(บทความนี้แปลมาจาก Apple Insider)

สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Google เปิดตัวออกมาพร้อมกับราคาที่สูงยิ่งกว่า Apple iPhone 8 Plus แต่หากเทียบเรื่องความเร็วแล้ว กลับพบว่า มันช้ากว่าเกือบครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังไม่มีเลนส์ telephoto, ชาร์จไร้สาย, ไม่สามารถถ่ายวิดีโอ 60fps ความละเอียด 4k ได้ และยังไม่มีฮาร์ดแวร์ที่นำไปต่อยอดในการพัฒนาระบบ AR อีกด้วย

ราคาแพงกว่า iPhone 8 Plus ที่ดีกว่า

Pixel 2XL มาพร้อมความจุ 128GB ในขณะที่ iPhone 8 Plus ที่ให้ความจุ 256GB มีราคาต่ำกว่าถึง 100 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือในรุ่นที่มีความจุเท่ากันคือเวอร์ชัน 64GB ก็สามารถซื้อ iPhone 8 Plus ได้ในราคาที่ถูกกว่าถึง 50 ดอลล่าร์สหรัฐครับ

จริงๆ แล้วการที่ราคาสูงกว่าก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากบริษัทสามารถผลิตสมาร์ทโฟนที่คุณภาพดีกว่าออกมาได้ แต่หากผลิตออกมาแพงกว่า แต่คุณภาพน้อยกว่า ก็แน่นอนว่า ผู้ใช้งานก็ต้องอยากได้รุ่นที่ถูกและดีกว่าอยู่แล้วครับ

หากมอง Apple ในเรื่องของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือคุณภาพของวัสดุและอุปกรณ์ที่ผลิตออกมา เพราะ Apple เป็นบริษัทที่มีเครดิตดีที่สุด

สเปคสูงกว่า ไม่ใช่ต้องดีกว่าเสมอไป

Pixel 2 XL มีแรมขนาด 4GB ในขณะที่ iPhone 8 Plus มาพร้อมกับแรม 3GB ซึ่งหากมองที่ตัวเลขก็จะพบว่า Pixel 2 XL นั้นชนะ iPhone 8 Plus อย่างแน่นอน แต่ในการทดสอบจริง กลับพบว่า iPhone 8 Plus สามารถจัดการความจำในเครื่องได้ดีกว่า โดยการทดสอบพบว่า ระบบ Android นั้นเมื่อเปิดใช้งานซอฟต์แวร์ต่างๆ โดยเฉพาะ “เกม” จะใช้ ram สูงกว่า iOS ถึง 4 เท่าทีเดียว

การทดสอบการเปิดใช้งานแอปฯจากสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงจากค่ายต่างๆ ที่ผ่านมาพบว่า OnePlus 3T ที่มี ram 6 GB สามารถทำได้ดีที่สุด แต่ก็ยังเร็วไม่เท่า iPhone 7 Plus ที่ ram 3 GB เท่านั้น

Pixel 2 XL ยังคงติดอยู่กับ Qualcomm

นอกจากเรื่องระบบการจัดการแล้วยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้ Pixel 2 XL ช้ากว่า iPhone 8 Plus … สิ่งนั้นก็คือ “การยึดติดกับระบบประมวลผลจาก Qualcomm Snapdradon” ครับ

ก่อนหน้านี้ก็จะเห็นแบรนด์อื่นๆ อย่างเช่น Tegra จาก Nividia หรือ OMAP จาก TI ที่ผลิตชิปประมวลผลสำหรับ Android แต่เนื่องจากความไม่แน่นอนของยอดขายสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แต่ละรุ่น ทำให้สุดท้าย ทั้ง 2 แบรนด์ก็ต้องยกเลิกการพัฒนาไป

การทดสอบพบว่า ชิป Apple A11 มีความเร็วกว่า Qualcomm Snapdragon 835 อย่างเห็นได้ชัด โดยการทำงานแกนเดียวเร็วกว่า 118% และการทำงานแบบหลายแกนนั้นเร็วกว่า 64% ตามตารางข้างล่างครับ

จากข้อมูลข้างต้น ทำให้คิดได้ว่า “ราคาของ Pixel 2 XL แพงเกินไป” หลักฐานไม่ใช่แค่เพียง Apple เท่านั้น แต่หากเทียบกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น อย่างเช่น Xiaomi Mi 6 จะเห็นว่า Mi6 ที่มีชิปประมวลผลตัวเดียวกัน และ RAM ขนาดความจุสูงกว่ากลับมีราคาเพียงแค่ครึ่งเดียวของ Google Pixel 2 XL เท่านั้น

กล้องยังไม่เด็ดพอ

ถึงแม้ว่า Pixel 2 XL จะมีกล้องที่เด็ดมากจากคะแนน DxOMark ที่สูงที่สุดในหมู่สมาร์ทโฟน แต่ถึงอย่างนั้น Pixel 2 XL ก็ยังขาดฟีเจอร์ที่น่าสนใจไปหลายอย่าง อย่างเช่นการซูม Optical 2X ซึ่งมีเฉพาะในกลุ่มกล้องคู่เท่านั้น และไม่มี LED Flash สี่ตัวเหมือน iPhone 8 Plus

ปีนี้ Apple ได้พัฒนา iPhone 8 Plus ให้ก้าวกระโดดไปมากกว่าเดิมในส่วนของกล้องคู่ นอกจากจะสร้างการละลายหลังในส่วนของ Portrait mode ได้เนียนขึ้นแล้ว แต่ยังมีโหมด Portrait Lightning ซึ่งช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับรูปภาพอีกด้วย

ในส่วนของการบันทึกวิดีโอ Pixel 2 XL สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 30fps เท่านั้น ในขณะที่ iPhone 8 Plus นั้นสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps แล้ว และ 1080p Slomo ที่ 240fps ในขณะที่ Pixel 2 XL สามารถถ่ายได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ iPhone 8 ยังมีเทคโนโลยีการบีบอัดรูปภาพแบบใหม่ High Efficiency HEVC ถึงแม้ Pixel 2 XL จะมีเทคโนโลยีการบีบอัดแบบใหม่ก็ยังสู้ iPhone ไม่ได้อยู่ดี

ไม่มีฟีเจอร์เจ๋งๆ : Haptic feedback, 3D touch, TrueTone

Google Pixel 2 XL ไม่มีฮาร์ดแวร์ที่มีหน้าที่สำหรับการทำงานในระบบ 3D Touch และ Haptic feedback โดย Pixel มีเพียงแค่ระบบสั่นตามปกติเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะมาสู้กับ TruTone ของ iPhone 8 ที่ใช้เซนเซอร์ตรวจจับแสงสำหรับลูกเล่นในการถ่ายรูป

เนื่องจากทั้ง 3 ฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่สร้างไม่ได้จากฮาร์ดแวร์ปกติ ฉะนั้นจึงไม่มีทางเลยที่ Android จะปล่อยซอฟต์แวร์มาให้อัพเดท แล้วสามารถใช้งานฟีเจอร์ทั้ง 3 อย่างนี้ได้ครับ

อ้างอิง