น.ส.อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ผู้จัดงาน Techsauce Global Summit งานสัมมนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า “ในปีนี้ บริษัทเตรียมจัดงาน Techsauce Global Summit ขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ภายใต้ชื่อ Techsauce Global Summit 2018 ใน วันที่ 22-23 มิ.ย.นี้โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยยังคงมีเป้าหมายสำคัญในการช่วยส่งเสริมและยกระดับระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีหรือ Tech Ecosystem ทั้งของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการเติมเต็มองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เชื่อมโยงผู้ประกอบการ นักลงทุน และทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน จนนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลง

สำหรับวิทยากรที่จะมาร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ในเวทีต่าง ๆ ประกอบด้วย ซีอีโอ นักลงทุน และวิทยากรด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลกรวมกว่า 200 คน อาทิ

  • David Brown ผู้ร่วมก่อตั้ง Techstars แอคเซอเลอเรเตอร์อันดับต้น ๆ ของโลก
  • Joseph Lubin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum แพลตฟอร์มบนระบบ Blockchain ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง
  • Mike Peng กรรมการผู้จัดการ IDEO Tokyo วิทยากรที่ได้รับความนิยมสูงมากจากงานในปีที่ผ่านมาแ

และยังได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ประกอบการชั้นนำในหลายอุตสาหกรรมที่กำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและการลงทุนในสตาร์ทอัพ อาทิ

  • บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด
  • บริษัท ทรู ดิจิทัล พาร์ค จำกัด
  • บริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด
  • บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด
  • บริษัท ดีแทค แอ็คเซเลเรท จำกัด
  • บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์
  • บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท แอด เวนเจอร์ส แคปปิตอล จํากัด
  • สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (TCEB)
  • และอีกหลายองค์กรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ

สำหรับปี 2561 นั้น เราต้องการเห็นทุกภาคส่วนของไทยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่จะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมรากฐานของประเทศอย่าง AgTech และ FoodTech เนื่องจากไทยถือเป็นประเทศที่มีต้นทุนด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหารโดดเด่นอยู่ในระดับโลก หากให้ความสำคัญกับ AgTech และ FoodTech จะช่วยให้ไทยสามารถต่อยอดภาคส่วนที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ต่อยอดต้นทุนที่ตัวเองมี สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ใหม่ๆ ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือบุคลากรที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมอาหารได้ ขณะเดียวกัน ยังมีเทคโนโลยีอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรหันมาให้ความสำคัญ ได้แก่ HealthTech, LivingTech และ EnergyTech เนื่องจากเทคโนโลยีในกลุ่มนี้จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ และช่วยส่งผลกระทบต่อสังคม หรือ Social Impact ในด้านดีตามมา

การจัดงาน Techsauce Global Summit 2018 ในปีนี้ จึงจะแบ่งเวทีออกเป็นทั้งหมด 10 เวที กลุ่มแรกจะเป็นเวทีเทคโนโลยีสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่สร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตโดยตรง ได้แก่

  1. เวที AgTech&FoodTech
  2. เวที HealthTech
  3. เวที LivingTech และ
  4. เวที FinTech

เพื่อให้ความรู้แก่ทั้งภาคธุรกิจ สตาร์ทอัพ และผู้ที่สนใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมเหล่านี้ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่ง จะเป็นเวทีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องภาพรวมและเทคโนโลยีใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม ได้แก่

  1. เวที Startup
  2. เวที Venture Capital (VC)
  3. เวที Deep Tech Showcase & Head to the Future
  4. เวที Blockchain & Cryptocurrency
  5. เวที AR & VR และ
  6. เวที Data Science & AI

เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีโอกาสเรียนรู้แนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ สังคม และชีวิตของตัวเอง รวมหัวข้อเสวนาทั้ง 10 เวทีกว่า 200 หัวข้อ

การจัดงานในปีนี้ยังมีไฮไลต์อื่นที่สำคัญอีกหลายเรื่อง อาทิ

  • การเปิดพื้นที่ Business Matching สำหรับผู้ประกอบการ
  • การแข่งขัน Startup Pitching รอบชิงชนะเลิศจากผู้เข้าแข่งขันกว่า 20 ประเทศทั่วเอเชีย-โอเชียเนีย
  • และด้วยความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกภาคธุรกิจ ประกอบกับผู้ประกอบอาชีพต่างๆ เช่น แพทย์ เชฟ หันมาทำสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของตัวเองมากขึ้น ต้นทุนการทำเรื่องดิจิทัลต่ำลง จึงเชื่อว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานราว 10,000 คน หรือเพิ่มจากปีที่แล้วมากกว่า 40%

สำหรับ Tech Ecosystem ของไทยนั้น ถือว่าอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านและเติบโต ฝั่งผู้ลงทุนเริ่มตระหนักว่าตัวเองต้องการอะไรจากเทคโนโลยีหรือสตาร์ทอัพ หลังจากปีที่ผ่านมาเกิดคลื่น Corporate Venture Capital หรือ CVC จัดตั้งใหม่หลายราย คาดว่าหลังจากนี้ผู้ลงทุนจะเริ่มเลือกลงทุนในเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการสตาร์ทอัพนั้น เชื่อว่าจนถึงปี 2563 จะมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรายย่อยจากต่างประเทศเข้ามาเจาะตลาดในไทย และเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น พร้อมกับนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาด้วย เช่น กรีนเทคโนโลยี ที่สำคัญ จะมีสตาร์ทอัพจากจีนเข้ามาเป็นส่วนสำคัญ ทำให้ภาพรวมของสตาร์ทอัพมีการแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้นและแข่งขันกันรุนแรงยิ่งขึ้น

**ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถดูรายละเอียดและจองตั๋วเข้าร่วมงานได้ที่ https://summit.techsauce.co