คณะรัฐมนตรี โดยคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (ศบศ.) มีมติเห็นชอบหลักการมาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน – คนละครึ่ง’ เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ กระตุ้นการผลิต การจ้างงาน และกระตุ้นให้เกิดการขายสำหรับเจ้าของสินค้า ผู้ผลิต เจ้าของร้านค้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยทั้งสองโครงการมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563

โดยทั้งสองมาตรการมีความแตกต่างกันในรายละเอียด และจุดสำคัญที่ควรทราบก็คือ ทั้ง 2 มาตรการมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน และเมื่อเราเลือกใช้มาตรการใดมาตรการหนึ่งแล้ว ก็จะไม่สามารถใช้อีกมาตรการได้นะครับ และในแต่ละมาตรการก็มีวิธีการ-ข้อแม้-ข้อห้ามที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย

#beartai เลยขอสรุปรวบทั้ง 2 โครงการแบบสั้น กระชับ เข้าใจง่าย ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจเลือกใช้แต่ละมาตรการให้เหมาะกับกำลังซื้อของแต่ละคนกันครับ


ช้อปดีมีคืน

อธิบายโดยสรุปก็คือ เป็นการ ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปีภาษี 2563 ให้แก่ผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับปานกลาง และรายได้ปานกลางระดับสูง ที่ซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียน VAT ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ซื้อ และนำไปคิดตาม “เงินได้สุทธิ” ตามระดับรายได้ในแต่ละปี

และเก็บใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจากการซื้อสินค้า เพื่อยื่นแบบภาษีกับกรมสรรพากร เพื่อนำไปคิดอัตราภาษีคืนตามระดับเงินได้สุทธิ ในช่วงเดือนมีนาคม 2564 โดยจะได้รับสิทธิ์คืนภาษีตามระดับเงินได้สุทธิดังต่อไปนี้

  • เงินได้สุทธิต่อปี 0-150,000 บาท ไม่ได้สิทธิ์คืนภาษี
  • เงินได้สุทธิต่อปี 150,001-300,000 บาท ช้อปเต็มจำนวน มีสิทธิ์คืนภาษีสูงสุด 1,500 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 300,001-500,000 บาท ช้อปเต็มจำนวน มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 3,000 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 500,001-750,000 บาท ช้อปเต็มจำนวน มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 4,500 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 750,001-1,000,000 บาท ช้อปเต็มจำนวน มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 6,000 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001-2,000,000 บาท ช้อปเต็มมีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001-5,000,000 บาท ช้อปเต็มมีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 9,000 บาท
  • เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป ช้อปเต็มจำนวน มีสิทธิ์ได้คืนภาษีสูงสุด 10,500 บาท

ใช้ได้เมื่อไหร่ ?

สามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2563 และใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูป เพื่อลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2563 ในช่วงเดือนมีนาคม 2564 โดยไม่ต้องลงทะเบียนเข้าโครงการ

ใครใช้ได้บ้าง ?

ผู้มีสิทธิ์เข้าโครงการคือประชาชนทั่วไปที่มีรายได้ต่อปีถึงเกณฑ์เสียภาษี แต่ถ้าเลือกเข้าโครงการนี้ จะไม่สามารถเข้าโครงการ คนละครึ่ง ได้ และผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถเข้าโครงการนี้ได้

ซื้ออะไรได้บ้าง ?

  • สินค้าและบริการทั่วไปในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • สินค้าท้องถิ่น OTOP
  • หนังสือ (ทั้งรูปเล่มและ E-book)

ซื้ออะไรไม่ได้บ้าง ?

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ยาสูบ
  • สลากกินแบ่ง
  • ค่าน้ำมันและก๊าซเติมพาหนะ
  • ค่ารถยนต์ มอเตอร์ไซค์ เรือ
  • ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
  • ค่าที่พักโรงแรม
  • ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าบริการจัดนำเที่ยวและไกด์

• สรุป “ช้อปดีมีคืน” เหมาะกับใคร ?

เหมาะกับคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้ทั้งปี 310,000 บาทขึ้นไป ยิ่งมีรายได้มาก และเสียภาษีในอัตราสูงก็ยิ่งคุ้ม เพราะว่าจะได้รับการลดหย่อนภาษีมาก ถ้าคนที่มีฐานภาษีไม่สูง อาจจะได้ลดหย่อนน้อยกว่า อาจจะพิจารณาเลือกลงทะเบียนมาตรการ คนละครึ่ง แทนน่าจะเหมาะสมกว่า


คนละครึ่ง

• เป็นการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ โดยภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร และสินค้าทั่วไป โดยรัฐจะช่วยจ่าย 50% ผู้ซื้อจ่ายเอง 50% ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ

• ใช้ได้เมื่อไหร่ ?

ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ และเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 เวลา 06.00-23.00 น. จำกัดจำนวน 10 ล้านสิทธิ์ หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด

หน้าเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com

• ใครใช้ได้บ้าง ?

เป็นผู้มีบัตรประจำตัวประชาชน เป็นบุคคลสัญชาติไทยตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่ได้เข้าร่วมมาตรการ “ช้อปดีมีคืน”

• ซื้ออะไรได้บ้าง ?

เมื่อลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และได้รับ SMS แจ้งผลลงทะเบียนแล้ว สามารถเติมเงินเข้า G-Wallet ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และใช้จ่ายในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไปได้ในจำนวนสูงสุด 300 บาทต่อคนต่อวัน (รัฐช่วย 150 บาทต่อวัน จ่ายเอง 150 บาท) หากใช้ไม่หมด ระบบจะคืนสิทธิ์ที่ไม่ได้ใช้ทบรวมเข้าระบบในเวลา 06.00 น. ของวันถัดไป โดยต้องใช้สิทธิ์ภายในระยะเวลา 14 วันหลังได้รับ SMS หากลงทะเบียนแล้วไม่ได้ใช้สิทธิ์ ระบบจะทำการตัดสิทธิ์ตลอดโครงการ

• ซื้ออะไรไม่ได้บ้าง ?

  • สลากกินแบ่ง
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • บุหรี่/ยาสูบ
  • บริการต่าง ๆ

• สรุป “คนละครึ่ง” เหมาะกับใคร ?

เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่เข้าเกณฑ์มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” และชอบซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ร้านโชห่วย ตลาดเป็นประจำ เพราะมาตรการนี้ กิจการร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนนิติบุคคล ร้านค้าแฟรนไชส์ เช่นร้านสะดวกซื้อ ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ และอาจต้องเสียเวลาในการรอ SMS ยืนยันการลงทะเบียน และถ้าซื้อของเกินราคาก็อาจจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มเอง และใช้ได้เฉพาะภายในเวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวันเท่านั้น

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส