วันที่ 15 มกราคมเป็นวันแรกที่ประกาศใช้ใบขับขี่ดิจิทัลอย่างเป็นทางการโดยกรมขนส่งฯ จากการที่เคยนำเสนอข่าวเดิมไว้ ว่าประมาณกลางเดือนมกราคม 2562 จะได้ใช้อย่างเป็นทางการ

เหมือนจะเรียบร้อยดีแต่ว่า “ตำรวจดันไม่เอาด้วย”

เนื่องจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ยังไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีเหตุผลของเขา

พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กล่าวว่า “ทางปฏิบัติการเรียกตรวจผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจร ผู้ขับขี่จะต้องแสดงใบขับขี่ต่อเจ้าพนักงานตำรวจจราจร” แต่ว่าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนแล้วยังไม่สามารถทำได้ทันที ซึ่งเรื่องนี้ต้องนำเข้าพิจารณาผ่าน สนช. ในวันที่ 17 นี้  เนื่องจากต้องแก้ไข พ.ร.บ. ให้ยกเลิกการเรียกเก็บใบขับขี่ ให้รองรับนโยบายใหม่ของกรมขนส่งฯ โดยต้องอาศัยอำนาจตามมาตรา 140 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบกปี 2522 ไปก่อน

ส่งผลให้ช่วงที่ยังไม่ได้ประกาศ พ.ร.บ. ใหม่ อย่างเป็นทางการ ตำรวจยังมีสิทธิยึดใบขับขี่เดิมได้อยู่ ต้องพกติดตัวไว้  โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งทางกรมขนส่งฯ แล้วว่าขอเลื่อนการใช้ใบขับขี่ดิจิทัลไปก่อน

ด้านทนายก็ออกมาให้ความเห็น

ทนายรัชพล ศิริสาคร
ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ได้โพสต์ในเพจ “สายตรงกฎหมาย” ระบุว่า

“ในทางกฎหมาย หากมีการจับกุมข้อหาไม่พกใบขับขี่ ถือว่า สตช และ ขนส่ง ทำผิดต่อกฎหมาย เพราะเป็นผู้จงใจทำให้ประชาชนตกเป็นผู้เสียหาย จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรื่องละเมิด มาตรา 420

ประเด็นถัดมาที่ตำรวจจะจับข้อหาไม่พกใบขับขี่นั้น โดยอำนาจไม่สามารถทำได้ เพราะเมื่อข้อกฎหมายไม่ชัดเจน หรือข้อกฎหมายขัดกันเอง ต้องยกประโยชน์ให้จำเลย หมายความว่า เมื่อประชาชนใช้ใบขับขี่ดิจิทัล ซึ่งกฎหมายเปิดช่องให้ทำได้ และเป็นการพกใบขับขี่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทางตำรวจจะมาบอกว่าผิดกฎหมายได้อย่างไร”

สรุปคร่าวๆ นะครับ เป็นเพราะว่าเนื่องจากทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดความสับสนนั่นเอง แทนที่จะดำเนินการให้พร้อมทุกฝ่ายและค่อยประกาศใช้ให้ชัด ทำให้ประชาชนสับสน ถ้าดูจากเจตนาของประชาชนมันแสดงให้เห็นได้ชัดเจน

ที่มา: ไทยรัฐ, เพจ “สายตรงกฎหมาย”