกเป็นฉากหน้า เมื่อได้จังหวะจะได้ให้ทหารหน่วยซีลของอิสราเอลมารับช่วงต่อพาลงเรือยางไปขึ้นเรือรบอีกที

แต่ถึงแม้จะหนีเข้าอิสราเอลได้ ความเป็นจริงที่โหดร้ายก็ไม่เลิกเล่นงาน เพราะกลุ่มคน Beta Israel กลายเป็นพลเมืองชั้นสองในประเทศอิสราเอล เพราะเป็นชาวผิวดำที่อิสราเอลไม่อยากจะนับญาติ รวมถึงไม่อยากให้เพิ่มจำนวนประชากร มีการจำกัดสิทธิ์หลายให้ไม่ได้ประโยชน์เทียบเท่ากับชาวอิสราเอล แถมได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐด้วยความรุนแรงจนมีการออกมาประท้วงเพื่อความเท่าเทียมอยู่บ่อยครั้ง ปัจจุบันชาวเอธิโอเปียที่มาตั้งถิ่นฐานในประเทศอิสราเอล กว่า 30 ปี มีประชากรราว 150,000 คน คิดเป็น 2% ของประชากรอิสราเอลทั้งหมด

  • นักแสดง: Chris Evans, Ben Kingsley, Greg Kinnear, Haley Bennett, Michiel Huisman
  • ผู้กำกับ: Gideon Raff (Writer-Homeland, The Spy, Tyrant)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: Netflix ไม่เปิดเผย
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 29% / 6.6/10

22 JULY (2018)

หนังดัดแปลงจากหนังสือ “One of Us: The Story of a Massacre in Norway — and Its Aftermath” ของนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ Åsne Seierstad และใช้ทีมนักแสดงกับนักทำหนังท้องถิ่นในการร่วมกันสร้าง โดยมีนักแสดงดังของนอร์เวย์ Anders Danielsen Lie รับบทเป็นผู้ก่อการร้ายในเหตุการณ์ที่ถูกเรียกว่า “วันวิปโยค 22 กรกฎาคม” ซึ่งเป็นเหตุก่อการร้ายครั้งประวัติศาสตร์ของนอร์เวย์ หนังเป็นผลงานของผู้กำกับที่ชอบสร้างหนังเน้นสถานการณ์จริงแถมยังสร้างได้สมจริงด้วย อย่าง Paul Greengrass ที่มีหนังในลิสต์นี้อย่าง United 93 (2006) ด้วย

WHAT THE FACT: 22 กรกฎาคม 2011 ผู้ก่อการร้ายฝ่ายขวาหัวรุนแรงได้สังหารผู้คนกว่า 77 คน ในวันนั้น เริ่มตั้งแต่วางระเบิดรถยนต์ในตึกราชการนอกสำนักงานนายกรัฐมนตรี ณ กรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน และบาดเจ็บอีก 207 คน จากนั้นให้หลัง 2 ชั่วโมง เขาก็ปลอมตัวเป็นตำรวจเดินทางไปที่ค่ายฤดูร้อนของเยาวชนของพรรคแรงงานที่สนใจเรื่องการเมือง ณ เกาะอูเตอยา จากนั้นก็ไล่สังหารเด็กและวัยรุ่นไปรวมแล้ว 69 คน โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ยังถูกบันทึกว่า เป็นเหตุกราดยิงจากมือปืนรายเดียวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเหตุการณ์เดียวจนถึงปัจจุบัน

  • นักแสดง: Anders Danielsen Lie, Thorbjørn Harr, Jon Øigarden, Jonas Strand Gravli, Seda Witt
  • ผู้กำกับ: Paul Greengrass (United 93, Captain Phillips, Green Zone, The Bourne Ultimatum)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 20 ล้านเหรียญฯ / Netflix ไม่เปิดเผย
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 80% / 6.8/10

HOTEL MUMBAI (2018)

หนังเล่าผ่านหลายมุมมองของตัวละครที่ไปรวมอยู่ในเหตุการณ์ร้ายเดียวกันซึ่งเป็นตัวละครสมมติที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงตามบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับ แต่การกระทำของตัวละครหลักล้วนนำมาจากเหตุการณ์จริงที่หลาย ๆ คนได้ทำในวันนั้น Arjun บริกรรายวันที่มารับทำงานตามเวร มีภาระครอบครัวที่ต้องเลี้ยงลูกเล็กและกำลังจะเกิดอีกหนึ่งคน ด้วยความสะเพร่าทำให้ไม่ได้ใส่รองเท้าหนังมาเข้าทำงาน เกือบเป็นเหตุให้ Oberoi หัวหน้าเชฟและคนดูและพนักงานไล่เขาออก ระหว่างนั้นครอบครัวอเมริกันผู้มีฐานะดีก็ได้เดินทางมาพักที่โรงแรมแห่งนี้ Zahra ภรรยาซึ่งเป็นคนท้องถิ่นดูจะรู้จักคุ้นเคยกับพนักงานที่นี่เป็นอย่างดี ในครอบครัวยังมี David สามีสถาปนิกชาวอเมริกัน Sally พี่เลี้ยงเด็กที่คอยดูแล Cameron ลูกของพวกเขา

เมื่อเกิดเหตุก่อการร้ายที่ Leopold Café และอีกหลายจุดในเมือง ผู้คนก็พากันวิ่งหนีตายมาที่โรงแรม เปิดโอกาสให้คนร้ายแฝงตัวเข้ามาและอาศัยโอกาสนั้นกราดยิงผู้คน Arjun ได้ใช้ไหวพริบบอกให้แขกในห้องอาหารก้มตัวหมอบลงต่ำและปิดไฟ (ในเรื่องจริง บริกรสั่งให้ทุกคนทำแบบนั้นจริง ๆ จนมีผู้รอดชีวิตมาได้กว่า 50 คน) Oberoi หัวหน้าเชฟที่อยู่ในโซนห้องครัว ตัดสินใจอย่างกล้าหาญช่วยเหลือแขก (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชั้นดี) ออกจากห้องอาหารนั้นหนีขึ้นไปอยู่บน Lounge ชั้น 6 ซึ่งมีประตูล็อกแน่นหนา เมื่อเหตุการณ์ถึงภาวะคับขันตำรวจใจกล้า 6 นายก็ปฏิบัติการพลีชีพเข้าช่วยเหลือผู้ที่ติดในโรงแรม ชะตากรรมของครอบครัว David และ Zahra ก็กระจัดกระจายไปคนละทางเพื่อเพิ่มทางรอดให้กับลูกวัยทารก (สร้างจากข้อมูลจริงของครอบครัวหนึ่งในสถานการณ์)

WHAT THE FACT: 26 พฤศจิกายน 2008 เหตุก่อการร้ายเกิดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมที่เมืองมุมไบ เมืองหลวงทางการเงินของอินเดีย โดยชาวมุสลิมหัวรุนแรงที่ต้องการก่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ ความรุนแรงของสถานการณ์ครอบคลุมระยะเวลายาวนานถึง 4 วัน กินพื้นที่ทั่วทั้งเมืองโดยผู้ก่อการร้ายตระเวนกระจายตัวก่อเหตุในหลายจุดสำคัญซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่จำนวนมาก เริ่มที่สถานีรถไฟฉัตรปติศิวาชี หรือ CST ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของเขตภาคกลางของประเทศ จากนั้นผู้ก่อการร้าย 2 คนนี้ ได้ชิงรถตำรวจและก่อเหตุกราดยิงขณะขับรถแล่นไปทั่วเมือง ส่วนผู้ก่อการร้ายอีกกลุ่มไปก่อเหตุปาระเบิดเข้าไปที่ Leopold Café ก่อนจะเข้าไปกราดยิงซ้ำอีกระลอก

เหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นและสิ้นสุดในวันสุดท้าย ณ โรงแรมสุดหรูที่เป็นแหล่งร่วมตัวของชาวต่างชาติและผู้มีฐานะดี นั่นคือโรงแรม The Taj Mahal Palace ซึ่งในเวลานั้นมีแขกเข้าพักอยู่ 1,000 คนและพนักงานในโรงแรมอีก 500 คน ความคับขันของสถานการณ์คือ เมืองแห่งนี้ไม่เคยเกิดเหตุวินาศกรรมจึงไม่มีกองกำลังเฉพาะกิจสำหรับแก้ไขสถานการณ์ระดับนี้ นอกจากตำรวจท้องที่ซึ่งไม่มีเคยถูกฝึกมารับสถานการณ์ ประกอบกับต้องรอหน่วยปฏิบัติการพิเศษ National Security Guards (NSG) จากนิวเดลีเมืองหลวงที่ห่างออกไป 800 ไมล์ ซึ่งกว่ากองกำลังพิเศษ มาถึงเพื่อยุติเหตุการณ์ได้จริงๆ ก็วันสุดท้ายแล้ว ตลอดทั้งเหตุการณ์วินาศกรรม 26/11 ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 165 ราย ได้รับบาดเจ็บ 300 ราย ผู้ก่อการร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 9 จาก 10 คน

  • นักแสดง: Dev Patel, Armie Hammer, Jason Isaacsม Nazanin Boniadi, Tilda Cobham-Hervey, Anupam Kher
  • ผู้กำกับ: Anthony Maras
  • รายรับรวมทั่วโลก: 21 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 77% / 7.6/10

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

THE 15:17 TO PARIS (2018)

ไม่บ่อยครั้งนักที่ผู้กำกับระดับตำนานอย่าง Clint Eastwood จะกำกับหนังแอ็กชันโดยเฉพาะหนังก่อการร้ายที่สร้างจากเหตุการณ์จริง (เพราะปกติปู่จะชอบเล่าเรื่องราวของคนกลุ่มเล็ก ๆ และเดินเรื่องด้วยความมินิมอลเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีหนังจากเหตุการณ์จริงบ้างเช่น American Sniper (2014) และ Sully (2016) Eastwood ก็เลือกหยิบเหตุการณ์นี้มาเล่าเป็นหนัง และยังได้ฮีโรจริง ๆ ทั้ง 3 คนของเรื่องราวมาแสดงเป็นตัวเองในหนังด้วย (ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และถึงปัจจุบันก็ยังไม่มี!)

The 15:17 to Paris บอกเล่าเรื่องราวของ Alek Skarlatos, Anthony Sadler, Spencer Stone 3 เพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่เด็กและไปเที่ยวยุโรปด้วยกัน ระหว่างที่เดินทางอยู่บนรถไฟจากเมืองบรัสเซลส์ของเบลเยี่ยมมุ่งหน้าไปยังปารีสที่ฝรั่งเศส ก็มีผู้ก่อการร้ายพร้อมปืนอาก้าขึ้นยึดขบวนรถเพื่อจะก่อวินาศกรรม ทั้ง 3 จึงร่วมมือกันหาทางยับยั้งแผนการร้ายนี้ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงกล้าขนาดนี้ ก็เพราะ Alek นั้นเป็นทหารสังกัดกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิประจำรัฐโอเรกอนและผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะป้องกันตัวส่วน Spencer Stone นั้นสังกัดกองทัพอากาศสหรัฐฯ

WHAT THE FACT: 23 สิงหาคม 2015 Ayoub el Khazzani ชายชาวโมรอกโกวัย 25 ปี ที่ขนอาวุธปืนอาก้าพร้อมแม็กกาซีน 8 อันขึ้นไปเตรียมก่อเหตุกราดยิงบนรถไฟความเร็วสูง ซึ่งกำลังมุ่งหน้าจากกรุงปารีสของฝรั่งเศสไปยังกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ ชาย 4 คน (ชายฝรั่งเศสอีกคนที่เป็นคนเริ่มการขัดขวางคนร้ายคนแรก ขอไม่เปิดเผยนาม) ได้สกัดแผนการร้ายจนล้มเหลว สามารถรักษาชีวิตของผู้โดยสารจำนวนมากบนรถไฟเอาไว้ได้

Barack Obama ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในขณะนั้นได้โทรศัพท์แสดงความขอบคุณพวกเขา พร้อมขนานนามวีรกรรมดังกล่าวว่าเป็นการเสียสละอย่างยิ่ง ส่วน Francois Hollande ผู้นำของฝรั่งเศสในเวลานั้นก็จัดพิธีเปิดทำเนียบต้อนรับพวกเขาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมมอบเหรียญเชิดชูเกียรติ Legion d’Honneur ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดสำหรับพลเรือนให้แก่ทั้ง 3 คน อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบันก็ยังมีผู้แสดงความคิดเห็นว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นการจัดฉากสถานการณ์สร้างวีรบุรุษของสหรัฐฯ อยู่เสมอ

  • นักแสดง: Ray Corasani, Alek Skarlatos, Anthony Sadler, Spencer Stone, Judy Greer, Jeanne Goursaud
  • ผู้กำกับ: Clint Eastwood (American Sniper, Sully, Million Dollar Baby)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30 / 57 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 23% / 5.3/10

PATRIOTS DAY (2016)

Peter Berg คือผู้กำกับที่เชี่ยวชาญการกำกับหนังจากเรื่องจริง (Lone Survivor (2013) เป็นต้น) ความพิเศษของเรื่องนี้คือ การนำฟุตเตจเหตุการณ์จริงมาสลับในเรื่องตลอด แบบที่ถ้าไม่บอกก็ไม่ทันได้สังเกตแต่ถ้ารู้อยู่แล้วว่าคลิปกล้องวงจรปิดทั้งหมดคือของจริง ก็จะยิ่งรู้สึกอินไปด้วย Berg ยังเลือกใช้การนำเสนอแบบหนังสารคดีอีกด้วย Patriots Day เรียงร้อยมาจากปากของคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ทั้งหน่วยฉุกเฉิน, ทีมแพทย์, ตำรวจ, เจ้าหน้าที่รัฐ, ประชาชนผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ โดยเล่าตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์จนถึงการล้อมจับคนร้ายได้สำเร็จภายใน 4 วัน

Mark Wahlberg ซึ่งเป็นคนบอสตันจริง ๆ และร่วมงานกับ Peter Berg มาหลายเรื่อง (รวมเรื่องนี้เป็น 5 เรื่อง) มารับบทเป็นตำรวจที่ไม่มีตัวตนจริงแต่อ้างอิงจากการทำงานของการทำงานของตำรวจในเหตุการณ์ (ตอนต้นเรื่องอ้างอิงจากคนหนึ่ง ส่วนตอนท้ายเรื่องอ้างอิงจากอีกคน) นอกจากนี้กว่า 70% ในหนังถ่ายทำจากสถานที่จริงในเมืองบอสตัน

หนึ่งในฉากที่ความท้าทายและละเอียดอ่อนที่สุดของหนัง คือ การจำลองการระเบิดที่บอสตัน มาราธอนขึ้นมาใหม่ ในวันที่ 18 เมษายน 2016 ทีมงานได้รับอนุญาติให้เก็บภาพการแข่งขันจริงซึ่งเไม่สามารถจำลองการแข่งขันวิ่งที่่มีผู้คนกว่า 30,000 คนเข้าร่วมตลอดความยาว 26.2 ไมล์ ได้ หนังที่เล่าเรื่องจากเหตุวินาศกรรมที่บอสตันยังมีเรื่อง Stronger (2017) ของผู้กำกับ David Gordon Green แต่จะเล่าเรื่องในแนวหนังดราม่ามากกว่า

WHAT THE FACT: Patriots Day คือวันที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีของสหรัฐฯ เพื่อรำลึกสมรภูมิคอนคอร์ด และเล็กซิงตัน สมรภูมิแรกของสงครามปฏิวัติอเมริกา ในวันทุกวันจันทร์ที่ 3 ของเดือนเมษายน จะมีการจัดงานวิ่ง “บอสตันมาราธอน” ซึ่งเป็นงานวิ่งที่ิยิ่งใหญ่ระดับโลกงานหนึ่ง แต่เมื่อวันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2013 เกิดเหตุสองผู้ก่อการร้ายวางระเบิดงานบอสตันมาราธอน ระเบิดเกิดขึ้นสองครั้ง (ห่างกัน 12 วินาที) ระย่างห่างกันของจุดเกิดเหตุประมาณ 180 เมตร

ทั้งนี้ก่อนหน้าการระเบิด เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาวัตถุระเบิดถึงสองครั้งแล้ว โดยครั้งหลังสุดทำการค้นหาไปก่อนเกิดการระเบิดเพียงหนึ่งชั่วโมง ระเบิด 2 ลูกทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย (หนึ่งในนั้นคือเด็กชายอายุ 8 ขวบ) และบาดเจ็บอีก 264 ราย ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ระบุตัวว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คือพี่น้องชื่อ Tamerlan และ Dzhokhar Tsarnaev ทั้งคู่เป็นชาวรัสเซีย สัญชาติเชเชน

  • นักแสดง: Mark Wahlberg, J.K. Simmons, Kevin Bacon, John Goodman, Michelle Monaghan
  • ผู้กำกับ: Peter Berg (Lone Survivor, Deepwater Horizon, The Kingdom, Mile 22)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 45 / 52 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 81% / 7.4/10

13 HOURS (2016)

หนังดัดแปลงจากหนังสือที่บอกเล่าเหตุการณ์นี้ของ Mitchell Zuckoff โฟกัสไปที่เรื่องราวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 6 นายที่พยายามต่อสู้และตอบโต้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายทุกวิถีทาง เพื่อรักษาชีวิตนักการทูตชาวอเมริกันและเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่นั่น แต่ทำสำเร็จได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หนังเป็นผลงานสร้างและกำกับของ Michael Bay ผู้กำกับจอมบู๊ระเบิดภูเขาเผากระท่อมที่ขอพักจากการกำกับภาคต่อ Transformers 5 (2017) (ที่ไม่ประสบความสำเร็จ) และหันมาทำหนังทุนต่ำแค่ 50 ล้านเหรียญฯ ในรอบหลายปี แต่โดยความเข้มข้นและการเล่าเรื่องด้วยภาพเท่ ๆ สไตล์ Bay หนังก็ดูลุ้นระทึกตั้งแต่ต้นจนจบ (อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF)

WHAT THE FACT: เหตุการณ์โจมตีสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในเมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย เมื่อ 11 กันยายน ปี 2012 (วันเดียวกับเหตุการณ์ 9/11 เมื่อ 11 ปีก่อนพอดี) อันเป็นเหตุให้ Christopher Stevens เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบีย ตัวแทนคณะทูตชาวอเมริกัน และทหารอเมริกันต้องเสียชีวิตรวมแล้ว 4 ศพในที่เกิดเหตุ ผู้ก่อการคือกองกำลังอาสาสมัครติดอาวุธอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประท้วงต่อต้านภาพยนตร์เรื่อง Innocence of Muslims ที่มีการออกฉายในลิเบียเวลานั้น หนังมีประเด็นละเอียดอ่อนและถูกเข้าใจว่ามีเจตนาฉายเพื่อดูหมิ่นศาสนาอิสลาม เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงมากที่มีเจ้าหน้าที่ทางการทูตของสหรัฐฯ ถูกสังหาร (คนแรกในรอบ 30 ปี)

เมื่อหนังออกฉายก็เกิดดราม่าขึ้นอีกระลอก ประชาชนในเบงกาซีของประเทศลิเบียต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ในโซเชียลมีเดียอย่างหนัก โดยมองว่า มีเนื้อหาดูถูกชาวเมืองและพูดถึงการโจมตีชาวอเมริกันอย่างรุ่นแรงเกินจริง จน Michael Bay ผู้กำกับต้องออกมาแย้งว่า หนังเรื่องนี้พยายามสร้างให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุดแล้ว (แม้จะยังเป็นปริศนาว่า ทูตสหรัฐฯ ตายเพราะสำลักควันไฟภายในสถานทูตหรือตายด้วยเหตุอื่น เพราะมีภาพปรากฏว่าชาวเมืองได้พยายามนำร่างของทูตไปส่งโรงพยาบาล และมีการตั้งข้อสันนิษฐานอีกแนวทางหนึ่งว่า ท่านทูตถูกสังหารในรถที่พาขับหนีออกมาจากสถานทูตแล้วต่างหาก แต่ในหนังไม่ได้นำเสนอแบบนั้น)

  • นักแสดง: John Krasinski, Pablo Schreiber, Toby Stephens, James Badge Dale, Max Martini
  • ผู้กำกับ: Michael Bay (Pearl Harbor, Armageddon, The Rock)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 50 / 69 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 51% / 7.3/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิงออสการ์ 1 สาขา (ผสมเสียงยอดเยี่ยม)

ZERO DARK THIRTY (2012)

Maya (Jessica Chastain) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ CIA ที่ใช้เวลาหลายต่อหลายปี ลงไปทำงานจริงในปฏิบัติการไล่ล่า bin Laden ซึ่งแน่นอนว่าพลาดมากกว่าสำเร็จ ตัวละครเจ้าหน้าที่ข่าวกรองนี้และอีกหลายตัวนั้นถูกแต่งขึ้นมาโดยใช้บุคลิกของคนที่มีตัวตนจริงของวงในที่อยู่ในปฏิบัติการที่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ Zero Dark Thirty สร้างได้อย่างสมจริง และเสียดสีอย่างตลกร้าย โดยเฉพาะในฉากจบของเรื่องที่ Maya ไม่ได้รู้สึกยินดีไปกับการตายของ bin Laden ทั้งที่เธอควรจะดีใจเพราะทำงานสำเร็จเสียที หนังยังมีฉากคาร์บอมกลางค่ายทหารที่ Maya ไปปฏิบัติงานด้วย ซึ่งอ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

หนังเป็นผลงานกำกับของหนึ่งในผู้กำกับหญิงแกร่งและเป็นผู้หญิงคนเดียวจนถึงตอนนี้ที่ได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์อย่าง Kathryn Bigelow (ได้จาก The Hurt Locker (2008) เฉือนอดีตสามี James Cameron จาก Avatar (2009)) ในเรื่องนี้หนังดูง่ายขึ้นกว่าตอน The Hurt Locker เพราะหนังมีโทนของความเป็นหนังจารกรรมมากขึ้นกว่าหนังสนามรบ รวมถึงหนังยังสร้างได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์เพราะเหตุการณ์จริงเพิ่งผ่านไปได้แค่ปีเดียวเท่านั้น

WHAT THE FACT: Zero Dark Thirty หมายถึง ประโยคคำสั่งทางการทหารที่หมายถึงช่วงเวลา 30 นาทีหลังเที่ยงคืน เหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯ จะเข้าไปสังหาร Osama bin Laden ผู้นำขบวนการก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรม 9/11 ที่ตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เหตุการณ์จริงเมื่อ 2 พฤษภาคม 2011 หนังมีฉากซ้อมและทรมานนักโทษของทหารสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือการตามข่าวว่า มีฐานลับสำหรับการทรมานนักโทษก่อการร้ายโดยเฉพาะ ซึ่งสหรัฐฯ ก็อ้างความมั่นคงและผลลัพธ์ที่ต้องเค้นให้ได้จากปากผู้ต้องหาเป็นสำคัญ หนังยังตั้งคำถามโดยอ้อมถึงความชอบธรรมในวิธีการตั้งตนเป็นเพชฌฆาต เข้าสังหาร bin Laden และเหล่าผู้ก่อการร้ายของกองกำลังสหรัฐฯ

  • นักแสดง: Chris Pratt, Jessica Chastain, Joel Edgerton, Edgar Ramírez, Jeremy Strong, Mark Strong
  • ผู้กำกับ: Kathryn Bigelow (The Hurt Locker, K-19: The Widowmaker, Point Break)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40 / 133 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 91% / 7.4/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 1 สาขารางวัล (ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 4 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Jessica Chastain), บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

FAIR GAME (2010)

สร้างจากเรื่องจริงของคดีฉาวโลกที่สั่นสะเทือนความมั่นคงในยุคของประธานาธิบดี George W. Bush เรื่องราวของ Fair Game มาจากเรื่องจริงของคดีช็อกโลกของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ หรือ CIA สาวที่ถูกประเทศของตัวเองหักหลังด้วยการขายชื่อของเธอให้แก่สื่อ จนทำให้เธอต้องทวงคืนความยุติธรรมด้วยการขายความจริงที่ประเทศอเมริกาของเธอได้กระทำการชั่วร้ายกับต่างประเทศลงไป

สร้างจากเรื่องจริงของ Valerie Plame อดีตสายลับถูกรัฐบาลของตัวเองหักหลังด้วยการเปิดเผยสถานะของเธอ หน้าฉากเธอคือสาวแกร่งภรรยาของทูตสหรัฐประจำประเทศอิรัก แต่หลังฉากเธอคือเจ้าหน้าที่พิเศษ CIA ประจำหน่วยงานป้องกันการเผยแพร่อาวุธนิวเคลียร์ Joe Wilson สามีของ Valerie Plame นักการทูตประจำอิรัก ถูกส่งไปทวีปแอฟริกาเพื่อสืบสวนการขายแร่ยูเรเนียมให้อิรัก แต่ Joe พบว่าข่าวลือนั้นไม่เป็นความจริง เขาตัดสินใจเขียนข้อสรุปส่งไปให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และกลายเป็นการเปิดโปงที่ฉาวโฉ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ

แต่ทันทีที่บทความของสามีถูกตีพิมพ์ ความลับในเรื่องสถานะของฝ่ายภรรยาที่เป็นสายลับมา 18 ปีก็รั่วไหลไปถึงหูของนักข่าว Valerie จึงเชื่อว่านี่เป็นการแก้แค้นครอบครัวของเธอจากรัฐบาล ผลกระทบที่ตามก็คือ ชีวิตส่วนตัวต้องตกอยู่ในอันตราย สายสืบที่ทำงานร่วมกับเธอตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก (หนังมีฉากก่อการร้ายช่วงสงครามอิรักเป็นฉากหลัง)

WHAT THE FACT: Valerie Plame Wilson คือ สายลับที่ถูกเผยโฉมหน้าในหน้าหนังสือพิมพ์ Washington Post โดยนักข่าว Robert Novak เมื่อปี 2003 โดยถูกระบุว่า เป็นสายลับที่เป็นมืออาชีพในเขตวอชิงตันดีซี และงานของเธอคือเธอทำงานเชิงลึกเพื่อเพิ่มจำนวนสายลับ เธอเคยให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes เมื่อปี 2007 ว่า ภารกิจของเธอคือ การรวบรวมข้อมูลและรับสมัครสายลับ รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์

ต่อมา Richard L. Armitage อดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ให้ข่าวว่า ตนเองได้เผลอเปิดเผยเรื่องนี้โดยไม่ตั้งใจในการให้ข่าวครั้งหนึ่งกับ Robert Novak อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการรั่วไหลข้อมูลชี้เป็นชี้ตายของ Valerie Plame แม้ว่ากระทรวงยุติธรรมจะได้ทำการสอบสวนเรื่องนี้และมีข้อสรุปว่า ฝ่ายบริหารของรัฐบาล George W. Bush ไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามแก้แค้นสามีของเธอที่ออกมาปูดเรื่องจริงของสงครามอิรัก แต่ในขั้นตอนของการสอบสวน Lewis “Scooter” Libby ทนายความและที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร ถูกตั้งข้อหาว่า มีความผิดในฐานเบิกความเท็จและขัดขวางกระบวนยุติธรรม

https://www.youtube.com/watch?v=ICW-dGD1M18
  • นักแสดง: Naomi Watts, Sean Penn, Brooke Smith, Jessica Hecht, Sam Shepard, Michael Kelly
  • ผู้กำกับ: Doug Liman (The Edge of Tomorow, Mr. & Mrs. Smith, The Bourne Identity)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 22 / 25 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 79% / 6.8/10

THE KINGDOM (2007)

หนังเล่าเรื่องของทีม FBI 4 คนที่เดินทางไปยังประเทศซาอุดิอาระเบียเพื่อสืบสวนเหตุก่อการร้ายอุกอาจที่มียอดผู้เสียชีวิตนับร้อย โดยเหยื่อเป็นครอบครัวชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในชุมชนของบริษัทน้ำมันที่พวกเขาเป็นลูกจ้าง หนังพาคนดูไปสำรวจกระบวนการต่าง ๆ ของระบบที่ FBI ไม่ได้สามารถสืบสวนได้ทันที แต่ยังมีการทับซ้อนซึ่งอำนาจในการทำการสืบสวนภายใต้คดีนี้มากมาย ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่าง FBI กับกระทรวงการต่างประเทศ, ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดิอาระเบีย, กฎเกณฑ์มากมายที่ทางการซาอุดิอาระเบียเข้ามาควบคุมเจ้าหน้าที่อเมริกันอย่างใกล้ชิดจนทำงานแทบไม่ได้, ความไม่ลงรอยกันเองระหว่างหน่วยทหารและหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ในท้องที่เอง

เบื้องหลังการถ่ายทำนั้น ทีมงานยกกองไปถ่ายทำที่เมืองอาบูดาบีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นาน 8 วัน ทีมที่ปรึกษาของภาพยนตร์ต้องทำคู่มือแนะนำการปฏิบัติตัวให้นักแสดงและทีมงานความยาว 17 หน้า เพื่อให้ทุกคนระมัดระวังการแสดงท่าที่บางอย่างที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการดูหมิ่นคนพื้นที่ เช่น การใช้มือซ้ายหรือการยกฝ่าเท้าหรือรองเท้าขึ้นมา นอกจากนั้นหนังถ่ายทำกันที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเมืองที่ร้อนมากถึง 46 องศาเซลเซียสจนทำให้ Jennifer Garner นางเอกของเรื่องล้มป่วยถึง 2 ครั้ง

WHAT THE FACT: ผู้กำกับ Peter Berg เกิดแนวคิดจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่ปี 1995 เมื่อเขาได้เห็นข่าวผู้ก่อการร้ายกลุ่ม “โคบาร์ ทาวเวอร์ส” (Khobar Towers) ที่ลงมือก่อเหตุระเบิดรถขนน้ำมันในเมืองโคบาร์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เหตุการณ์ครั้งนั้นมีชาวอเมริกันเสียชีวิตถึง 19 คนและชาวซาอุดิอาระเบียอีก 1 คน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บก็มากถึง 372 คนเลยทีเดียว และเมื่อปี 2015 ก็มีรายงานจากสื่อในซาอุดิอาระเบียว่า มีการจับกุม Ahmed al-Mughassil หัวหน้ากลุ่มฮิซบอลเลาะ วัย 48 ผู้ต้องสงสัยจากเหตุวางระเบิดในครั้งนี้ได้ในเมืองดูไบ ซึ่งเท่ากับเขาเล็ดลอดจากการจับกุมอยู่ถึง 20 ปีเลยทีเดียว

  • นักแสดง: Jamie Foxx, Jason Bateman, Jennifer Garner, Kyle Chandler, Danny Huston, Chris Cooper, Richard Jenkins
  • ผู้กำกับ: Peter Berg (Patriots Day, Lone Survivor, Hancock, Battleship)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 70 / 87 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 51% / 7/10

UNITED 93 (2006)

United 93 ผลงานกำกับของ Paul Greengrass ที่กำกับหนังได้อย่างสมจริงจนสร้างชื่อจากหนังเรื่องนี้ สร้างจากเรื่องจริงของเที่ยวบินอันน่าเศร้าโดยสร้างอิงตามสภาพเวลาจริง ตลอดความยาว 90 นาทีของหนังคือ 90 นาทีที่เกิดขึ้นจริงบนเครื่อง ตั้งแต่เครื่องเหินขึ้นสู่ท้องฟ้าจนถึงช่วงเวลาที่โดนจี้ จนถึงวินาทีที่ทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินรู้แล้วว่า เครื่องบินของพวกเขาคือส่วนหนึ่งของการโจมตีอเมริกา รวมถึงผู้โดยสารกลุ่มนี้ก็ยังเป็นอีกกลุ่มที่ได้โทรลงมาหาญาติ ๆ บนภาคพื้นเพื่อกล่าวคำร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเครื่องจะตก หนังยังใช้นักแสดงโนเนมทั้งหมดเพื่อไม่ให้ติดภาพจำและสมจริงที่สุด

สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 93 เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 757-200 มีจุดหมายปลายทาง คือเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ในเช้าวันนั้นเครื่องว่าง มีผู้โดยสารเพียง 37 คน และลูกเรืออีก  7 คน รวม 44 คน ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปอย่างปกติ เครื่องออกเดินทางตามเวลา  08.00 น. แต่หลังจากเครื่องขึ้นไปได้ 46 นาที ผู้ก่อการร้ายชาวเลบานอน สมาชิกกลุ่มอัลเคดา ได้เข้ายึดเครื่องบินตามแผนการที่วางไว้ เชื่อกันว่าเป้าหมายที่จะพุ่งชนของลำนี้คือ อาคารรัฐสภาหรือทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันดีซี

เสียงการสนทนาบนเครื่องทั้งหมดได้ถูกบันทึกไว้ใน 30 นาทีสุดท้ายก่อนเครื่องจะตก ทั้งเสียงการขอความช่วยเหลือของนักบิน เสียงบอกให้ผู้ก่อการร้ายออกไปจากห้องนักบิน และเสียงสลัดอากาศประกาศว่า ให้ผู้โดยสารอยู่กับที่โดยความสงบ มีการบันทึกไว้ว่า ผู้โดยสารบนเครื่องเริ่มติดต่อกับครอบครัว ผ่านโทรศัพท์บนเครื่อง 35 ครั้ง และจากโทรศัพท์มือถืออีก 2 ครั้ง โดยข้อมูลจากกล่องดำและทุกสายที่โทรลงมาของคนบนเครื่อง ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า พวกเขาได้เสียสละอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการฮึดสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายเพื่อไม่ให้เครื่องบินเข้าชนยังเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ซึ่งจะทำให้มีคนเสียชีวิตอีกมาก

  • นักแสดง: Cheyenne Jackson, Olivia Thirlby, Peter Hermann, Gregg Henry, Susan Blommaert
  • ผู้กำกับ: Paul Greengrass (22 July, Captain Phillips, Green Zone, The Bourne Ultimatum)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 15 / 76 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Scores/iMDB Rating: 90% / 7.5/10

ชวนอ่าน 15 หนังปฏิบัติการทางทหารจากเรื่องจริง “สุดมัน” ในรอบ 20 ปี

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส