เมื่อพูดถึงประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมสูงก็คงหนีไม่พ้นญี่ปุ่น เเดนอาทิตย์อุทัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัฒนธรรม การกิน การเลือกใช้เเบรนด์ ขนาดระดับนายก ผู้บริหาร ก็ยังเลือกนั่ง Toyota ซึ่งเป็นเเบรนด์ประจำชาติ ส่วนอีกประเทศที่ไม่เเพ้กันก็คือ เกาหลีใต้ ที่ประธานาธิบดีนั่งรถฮุนได (อ่านว่า ฮยอนแด)

เเต่ถ้าพูดถึงเเบรนด์เทคเเล้ว เกาหลีใต้เขาก็มี Samsung (อ่านว่า ซัมซอง) ที่ก่อตั้งมากว่า 80 ปีเเล้ว โดยความหมายของ Samsung คือ ดาวสามดวงบ่งบอกถึงความเป็นดาวค้างฟ้า มีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด

เเท้จริงเเล้วการชิงความเป็น’ที่หนึ่ง’ ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น เเต่มันคือประวัติศาสตร์ (คล้าย ๆ ไทยกับพม่า) ย้อนกลับไปเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกเข้าไปใช้เเรงงานในเกาหลีใต้จำนวนมหาศาล ภายหลังทางการญี่ปุ่นก็ได้ตกลงยอมจ่ายค่าทำขวัญให้ ซึ่งก็ดูเหมือนเรื่องจะจบ เเต่เกาหลีใต้ก็อ้างว่าเงินชดเชยนั้นเป็นส่วนที่จ่ายให้เเรงงาน ไม่ใช่รัฐบาล ดังนั้นทางการญี่ปุ่นต้องจ่ายเพิ่ม ไม่งั้นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นจะโดนยึดทรัพย์!

ญี่ปุ่นเก็บความเเค้นนี้ไว้ จนล่าสุด ปิ๊งไอเดียจากสหรัฐฯที่คว่ำบาตรหัวเหว่ยของจีน จึงลองทำดูบ้าง เเต่คราวนี้เเสบกว่า เอาเป็นว่าตัดน้ำตัดไฟ ไม่ส่งวัตถุดิบผลิตชิ้นส่วนมือถือ ชิ้นส่วนรถยนต์ให้โรงงานเกาหลีใต้จะได้ผลิตอะไรไม่ได้เลย! (วะ ฮ่า ๆ ๆ หัวเราะเเบบตัวร้าย) โดยญี่ปุ่นได้ให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องจำกัดการส่งออกวัสดุไฮเทคให้เกาหลีใต้ เพราะตอนนี้เกาหลีใต้ดันไปจับมือเกี่ยวก้อยกับเกาหลีเหนือ เเละอาจไปช่วยกันผลิตอาวุธก็เป็นได้! นอกจากนั้นยังบอกว่าหากเกาหลีต้องการสั่งซื้อเครื่องจักรเเละชิ้นส่วนต่างๆ ก็ต้องทำเรื่องขอใบอนุญาตใช้เวลากว่า 3 เดือน! (ญี่ปุ่นบอกว่าไม่ได้คว่ำบาตรระหว่างกัน ก็แค่ตัดสิทธิ์พิเศษทางการค้าไป ก็ยังค้าขายกันได้ แค่ต้องผ่านขั้นตอนปกติ)

เรื่องนี้เดือนร้อนถึง Samsung ซึ่งเป็นแบรนด์หลักของเกาหลีใต้ ที่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนจากญี่ปุ่นอยู่ เเม้เกาหลีใต้จะสามารถผลิตอะไรได้เองหลายๆอย่าง เเต่ก็ต้องจำใจนำเข้า ‘วัสดุขั้นสูง’ ของญี่ปุ่นอยู่ดี อย่าง fluorinated polyimide ที่ญี่ปุ่นผลิตได้ 90% ของการใช้งานทั้งโลก (จุ๊ ๆ) ทำให้ผู้บริหาร Samsung ต้องบินไปง้อญี่ปุ่นถึงที่ เเต่ก็ยังได้รับการปฏิเสธ

ทางออกที่เป็นไปได้ของ Samsung ในตอนนี้ คือการหันไปใช้วัสดุจากไต้หวัน เเต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไต้หวันก็มีเเบรนด์ที่เป็นคู่เเข่งของ Samsung ซะงั้น! เอาไงดีล่ะทีนี้? (ชอบคนขวา)

หลายคนคงจำบรรยากาศฟุตบอลโลกปี 2002 ที่ญี่ปุ่นเเละเกาหลีใต้จับมือกันเป็นเจ้าภาพร่วมกันได้ เเต่เรื่องประวัติศาสตร์มันซับซ้อนกว่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ที่ใคร ทีมัน เป็นร้อยๆปี ถ้าจะตามไปคิดบัญชีก็คงปวดหัวน่าดู  Samsung เป็นเเบรนด์ระดับโลก เเต่ถ้าไม่มีชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นก็คงเจ๊ง ก็คงต้องจับตาดูรัฐบาลเกาหลีใต้ต่อไปว่าจะงัดอะไรขึ้นมาเป็น ‘เครื่องมือ’ ต่อรองกับญี่ปุ่น เอาเป็นว่าหนังชีวิตต้องดูกันยาวๆ

ก็ต้องบอกว่าเกมนี้เกาหลีใต้เป็นฝ่ายขุดคุ้ยขึ้นมาเริ่มก่อน และตอนนี้ก็กลายเป็นเรื่องลำบากใจของเกาหลีใต้แทน แม้ว่าตอนนี้ในเกาหลีใต้มีการรณรงค์ให้ผู้บริโภคเลิกซื้อสินค้าของญี่ปุ่น แต่ดูเหมือนญี่ปุ่นก็คงไม่แคร์

โลกนี้มีทั้ง ‘เหตุผล’ เเละ ‘ความรู้สึก’ ดังนั้นก็คงไม่เเปลกที่หลายๆ คนไม่สามารถเเยกเเยะ ‘เรื่องส่วนตัว’ กับ ‘เรื่องงาน’ ได้

อ้างอิง: Techcrunch, Reuters

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส