แคลิฟอร์เนียกลายเป็นรัฐแรกในสหรัฐฯ ที่กำหนดให้ครูและเจ้าหน้าที่โรงเรียนต้องได้รับการฉีดวัคซีน โดยหากใครเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนก็จะต้องเข้ารับการตรวจโควิด-19 อย่างสม่ำเสมอ โดยผู้ว่าการ แกวิน นิวซัม (Gavin Newsom) เผยว่า นี่เป็นการรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน

มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสพยายามที่จะแบนกฎหมายซึ่งบังคับให้ชาวสหรัฐฯ ต้องใส่หน้ากากในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น

ปัจจุบันประเด็นเรื่องการใส่หน้ากากกลายเป็นหัวข้อถกเถียงภายในประเทศ ส่งผลให้เกิดการแบ่งฝ่ายระหว่างผู้ที่ไม่ต้องการใส่หน้ากากและผู้ที่ต้องการให้ใส่หน้ากากแม้ผู้เชี่ยวชาญต่างจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การใส่หน้ากากจะช่วยยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสได้ก็ตาม

ตัวอย่างของผู้ที่ต่อต้านการสวมหน้ากากเกิดขึ้นในรัฐเทนเนสซี ที่มีกลุ่มผู้ประท้วงกว่าร้อยคนรุมตะโกนใส่ผู้ใส่หน้ากากให้ถอดหน้ากากออก พร้อมทั้งขู่ว่า ‘ฉันรู้ว่าคุณเป็นใคร’ และ ‘เราจะตามหาคุณ’

https://twitter.com/formvscontent/status/1425329439420866563

มาตรการที่บังคับให้ครูต้องได้รับวัคซีนของแคลิฟอร์เนียเกิดขึ้นหลังจากรัฐออกคำสั่งเช่นเดียวกันกับพนักงานรัฐ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ โดยนิวซัมให้เหตุผลว่า วิธีการดังกล่าว เป็นวิธีที่ยั่งยืนที่ทำให้สามารถเปิดโรงเรียน และยังช่วยเยียวยาความวิตกกังวลของพ่อแม่ที่มีต่อเด็กเล็กอีกด้วย

ปัจจุบันอเมริกาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงที่สุดในรอบ 6 เดือน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วถึง 5 เท่า โดยมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในหนึ่งสัปดาห์จำนวน 118,000 ราย

เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐบาล และรัฐต่าง ๆ รวมถึงสถานพยาบาล มหาวิทยาลัยจึงเริ่มระบุให้บุคลากรต้องฉีดวัคซีน โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเนียบขาวได้เผยว่า ปัจจุบันมีนักการศึกษาและเจ้าหน้าที่โรงเรียนเกือบ 90% แล้วที่ได้รับการฉีดวัคซีน

อ้างอิง: Reuters

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส