ถึงแม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการมีระเบียบวินัย และความเคร่งครัดในกฏจราจร รวมถึงการจัดการการคมนาคมที่ดีเยี่ยม แต่ก็ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ทำผิดกฏจราจรอยู่ดี และนี่เป็นบทสัมภาษณ์เล็กๆ ที่ได้พูดคุยกับอดีตตำรวจจราจรในญี่ปุ่น ถึง 5 อันดับข้อแก้ตัวที่คนญี่ปุ่นใช้กันมากเมื่อถูกจับได้

5. ผมมองไม่เห็นป้ายจราจร

ฟังไปฟังมาอาจดูเข้าท่า แต่ป้ายญี่ปุ่นไม่ได้ตั้งให้ดูยากเหมือนบ้านเรา ดังนั้นหากมองในระยะไกลไม่เห็ยเมื่อขับรถเข้ามาใกล้ๆ คุณก็ควรจะมองออกว่าเป็นป้ายอะไรสิ นอกจากคุณจะไม่สนใจ หรือตั้งใจจะฝ่าฝืนกฏแต่แรกอยู่แล้ว

4. ตำรวจมาแอบตั้งด่านตรวจแบบนี้ได้อย่างไร มันไม่ถูกต้อง!

แทนที่จะปิดกลับโยนความผิดกลับไปให้ตำรวจซะงั้น ในความเป็นจริงตำรวจเค้าไม่ได้อยากแอบตั้งด่านไว้จ๊ะเอ๋คนขับหรอกนะ แต่เค้าตั้งแอบไว้เพื่อที่จะสุ่มดูพฤติกรรมการขับรถของประชาชนต่างหาก เพราะฉะนั้นข้ออ้างนี้ก็ดูจะไม่เข้าท่าเอาซะเท่าไหร่

3. ดวงไม่ดี

เห้ย! สิ่งนี่อาจเป็นความคิดแรกของคนที่โดนตำรวจโบกมือให้จอดรถ แต่เชื่อไหมคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยใช้มันเป็นข้ออ้างหลังถูกจับได้ว่าทำผิดกฏจริงๆ และด้วยความคิดนี้ก็เปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขาได้จริงๆ แต่จากการสัมภาษณ์อดีตตำรวจจราจรกล่าวว่า คนประเภทนี้มักจะมีความกังวล เฉพาะที่ที่เค้าเคยถูกจับได้เพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น ส่วนพื้นที่อื่นเขาก็ยังคงขับรถประมาทเช่นเดิม (สงสัยจะเชื่อว่าเป็นมุมอับโชคของตัวเองแน่ๆ)

2. ทำไมผมโดนจับ แต่คนอื่นที่ทำเหมือนกันไม่โดนบ้างละ!

เชื่อว่าคนทุกประเทศมีความคิดนี้เกิดขึ้นแน่ๆ แต่ไม่มีใครกล้าพูดมันออกไปเหมือนชาวญี่ปุ่น แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นเราทำผิดแต่ไม่โดนจับเราก็คงคิดในใจว่าวันนี้ดวงดีจริงๆเลย ใช่ไหมละ?

1. ฉันทำเพื่อเขต/ประเทศชาติมาเยอะนะ คุณจะมาตั้งข้อหากับผมไม่ได้!

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าข้อแก้ตัวอันดับหนึ่งจะเป็นเรื่องของการตอบแทนบุญคุณ และส่วนมากคนที่ใช้ข้อแก้ตัวนี้มักจะเป็นผู้สูงอายุเสียด้วย กลุ่มคนเหล่านี้มักจะเคยเป็นอาสาสมัครช่วยเหลืองานต่างๆภายในเขตนั้นๆ มาก่อน พวกเขาคงจะมองว่าพวกเขาทำเพื่อสังคมมาั้งมากมายทำไมต้องมาเสียค่าปรับกับเรื่องนี้แน่ๆ

นี้เป็น 5 อันดับข้อแก้ตัวของคนญี่ปุ่นเมื่อทำผิดกฏจราจร แล้วคุณละเคยใช้ข้อแก้ตัวว่าอย่างไรกันบ้าง?

อ้างอิง