เมื่อพูดถึงความตาย ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตแบบไหน มันก็คือความเจ็บปวดทรมาน ของคนที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ โดยที่เราต้องเก็บความรู้สึกเสียใจทุกข์ใจ ของคนที่รักเอาไว้ตลอดไป ในโลกของวีดีโอเกมก็เช่นกัน เมื่อตัวละครที่เราเล่นหรือรู้จัก ที่ผ่านเรื่องราวต่างๆร่วมกันมาตั้งแต่ต้นเกมมาเสียชีวิต เราในฐานะคนเล่นต้องรู้สึกสะเทือนใจกันไม่มากก็น้อย แต่การเสียชีวิตของตัวละครเหล่านั้น กลับไม่ใช่เพียงแค่จุดจบ แต่มันคือการปูทางหรือแรงผลักดันให้ตัวละครเหล่านั้นเดินต่อหน้าไป และนี่คือเรื่องราวความตาย ที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดเรื่องราวต่อไปในวีดีโอเกม ใครที่กำลังสูญเสียหรือเสียใจกับการจากไปของคนที่รัก ลองมาอ่านบทความนี้ดู อาจจะเป็นแรงกำลังใจให้ได้ไม่มากก็น้อย

คำเตือนบทความนี้มีการสปอยตอนจบเรื่องราวในเกม

จุดเริ่มต้นของการเดินทางและเส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาลในเกม The Last of Us Left Behind

ถ้าพูดถึงความตายที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในเกมแล้วล่ะก็ เกม The Last of Us DLC Left Behind คงจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่หลายคนซึ่งได้เล่นเกมนี้ต่างประทับใจ  โดยเรื่องราวในส่วนของ DLC Left Behind นั้นจะเป็นการเล่าเรื่องในช่วงกลางเกม ที่ไม่ได้พูดถึงในเนื้อเรื่องหลัก ที่เราจะได้ควบคุม Ellie เพื่อหายามารักษา Joel ที่บาดเจ็บสาหัส ก่อนที่ตัวเกมจะตัดสลับเนื้อเรื่องไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ที่เล่าถึง Ellie กับ Riley เพื่อนสาวที่พากันหนีเที่ยวในสวนสนุกร้าง เรื่องราวภายใน DLC Left Behind นั้นจะเล่าถึงความสัมพันธ์ของเพื่อน และความไร้เดียงสาของเด็กสาว กับมิตรภาพความรักที่ก่อกำเนิดขึ้นมา ซึ่งตัวเกมก็ได้มีการตัดสลับไปสู่ปัจจุบันที่เป็นการเอาตัวรอดของ Ellie จากกลุ่มคนที่จะมาทำร้ายได้อย่างสนุกและน่าสนใจ

ก่อนที่เรื่องราวจะตัดจบลง เมื่อเด็กทั้งสองคนจะเจอกับเหล่าซอมบี้หัวเห็ดที่มาทำร้าย จนทั้งคู่ถูกกัดพร้อมๆกัน ซึ่งในจักรวาลเกม The Last of Us คนที่ถูกซอมบี้กัดจะติดเชื้อและกลายเป็นพวกมันในเวลาต่อมา ซึ่งเด็กน้อยทั้งสองที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ทั้งคู่จึงทำได้แค่นั่งรอคอยความตาย โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ และในระหว่างที่กำลังรอคอยความตาย Ellie ที่กำลังคุยกับเพื่อน ก็รู้ว่า Riley นั้นเปลี่ยนไปแล้ว ขณะที่เธอเองไม่เป็นอะไรหลังโดนกัด ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นและที่มาของเรื่องราวในเกม ที่ Ellie ต้องแบกรับชะตากรรมของคนทั้งโลกเอาไว้ ขณะที่ Joel เลือกที่จะหักหลังคนทั้งโลก เพื่อปกป้องดวงใจของเขาเอาไว้ ใครที่ได้เล่นเกมนี้คงจะรู้สึกประทับและอึดอัดไปพร้อมๆ กันอย่างแน่นอน และการจากไป Riley ได้เปลี่ยน Ellie จากสาวน้อยไร้เดียงสา ให้เป็นสาวน้อยที่กล้าเผชิญหน้ากับความกลัวในโลกที่โหดร้ายได้อย่างที่เราเห็นในเกม

เรื่องราวดราม่าดั่งละครหลังข่าวในเกม RockMan X4

ใครจะไปคาดคิดว่าหุ่นยนต์ก็มีความรักไม่ต่างกับมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่แฟนๆเกม RockMan X ในตอนนั้นคิดไม่ถึง เมื่อเรื่องราวของ Zero ที่เราได้เล่นมาตลอดทั้งเกม จะจบลงที่ความตายของหุ่นยนต์สาว Iris ซึ่งเป็นเรื่องราวสุดดราม่า ไม่แพ้ละครหลังข่าวบ้านเรา ย้อนกลับไปในปี 1997 เกม RockMan X ได้ดำเนินมาถึงภาคที่ 4 ของซีรี่ส์ ที่คราวนี้เราสามารถเล่นได้เป็นสองตัวละครที่มีเรื่องราวแยกจากกัน นั่นคือ X และ Zero ซึ่งเรื่องราวของ Zero นั้นจะเรื่องราวของความรักและหน้าที่ เมื่อ Colonel พี่ชายของ Iris ที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ชายของหุ่นยนต์สาวที่ตนรู้สึกดีด้วยต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน การต่อสู้เพื่อความถูกต้องจึงเกิดขึ้น โดยที่ผู้เล่นหลายคนก็พอจะเดาทางได้ว่าต้องลงเอยแบบนี้ แต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะจบลงแบบดราม่าอย่างนี้

ซึ่งเรื่องราวมันเริ่มขึ้นเมื่อ Colonel ต้องเสียชีวิตจากการต่อสู้กับ Zero Iris ที่เข้าใจผิดคิดว่า Zaro เป็นคนฆ่าพี่ชายเธอ บวกกับการล่อลวงของปีศาจที่หลอกใช้ Iris จึงจมดิ่งสู่ด้านมืด จนยอมขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อแลกกับพลังในการต่อสู้กับคนที่ตนเองรัก ซึ่งผลที่ออกมาแม้ Zero จะชนะ แต่นั่นก็ต้องแลกมากับความตายของคนที่รัก สร้างบาดแผลทางจิตใจให้ Zero เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากเรื่อง Iris แล้วยังมีเรื่องราวของชาติกำเนิดตนเองที่ถูกสร้างมาเพื่อทำลายโลก สิ่งที่ Zero ทำคือการฝืนโชคชะตาและเดินหน้าต่อไป บนเส้นทางที่ถูกต้องโดยเก็บความเสียใจไว้ในใจ ไม่เปิดเผยให้ใครเห็น นับเป็นการเดินหน้าโดยเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจเพียงคนเดียว ที่ใครหลายคนเลือกที่จะทำมากกว่าแสดงมันออกมา

ความตายของตัวตลกมรณะใน Batman Arkham City

ถ้าจะให้พูดถึงซีรี่ส์เกมฮีโร่ที่ประสบความเร็จที่สุดในวงการเกม คงต้องยกให้เกมในซีรี่ส์ Batman Arkham ที่ทุกภาคของซีรี่ส์นี้ไม่เคยทำให้แฟนๆผิดหวัง และในเกม Batman Arkham City ทางทีมงานได้ทำบางสิ่งบางอย่าง ที่ช็อคผู้เล่นเกมซีรี่ส์นี้แบบไม่น่าเป็นไปได้ นั่นคือการจบชีวิตตัวร้ายในตำนาน ที่เป็นคู่รักคู่แค้นกับ Batman มาตลอดอย่าง Joker ซึ่งตลอดทั้งเกมในภาค Batman Arkham City จะเกี่ยวข้องกับการหายามารักษาตัวเองและตัวของ Joker ที่ติดเชื้อโรคประหลาด ที่พี่แกก็ฉลาดพอที่จะเอาโรคของตัวเองไปติดใส่ Batman เพื่อปั่นหัวเขาตามนิสัยบ้าๆ บอๆ ก่อนที่ตอนท้ายเกมตัวของ Batman สามารถหายามารักษาได้ และจะเอายานี้ไปรักษา Joker แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมรับและจบชีวิตลงด้วยรอยยิ้มอันสยดสยอง ท่ามกลางความตกใจของผู้เล่นที่งงว่า เฮ้ย Joker ตายจริงดิเป็นไปได้ไง!!!

และแน่นอนว่าการตายของตัวร้ายหรือฮีโร่ในการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่นั้นไม่มีอยู่จริง แฟนๆต่างคิดว่าในภาคต่อไป Joker ต้องกลับมาอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเริ่มต้นภาค Batman Arkham Knight ทางทีมงานก็จัดแจงให้ผู้เล่นเห็นกันชัดๆ เลยว่า ศพของ Joker ถูกเผาเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีทางที่พี่แกจะฟื้นขึ้นมาอีกแล้วในร่างปกติ แต่มันก็ยังกลับมาในฐานะภาพหลอนที่ตามรังควาน Batman ตลอดทั้งเกม กับเชื้อโรคประหลาดที่เปลี่ยนคนให้เป็น Joker ที่ทางทีมงานอาศัยความตายของตัวละคร ที่ให้ช็อคผู้เล่นในภาคที่แล้วก่อนจะเอามันกลับมาอีกรอบได้อย่างน่าชื่นชม เป็นการปิดท้ายตำนานซีรี่ส์ Batman Arkham ได้อย่างสมบูรณ์เลยทีเดียว และแน่นอนภาพหลอนที่ Batman เห็นส่วนหนึ่งก็มาจากความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยชีวิตคนที่เป็นเหมือนศัตรูคู่รักคู่แค้นได้ โดยที่ Joker ก็เหมือนเหรียญอีกด้านที่อยู่คู่กันกับ Batman เมื่อฝ่ายหนึ่งจากไป อีกฝ่ายต้องเสียศูนย์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ Joker รู้ดีและจงใจทำมัน เพราะ Joker ก็ยอมรับในเรื่องนี้ไม่ได้เลยชิงตายไปก่อนนั่นเอง สมเป็นคู่รักคู่แค้นกันจริงๆ

Booker DeWitt กับการตายที่ยังเป็นที่ถกเถียงในเกม Bioshock Infinite

Bioshock Infinite เป็นหนึ่งในเกมที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อนและน่าสนใจ ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังสามารถเอามาพูดและถกเถียงกันได้แบบไม่รู้จักจบ โดยเรื่องราวในเกมนี้เราจะได้เล่นเป็น Booker DeWitt อดีตทหารม้าที่ 7 แห่งกองทัพสหรัฐฯ ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักสืบเอกชน ที่ได้รับการวางจ้างให้ไปช่วยหญิงสาวคนหนึ่งในนครลอยฟ้าที่มีชื่อว่า Columbia เรื่องราวในเกมดำเนินต่อไปจนเราค้นพบความจริงที่แสนโหดร้ายว่า Elizabeth หญิงสาวที่เราไปช่วยและร่วมฝ่าฟันอันตรายกันมาตลอดทั้งเกมนั้น คือลูกสาวของ Booker เอง และตัวของเขาได้ขายลูกตัวเองเพื่อแลกกับการปลดหนี้ในอดีต ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดในเกมนั้น มันจะมีตัว Booker เป็นแกนหลัก ที่ทำให้เกิดมิติคู่ขนาน เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาของในแต่ละมิติ หรือช่วงเวลาที่จะวนเวียนซ้อนทับไปเรื่อยๆแบบไม่มีที่สิ้นสุด

ซึ่งทุกอย่างจะจบลงหรือยุติลงได้ ก็ต่อเมื่อเราที่เป็นแกนกลางของสิ่งที่เกิดขึ้นตาย นั่นคือที่มาที่ไปและที่จบของเกมนี้ ซึ่งจนถึงตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในเกมก็ยังมีคนพูดถึง แม้ทุกอย่างจะจบลงที่ Booker ตายไปแล้วก็ตาม และถึงแม้การตายของเขาจะไม่ทำให้คนเสียใจ แต่การตายของเขาก็ส่งผลกระทบกับคนเล่นทั่วโลกไม่น้อยเหมือนกัน และแน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้นกับ  Booker ส่งผลถึง Elizabeth ที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปใน DLC Burial at sea ที่แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันในแง่เนื้อเรื่อง แต่มันก็คือเรื่องราวของ Elizabeth ที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง หลังจากทราบความจริงเกี่ยวกับ Booker นับเป็นการเริ่มต้นเดินหน้าต่อไปโดยทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง

ความตายของ Aeris ที่คนทั้งโลกยอมรับไม่ได้ ในเกม Final Fantasy 7

บทความนี้จะขาดความสมบูรณ์ไปในทันที ถ้าขาดความตายของเธอคนนี้ไป ย้อนกลับไปเมื่อราวๆปี 1997 ที่เกม Final Fantasy 7 วางจำหน่าย แฟนๆทั่วโลกที่ต่างรอคอยก็รีบไปหาซื้อเกมนี้มาเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เนื้อเรื่องจะดำเนินมาจนถึงกลางเรื่อง ที่ Aeris ตัวละครที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนเธอก็คือนางเอกในเรื่อง ซึ่งตามหลักแล้วบทนางเอกที่ปูมาขนาดนี้ในโลกของวีดีโอเกม จะไม่มีทางตายไปอย่างแน่นอน แต่ทางทีมพัฒนากลับหักหลังผู้เล่นทั่วโลก กับการสังหารเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี เรียกว่าช็อคคนเล่นทั่วโลกกันเลยทีเดียว

และหลังปัญหาที่เกิดตามมาหลังจากข่าวการเสียชีวิตของ Aeris ในเกม Final Fantasy 7 กระจายออกไป สื่อทุกสำนักต่างก็พยายามหาวิธีชุบชีวิตเธอขึ้นมาให้ได้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในยุคที่เกม Final Fantasy 7 วางจำหน่ายยังไม่มีระบบอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือยังมีแค่เกมงู การติดตามข่าวสารทำได้แค่ในหนังสือเกมต่างๆ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับวิธีชุบชีวิต Aeris ที่สื่อต่างๆ พยายามมั่วขึ้นมาเพื่อขายข่าว จนทีมพัฒนาต้องออกมาบอกว่าไม่มีทางชุบชีวิต Aeris ขึ้นมาได้ เพราะถ้าเธอไม่ตาย ตอนที่อุกาบาตรพุ่งชนโลก จะไม่มีวิญญาณของ Aeris ที่เรียก Lifestream มาปกป้องโลก ดังนั้นการตายของเธอจึงสำคัญมากๆกับเนื้อเรื่อง

และการตายของ Aeris ก็สร้างบาดแผลให้ Cloud เรื่อยมาแม้ทุกอย่างจะจบลงแล้ว เขายังรู้สึกผิดจนเป็นตราบาปที่นำพาเธอไปสู่เรื่องยุ่งยาก และจบลงด้วยความตาย ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดมาในฉบับการ์ตูน CG Advent Children ที่ Cloud จะได้เห็นภาพของ Aeris ที่พยายามบอก Cloud ถึงสิ่งที่เขาทำ แต่ตัวของ Cloud ไม่อยากยอมรับว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา และในตอนจบ Cloud ก็ได้รับการปลดปล่อยจากความรู้สึกผิดนั้นลงได้ ด้วยวิญญาณของ Aeris และ Zack ที่ทำให้ Cloud พร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป เป็นการยุติเรื่องราวของ Final Fantasy 7 อย่างสมบูรณ์แบบ

ความรักที่เสียสละเพื่อการเริ่มต้นใหม่ ในเกม  Shadow of the Colossus

มาต่อกันที่เกมล่ายักษ์ ที่บ้านเราในตอนนั้นเรียกเกม Shadow of the Colossus ว่าเกมขี่ยักษ์ช่วยเมีย ที่ตัวเกมจะให้เรารับบทเป็น Wander ชายหนุ่มกับม้าแสนรู้ที่ได้รับคำสั่งจากเสียงลึกลับ ให้ใช้ดาบวิเศษที่ขโมยมาจากหมู่บ้าน ให้ไปฆ่ายักษ์ที่เรียกว่า Colossi ตามที่ต่างๆ เพื่อหาทางช่วย Mono หญิงสาวที่เป็นที่รักของตนให้ฟื้นขึ้นมา โดยมีเสียงปริศนาคอยชี้แนะและบอกเราถึงสิ่งที่ต้องทำในแต่ละภารกิจ ซึ่งตลอดทั้งเกมนั้นเราจะต้องออกไปล่า Colossi จนสร้างความผูกพันให้ผู้เล่นที่ต้องควบคุม Wander กับ Agro ม้าแสนรู้ที่ช่วยเราในการต่อสู้กับยักษ์

จนมาถึงช่วงท้ายของเรื่อง ตัวเกมก็มาเฉลยแบบตบหน้าคนเล่นว่า สิ่งที่ Wander ทำไปทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ผิดพลาด เสียงที่เราได้ยินและชี้แนะเรามาตลอดทางนั้น คือปีศาจที่ถูกยักษ์ Colossi ปิดผนึกอยู่ และการฆ่ายักษ์ทั้งหมดนั้นคือการปลดปล่อยปีศาจให้หลุดออกมา ซึ่งสิ่งที่ Wander ได้พบเจอนั้นแม้จะเป็นเรื่องราวที่ผิดพลาด แต่เจ้าปีศาจก็ยังรักษาสัญญาที่ให้ไว้ เพราะมันได้คืนชีพ Mono ให้ตามสัญญา แต่นั่นต้องแลกกับวิญญาณและชีวิตของ Wander ที่ต้องจบลงตรงนี้ นับเป็นการแลกที่สะเทือนใจคนเล่นเป็นอย่างมาก ก่อนที่ Mono จะฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพบกับเด็กทารกที่มีเขานอนอยู่ นับเป็นการยุติเรื่องราวแบบหักมุมฆ่าตัวพระเอกที่เราเล่นมาตั้งแต่ต้นได้อย่างลงตัว ก่อนที่เรื่องราวจะสานต่อไปเกมภาคต่อไปอย่าง ICO ซึ่ง Mono ที่รู้ถึงการเสียสละของ Wander คงจะรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่คนรักของเขาทำไว้อย่างแน่นอน

Lee Everett การตายเพื่อให้ตัวละครได้เติบโต จากเกม The Walking Dead The Game

เมื่อพูดถึงเกมแนว Graphic Adventure Interactive Drama หรือเกมแนวเลือกคำตอบเพื่อเปลี่ยนการกระทำ เกมที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆที่นักเล่นเกมต้องคิดถึงเลยก็คือ The Walking Dead The Game ที่ในซีซั่นแรก เราจะได้รับบทเป็น  Lee Everett ชายหนุ่มผิวสีกับสาวน้อยที่บังเอิญเจอบนบ้านต้นไม้ที่เขาเข้าไปหลบภัย ทั้งสองต้องพยายามเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ ซึ่งระหว่างการเดินทางในเกมนั้น ผู้เล่นจะรู้สึกผูกพันกับทั้งคู่มากๆ ไม่ว่าจะเป็นความไร้เดียงสาของ Clementine กับความเป็นคุณพ่อจำเป็นของ Lee ในการปกป้องเด็กน้อยที่ตัวเองก็ไม่รู้จักให้ปลอดภัยจากทั้งคนและซอมบี้ ก่อนที่ตัวเกมจะจบตอนด้วยการเสียสละชีวิตของ Lee ที่สร้างความสะเทือนใจให้ผู้เล่นที่ติดตามเขามาเป็นอย่างมาก ซึ่งการตายของเขานั้น คือสิ่งจำเป็นที่ต้องเกิดขึ้น เพราะถ้า Lee ยังอยู่ ตัวของ Clementine ก็จะไม่เติบโตอย่างเข้มแข็งแบบที่เราเห็นในตอนหลังๆอย่างแน่นอน และแน่นอนว่า Clementine ยังคงคิดถึงขอบคุณและเสียใจกับการจากไปของ Lee และเธอได้เปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้เป็นแรงผลักดัน ให้ตัวเองสู้ต่อไปในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้

การตายไม่ใช่จุดจบแต่มันคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย ในเกม Metal Gear Solid 3 Snake Eater

ถ้าจะให้เราเล่าเรื่องราวของเกมในซีรี่ส์ Metal Gear คงต้องใช้บทความต่างหากเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเกมนี้ แต่ถ้าจะให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความวุ่นวายทั้งหมด ว่ามันเกิดมาจากอะไร คงต้องย้อนมาที่เกมภาคที่ 3 ของซีรี่ย์ Metal Gear Solid อย่าง Metal Gear Solid 3 Snake Eater ที่เป็นการเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ที่กล่าวถึง The Boss สุดยอดทหารในตำนานของสหรัฐอเมริกา ที่แปรพรรคไปอยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกับขโมยหัวรบนิวเคลียร์ไปอีกด้วย ร้อนถึงทางสหรัฐต้องส่งมือดีที่เป็นลูกศิษย์ของ The Boss ไปปราบเธอเพื่อทำลายแผนการ

เราที่ได้ควบคุม Snake ต้องฝ่าฟันอะไรต่างๆมากมาย ก่อนจะเจอกับ TheBoss พร้อมกับความจริงที่ตบหน้าผู้เล่นว่า แผนการทั้งหมดที่เธอทำนั้นคือการจัดฉากของสหรัฐ เพื่อหาทางทำลายฝั่งตรงข้ามจากภายใน แต่แผนการกลับผิดพลาดไปอย่างที่หวัง ทางสหรัฐจึงเปลี่ยนแผนส่ง Snake ลงไปในเกม เพื่อกำจัด TheBoss และใส่ร้ายเธอในฐานะผู้ก่อการร้ายที่ขายชาติ ทั้งที่เธอเป็นคนที่รักชาติมากๆ ซึ่งการจบชีวิตของ TheBoss ก็เป็นสิ่งที่เธอสมัครใจยอมรับ และการตายของเธอนั้นก็นำพาแนวคิดของคนที่รักและศรัทธาเธอ ไปสู่แนวทางการเปลี่ยนโลกของตัวละครในเกมอย่าง Zero และ BigBoss ที่ต่างก็เสียใจที่คนอันเป็นที่รักและเคารพตาย และทั้งคู่ก็เปลี่ยนความเสียใจนั้น ให้เป็นการทำตามความฝันที่ Theboss เคยฝันเอาไว้ให้เป็นจริง แถมต่างคนต่างคิดกันไปคนละทาง จนกลายเป็นความวุ่นวายในเกมที่เราได้เล่น

สุดท้ายเราก็เป็นแค่จินตนาการ Tidus จากเกม Final Fantasy 10

ปิดท้ายกับ Final Fantasy อีกครั้ง โดยคราวนี้จะเป็นคิวของภาค 10 ของซีรี่ส์จินตนาการครั้งสุดท้าย ที่เรื่องราวในภาคนี้จะกล่าวถึง Sin สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่สร้างความเดือนร้อนให้ผู้คนในโลก Spira แต่ก็มีทางยับยั้งมันได้ ด้วยผู้ใช้มนต์อสูรที่ต้องเดินทางไปยังเมือง Zanarkand เพื่อรับมนต์อสูรเพื่อกำจัด Sin โดยเรื่องราวจะเริ่มต้นจาก Tidus นักกีฬา Blitzball ที่มีชื่อเสียงแห่ง  Zanarkand ที่ถูกส่งมายังดินแดนที่ตัวเองไม่รู้จัก จนได้พบกับ  Yuna นักอัญเชิญอสูรที่ต้องการเดินทางไปปราบ Sin จากการเดินทางที่ยากลำบากของทั้งคู่ ก็ทำให้ความรักระหว่าง Tidus และ Yuna เริ่มเบ่งบานจนกลายเป็นความห่วงใย ยิ่งเมื่อรู้ว่า Yuna ต้องตายหลังอัญเชิญมนต์อสูรปราบ Sin แถมกำจัดไปแล้วไม่นานมันก็จะฟื้นคืนชีพมาอีกอยู่ดี ทุกคนจึงหาทางกำจัด Sin โดยไม่ต้องสละชีวิต Yuna

ด้วยความพยายามของทุกคน พวก Tidus และ Yuna สามารถกำจัด Sin ลงได้และทราบถึงต้นตอของสิ่งที่เกิดขึ้นและกำจัดมันลงได้ แต่ผลที่มาก็คือตัวของ Tidus ที่เป็นหนึ่งในจินตนาการที่เกิดจากพลังจากจิตของวิญญาณคนในเมือง Zanarkand ต้องสลายไปด้วย  นับเป็นการจบชีวิตที่น่าเศร้า ที่เราต้องจากคนที่รักโดยที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงตัวของ Yuna จากที่เคยเป็นแค่สาวน้อยนักเรียกอสูร มาเป็นมือปืนที่ออกเดินทางเพื่อช่วย Tidus ในเกม Final Fantasy X-2 ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงอย่างที่มันควรเป็น แม้จะผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายก็ตาม แต่การจากไปของคนที่รักก็ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งไม่ยอมแพ้และสู้ต่อไป นับเป็นการพยายามที่ให้ผลที่คุ้มค่าถ้าเราไม่ย่อท้อและไม่หมดหวังแม้มันจะไม่มีความหวังก็ตาม

เป็นอย่างไรกันบ้างกับสิ่งที่เราเอามานำเสนอ หวังว่าบทความนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจ สำหรับผู้ที่สูญเสียคนที่รักไป ให้สู้ต่อไปในวันที่ไม่มีเขาหรือเธอเหล่านั้นในชีวิต เพราะชีวิตยังต้องมีวันพรุ่งนี้ เรายังต้องสู้ต่อไปและมีชีวิตอยู่เพื่อจดจำเขาหรือเธอเหล่านั้นในความทรงจำตลอดไป โดยไม่ยึดติดกับความหลังและความเสียใจ แต่พร้อมที่จะลุกขึ้นใช้การสูญเสียนี้เป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อไป เพราะคนที่รักเขาคงกำลังยืนดูเราอยู่บนสวรรค์อย่างแน่นอน