เป็นประจำทุกปีที่ค่ายผู้ผลิตทีวีต่างๆ ต้องอัปเดทไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค และผู้นำด้านทีวีอย่าง Sony ก็ขนทีวี Bravia ประจำปี 2017 มาครบไลน์ รวมแล้ว 29 รุ่น โดยชูเรือธง Bravia OLED TV รุ่น A1 ทีวี 4K รุ่นแรกของโซนี่ที่ใช้เทคโนโลยี OLED (Organic Light Emitting Diodes) พร้อมลำโพงแบบ Acoustic Surface ที่ใช้การสั่นของหน้าจอให้เกิดเสียง

Sony Bravia OLED

จุดเด่นของ Bravia OLED TV รุ่น A1 นั้นคือการรวมเทคโนโลยีของโซนี่มาอยู่ในทีวีเครื่องเดียวคือ

  • หน้าจอ OLED ความละเอียด 4K (8 ล้านพิกเซล) แบบ TRILUMINOS ที่ให้สีดำได้มืดสนิท พร้อมรองรับภาพแบบ HDR
  • ชิปประมวลผลภาพตัวท็อปตัวใหม่ X1™ Extreme โดยต่อยอดจากชิปในตระกูล Z9D ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพการประมวลผลแบบเรียลไทม์กว่าชิปรุ่นเดิมถึง 40% และยังสามารถถ่ายทอดรายละเอียดของภาพได้ดีกว่า LED TV ทั่วไปมาก
  • Acoustic Surface™ Sound Technology สามารถกระจายคลื่นเสียงสเตอริโอพร้อมกับยิงเสียงออกมาผ่านหน้าจอทีวีโดยตรงด้วยการสั่นของ actuator จึงทำให้เสียงมีความกระจ่างคมชัดสูง แยกมิติได้ชัดเจน (อันนี้ต้องไปลองเอง แต่ทีมงานแบไต๋ลองฟังแล้วก็ทึ่ง สำหรับทีวีที่ไม่มีดอกลำโพง ส่งเสียงได้ขนาดนี้ มีเบสด้วย เพราะมีซับวูปเฟอร์อยู่ที่ขาตั้งด้านหลัง)
  • ดีไซน์แบบแผ่นกระจก One Slate Concept ไม่มีขาตั้งหรือลำโพง ทำให้ภาพเด่นมากเพราะไม่มีจุดแย่งสายตาเลย

สำหรับ BRAVIA OLED TV – A1 Series จะเริ่มเปิดให้ผู้สนใจสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม จนถึง 13 สิงหาคม ศกนี้ พร้อมรับของสมนาคุณพิเศษสุดพรีเมียม เครื่องเล่นเกม PS4 Pro และซอฟต์แวร์เกม มูลค่ารวมกว่า 18,000 บาท เอะ เห็นของแถมราคา 18,000 แล้วตัวทีวีราคาเท่าไหร่

  • 55 นิ้วราคา 119,900 บาท
  • 65 นิ้วราคา 229,990 บาท

ถามว่าแพงไหมสำหรับคนทั่วไป แพงครับ แต่สำหรับความเป็น OLED TV ถือว่าราคาคุ้มเทคโนโลยีอยู่นะ

สายผลิตภัณฑ์ Bravia ปี 2017

ตารางเทียบความสามารถทั้งหมด ส่องดูได้ว่าเหมาะกับรุ่นไหน

BRAVIA 4K HDR TV Line Up

X94E และ X93E Series –  BRAVIA 4K HDR TV ขนาด 75 นิ้ว และ 65 นิ้ว เป็นทีวีที่มาพร้อมการออกแบบอันโดดเด่นบางเฉียบและสวยงามด้วยนวัตกรรมดีไซน์แบบ Ultra Slim Design และเพียบพร้อมด้วยสุดยอดเทคโนโลยีของภาพและเสียงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว อาทิ Slim Backlight Drive+, X1™ Extreme, 4K X-Reality™ Pro, TRILUMINOS™ Display, X-tended Dynamic Range™ Pro พร้อมด้วยคุณภาพความละเอียดในระดับ 4K HDR ทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติของแอนดรอยด์ทีวีครบครัน ซึ่งมีแอพพลิเคชั่นที่สามารถแสดงผลบนจอทีวีให้คุณได้เพลิดเพลินมากมาย โดย X94E Series ขนาด 75 นิ้ว วางจำหน่ายราคา 269,990 บาท และ X93E ขนาด 65 นิ้ว ราคา 115,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน ศกนี้ เป็นต้นไป

X90E Series – BRAVIA 4K HDR TV ขนาด 65 นิ้ว และ 55 นิ้ว ที่ยังคงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีคุณภาพอย่าง X1™ Processor, 4K X-Reality™ Pro, TRILUMINOS™ Display และ X-tended Dynamic Range™ Pro พร้อมด้วยคุณภาพความละเอียดคมชัดที่เหนือกว่าในระดับ 4K HDR และคุณสมบัติของแอนดรอยด์ทีวีครบครัน โดยขนาด 65 นิ้ว วางจำหน่ายราคา 91,990 บาท และขนาด 55 นิ้วจะมีให้เลือก 2 สี คือกรอบดำ และกรอบเงิน จำหน่ายราคา 56,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายน ศกนี้ เป็นต้นไป

X85E Series – BRAVIA 4K HDR TV ขนาด 75 นิ้ว 65 นิ้ว และ 55 นิ้ว ที่จะให้ประสบการณ์รับชมทีวีสุดคมชัด ด้วยรายละเอียดของสีและแสงที่คมชัดเหนือกว่าจากเทคโนโลยีคุณภาพระดับ 4K HDR แถมอัดแน่นด้วยด้วยเทคโนโลยีคุณภาพอย่าง X1™ Processor, 4K X-Reality™ Pro, TRILUMINOS™ ขนาด 75 นิ้ว จำหน่ายราคา 149,990 บาท ขนาด 65 นิ้ว ราคา 79,990 บาท ส่วนขนาด 55 นิ้ว ราคายังไม่ระบุ ทุกรุ่นจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายน ศกนี้ เป็นต้นไป

X80E Series – BRAVIA 4K HDR TV ที่ยังคงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีคุณภาพอย่าง 4K X-Reality™ Pro, TRILUMINOS™ Display ซึ่งจะทำให้สีสันของทีวีมีชีวิตชีวาและสมจริงจนน่าทึ่ง มีให้เลือก 3 ขนาดคือ 55 นิ้ว 49 นิ้ว และ 43 นิ้ว วางจำหน่ายในราคา 39,490 บาท 30,490 บาท และ 26,990 บาท ตามลำดับ โดยทุกรุ่นได้เริ่มวางจำหน่ายแล้ว

X70E Series – BRAVIA 4K HDR TV คมชัดระดับ 4K ที่มาพร้อมเทคโนโลยีคุณภาพอย่าง 4K X-Reality™ และ Motionflow ที่จะช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวราบรื่นไม่กระตุก ผสานกับระบบเสียงอันสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยี ClearAudio+™ ที่ช่วยปรับแต่งเสียงให้มีความคมชัด สมจริงในทุกรายละเอียดเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรี เสียงสนทนา รวมทั้งเสียงเซอร์ราวด์ เอ็ฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ให้มีความคมชัด และมีมิติสมจริง วางจำหน่ายด้วยกัน 4 ขนาด คือ 65 นิ้ว 55 นิ้ว 49 นิ้ว และ 43 นิ้ว จำหน่ายราคา 68,990 บาท 32,990 บาท 27,490 บาท และ 24,990 บาท พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

BRAVIA Full HD HDR TV

W75E Series – BRAVIA TV ที่มาพร้อมความละเอียดระดับ Full HD ครบครันด้วยเทคโนโลยี และ TRILUMINOS™ Display รองรับ HDR สะดวกสบายด้วยปุ่มลัดเข้า YouTube ทั่โมทคอนโทรล และรองรับการพิมพ์ภาษาไทย พร้อมการเชื่อมต่อความบันเทิงอย่างง่ายดายด้วยเทคโนโลยี Wi-Fi ในตัว ซึ่งจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับหลากหลายการใช้งานกับโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทั้งการชมวิดีโอคลิปจาก YouTube และเรียกดูภาพยนตร์ต่างๆ ได้อย่างอิสระ มี 2 ขนาดให้เลือกคือ ขนาด 49 นิ้ว ราคา 24,490 บาท และ ขนาด 43 นิ้ว ราคา 21,490 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้ว

W66E Series – มาพร้อมความละเอียดหน้าจอระดับ Full HD พร้อมเทคโนโลยี X-protection pro ช่วยปกป้องทีวีจากความชื้น ฝุ่นละออง ไฟกระชาก และฟ้าผ่า ให้คุณได้รับชมคลิปวิดีโอสุดโปรดจาก YouTube บนจอทีวีได้อย่างเพลิดเพลินและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม พร้อมรองรับ HDR สะดวกสบายด้วยปุ่มลัดเข้า YouTube ทั่โมทคอนโทรล และรองรับการพิมพ์ภาษาไทย มี 2 ขนาดให้เลือก คือขนาด 49 นิ้ว ราคา 21,990 บาท และ 40 นิ้ว ราคา 17,990 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้ว

เท็ทซูทากะ ซูดะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บ. โซนี่ ไทย จ.ก. และทาคุโอะ โคบายาชิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดทีวี โซนี่ไทย

มร. เท็ทซูทากะ ซูดะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บ. โซนี่ ไทย จ.ก. เปิดเผยว่าเทรนด์ของทีวีในปีนี้ว่ายังคงมุ่งไปที่จอ 4K ขนาดใหญ่ กลุ่มทีวี 45 นิ้วโตขึ้นมาก ในทางกลับกันทีวีที่มีขนาดเล็กกว่า 45 นิ้วก็หดตัวลง แม้ตลาดปีที่แล้วก็หดเล็กลง แต่โซนี่ก็ยังสร้างยอดขายเติบโตได้ และอีกเทรนด์หนึ่งคือเนื้อหาแบบ HDR เริ่มมาแรงขึ้น บริการสตรีมมิ่งรองรับมากขึ้น PlayStation 4 ก็รองรับ โซนี่จึงเริ่มคุยกับ Dolby เพื่อนำระบบ Dolby Vision มาใช้

โดยตอนนี้ทีวีระดับท็อปมี 2 เทคโนโลยีหลักคือ OLED และ QLED แต่โซนี่อยากให้มองเรื่องเอนจินมากกว่าเทคโนโลยีจอ ซึ่งโซนี่มีชิป X1 ที่พัฒนาจนให้คุณภาพภาพสูงที่สุด