ถ้าเอ่ยถึงชื่อ เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) น้อยคนที่จะไม่รู้จักศิลปินระดับโลกผู้นี้ แม้ว่าเขาจะลาโลกไปแล้วเมื่อ 44 ปีก่อน ที่เอลวิสยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วโลก ทั้งที่เกิดทันและเกิดไม่ทัน นั่นก็เพราะผลงานเพลงฮิตมากมายของเขา ที่หลาย ๆ เพลงยังถูกนำมาคัฟเวอร์ใหม่เรื่อย ๆ บวกกับการแสดงคอนเสิร์ตที่ประทับใจผู้ชม รวมไปถึงผลงานการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เอลวิสเป็นความภาคภูมิใจที่สุดของชนชาติอเมริกันตราบมาจนทุกวันนี้ และน่าเสียดายที่เขาด่วนจากโลกไปด้วยวัยเพียงแค่ 42 ปีเท่านั้น

แลร์รี่ คิง และ ลิซา-มารี เพรสลีย์

ย้อนไปในปี 2005 เป็นปีที่เอลวิส เพรสลีย์ จะมีอายุครบ 70 ปี ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ แลร์รี่ คิง (Larry King) พิธีกรรุ่นเก๋าประจำสถานี CNN ได้จัดรายการพิเศษเพื่อเป็นการระลึกถึงศิลปินผู้ยิ่งใหญ่รายนี้ ด้วยการเชิญแขกผู้มีเกียรติที่ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลใกล้ชิดกับเอลวิสมาพูดคุยกันในรายการ ประกอบไปด้วย ลิซา มารี เพรสลีย์ ลูกสาวคนเดียวของเอลวิส, มาร์ที แล็กเกอร์ เพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยมัธยม, ลามาร์ ไฟค์ ผู้จัดการทัวร์ของเอลวิส และ แพตที เพอร์รี่ อดีตคนรักของเอลวิส ผู้ร่วมรายการก็ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวความประทับใจในตัวเอลวิส แต่ประเด็นที่เราหยิบมาเล่าต่อในบทความนี้กลับเป็นเรื่องราวที่มาจาก แลร์รี่ คิง ผู้ดำเนินรายการเอง

เอลวิส เพรสลีย์ ในรถลิมูซีนของเขา

คิงได้ย้อนพูดถึงนิสัยส่วนตัวของเอลวิส ที่เป็นคนมีน้ำใจกับผู้คนรอบข้างอย่างล้นหลาม แม้แต่คนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ตาม นั่นก็เพราะเขาคือคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่แร้นแค้น เอลวิสเลยเข้าใจถึงชีวิตที่ยากลำบากเป็นอย่างดี เรื่องที่คิงเล่าก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เอลวิสได้ให้ของขวัญล้ำค่าขนาดที่ทำเอาผู้รับเกือบช็อกไปแล้ว มีวันหนึ่งที่เอลวิสต้องไปแสดงสดที่ศูนย์การประชุม ไมอามี่ บีช เอลวิสก็บินไปลงที่ท่าอากาศยานไมอามี่ แล้วก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังไมอามี่ บีช ในฐานะราชาร็อกแอนด์โรล ก็มีรถลิมูซีนมาจอดคอยรับเอลวิสที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์อยู่แล้ว ทั้งที่ศูนย์การประชุมอยู่ห่างก็ไปอีกเพียงแค่ 10 ช่วงตึกจากลานจอดแค่นั้นเอง

พอถึงไปถึงศูนย์การประชุมเอลวิสก็เดินเข้าอาคารไปทำการแสดงได้ตรงเวลา ส่วนคนขับรถลิมูซีนก็ทำหน้าที่จอดรถคอยราชาร็อกแอนด์โรลอยู่ที่เดิม เพื่อรอรับเอลวิสกลับไปส่งที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาทีบนรถลิมูซีนนั้น ไม่ทราบว่าคนขับได้สร้างความประทับใจกับคิงออฟร็อกผู้นี้ ขณะที่เอลวิสก้าวออกจากตัวรถลิมูซีน เขาหันไปถามคนขับว่า
“คุณเป็นเจ้าของรถคันนี้เอง หรือว่าคุณขับรถให้บริษัท?”
คนขับรีบตอบเอลวิสทันที
“ผมทำงานให้กับบริษัทครับท่าน”

คำที่เอลวิสตอบกลับมานั้น ทำเอาคนขับอึ้งไปครู่ใหญ่เพราะเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แม้จะเป็นประโยคที่สั้นห้วนแต่ได้ใจความชัดเจน
“ตอนนี้คุณเป็นเจ้าของรถคันนี้แล้วนะ”

นั่นแปลว่าเงินค่าทิปสำหรับการขับรถรับส่งราชาร็อกแอนด์โรลผู้นี้ คือลิมูซีน 1 คัน

ราคาในยุค 70s นั้นไม่รู้คันละเท่าไหร่ แต่ถ้าราคาในปีนี้ คันหนึ่งก็ราว ๆ 200,000 เหรียญ – 500,000 เหรียญ ตีเป็นเงินบาทก็ประมาณ 6 – 12 ล้านบาท

อ้างอิง