สำหรับใครที่ผูกพันกับการรับชมภาพยนตร์ น่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก 1 ในโรงภาพยนตร์ที่เปิดตัวมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปีแต่ก็ได้ปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่มาวันนี้ “ลิโด” กลับมาอีกครั้งในชื่อใหม่ “ลิโด้” “LIDO CONNECT” กับคอนเซปต์ “Change to Unchange”

LIDO CONNECT นี้ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นศูนย์รวมสำหรับนักออกแบบ นักสร้างสรรค์นวัตกรรมบนไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยบริษัท Love is Entertainment บริหารงานโดยเทพอาจ กวินอนันต์และบอย โกสิยพงษ์ รับช่วงต่อจากกลุ่ม Apex ในครั้งนี้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ยังคงอยู่กับพวกเราต่อไป

สิ่งที่ LIDO CONNECT ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ลิโด้จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่ เพื่อให้คนเข้ามาค้นหาตัวตน ค้นหาแรงบรรดาลใจ รวบรวมนวัตกรรมในสาขาต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม รวมไปถึงด้านเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน

ทางสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ มองเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว และโรงภาพยนตร์ ลิโด้ ตัวนี้ก็ยังขาดอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งวันนี้ก็ได้มองหากลุ่มพันธมิตร และมองหาเหล่าวัยรุ่นที่มีของ เข้ามาแสดงความเป็นตัวตนของตัวเอง แสดงความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง จึงได้จับมือกับ LOVEiS ในครั้งนี้ และอยากให้พื้นที่ตรงนี้ เปิดโอกาสให้เด็กสร้างแรงบรรดาลใจ ซึ่งเป็นหัวใจของจุฬาที่จะช่วยพัฒนาเด็กไทยเพื่อให้เขามีอนาคตเป็นของตนเอง

ในด้านคุณเทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Love is Entertainment (LOVEiS) เผยความรู้สึกว่าตื่นเต้นมาก ๆ เพราะพวกเขาก็เป็นเด็กสยามมาก่อน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของลิโด้จึงเรียกว่าเป็นการนำความคลาสสิคมาก ๆ เอามาปรับปรุงให้กลายเป็นการแสดงจากหลากหลายแขนงเพื่อให้วัยรุ่นสามารถเข้ามาแสดงผลงานได้ และทำให้พื้นที่เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยไม่หวังผลกำไรเป็นหลัก แต่เน้นการเติมเต็มพื้นที่เพื่อสร้าง Community โดยเริ่มจากคนดนตรี ขยายไปยังกลุ่มคนต่าง ๆ ในด้านศิลปวัฒนธรรมอื่น ๆ ด้วย

ในด้านคุณบอย โกสิยพงษ์ คิดว่า เสน่ห์ของลิโด้ คือชื่อของ “ลิโด” ที่อ่านออกเสียงว่า “ลิโด้” รวมไปถึงเรื่องภาพยนตร์อินดี้มากมายที่มาฉายตรงนี้ ซึ่งแต่ละคนก็มีมุมมองคนละด้าน แต่เราก็จะเข้ามาเติมเต็มให้โรงภาพยนตร์ลิโด้นั้นสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม และเมื่อเทียบตัวหนังสือ คำว่า ลิโด้นั้นจะอยู่ตรงกลางระหว่าง ลิโด ไปจนถึง ลิโด๋ ซึ่งสถานที่นี้เปรียบเสมือนเป็น Connection Hub ที่รวมทุกอย่างเข้ามาไว้ด้วยกันนั่นเอง

ซึ่งพื้นที่ละแวกสยามสแควร์นี้ เรียกว่าเป็นพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างทุกคน โดย LIDO CONNECT จะเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาสร้างสรรค์ผลงานอย่างแท้จริงตั้งแต่ภาพยนตร์อินดี้จากผู้กำกับชื่อดัง หรือการแสดงดนตรีที่ไม่เคยจัดที่ไหนมาก่อน รวมไปถึงผู้ทำงานด้านศิลปะวัฒนธรรม ก็จะเข้ามารวมกันในที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดีและจะมีแมวมองจากค่ายต่าง ๆ เข้ามาพบปะกับเหล่าศิลปินน้องใหม่ที่มีแววน่าจับตามองอย่างแน่นอน

ซึ่งในงานเปิดตัวครั้งนี้ก็ได้มีเหล่าแฟน ๆ ทั้งรุ่นเก่าและใหม่มาแสดงความคิดเห็นและพูดถึงไอเดียเจ๋ง ๆ ที่จะเข้ามาทำในลิโด้แห่งใหม่นี้ด้วย

ภาพการตกแต่งภายใน

ซึ่งการตกแต่งจะค่อย ๆ กลับไปสู่ยุค ’70 โดยดึงสิ่งดี ๆ นี้มา และเข้าไปศึกษาสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ดึงเอากลับมาใช้งานได้ดี จึงได้นำเอาภาพเก่าที่ห่อรับด้วยความเก๋ไก๋ยุคใหม่ ทำให้ “ลิโด้” ยังคงเป็นลิโด้อยู่ โดยพื้นที่ด้านหน้าเปลี่ยนจากลานซื้อขายสินค้า กลายเป็นพื้นที่ Streetscape เพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับทุกคน โดยมีขนาดกว่า 800 – 900 ตารางเมตร สำหรับจัด Event space รวมไปถึงพื้นที่ด้านในบางส่วนที่เปิดให้ใช้งานได้อิสระ และด้านในจะยังคงเก็บภาพเดิม ๆ ให้คนยังคงรู้สึกว่ากลับมายังสถานที่เดิมอีกครั้ง และจะมีพื้นที่จัดแสดงต่าง ๆ ให้

และในพื้นที่ชั้น 2 จะมีการจัดพื้นที่ Startup เพื่อทดลองเช่าพื้นที่นัดพบกันโดยรายได้ที่ได้รับจาก LIDO CONNECT ส่วนหนึ่งของการใช้พื้นที่จะมอบให้กับ CSR

โดยโรงภาพยนตร์ที่ 3 จะเปลี่ยนไปมากที่สุด โดยจะเป็น Blackbox ให้สำหรับกลุ่มที่เข้ามาใช้พื้นที่ใช้งานสำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในอนาคต ซึ่ง beartai ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในด้าน Content Partners ในรูปแบบการจัดแข่งขัน eSports แต่จะเป็นอย่างไรนั้น รอติดตามกันได้เลย

เรียกได้ว่าการกลับมาของ “ลิโด้” ในครั้งนี้ น่าจะเป็นการสร้าง “Space” ที่ดีมากสำหรับนักสร้างสรรค์ที่มีแรง มีไฟ แต่ขาดพื้นที่ วันนี้ “ลิโด้” จะเป็นสถานที่สำหรับคุณอย่างแท้จริง โดยจะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมปี 2562 นี้ สามารถเข้าไปติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage Lido Connect ได้เลยครับ