แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย!! ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ไปถึงที่เกิดเหตุไม่เกิน 5 นาที โดยประมาณ และใช้งานง่ายเพียงปลาย นิ้วสัมผัส ผ่านแอพ Police i lert u ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดได้ทั้ง ระบบ แอนดรอยด์ และระบบไอโอเอส กันแบบฟรีๆ โดยยึดสโลแกนที่ว่า ไปถึงให้เร็ว ให้หนักเป็นเบา และให้เบาเป็นหาย!!

558000006520402

วันที่ 3 มิถุนายน 2558 เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ขึ้นเป็นประธาน ในงาน เปิดโครงการ รับแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้าย ผ่านทางแอพพลิเคชั่น “Police i lert u” พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รองผู้ บัญชาการตำรวจ นครบาล (รอง ผบช.น. ) , นายปรีชา เอกคณากุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา , นายกิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บจก.แอนนี่แวร์ ทู โก เข้าร่วมเปิดโครงการใน งานนี้ด้วย

โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ ได้ทดลองใช้ แอพพลิเคชั่น “Police i lert u” เพื่อใช้เป็น ช่องทางในการรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ของประชาชผ่านสมาร์ทโฟน ของคุณเอง เพื่อเสริมระบบการแจ้งผ่านเหตุร้ายผ่านทาง 191 ซึ่งได้ติดตั้ง ระบบและทดลองใช้ ในพื้นที่รับผิดชอบของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผลการทดลองใช้ประสบผลสำเร็จ เป็นอย่างมาก โดยการใช้แอพลิเคชั่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เพราะ เพียงแค่กดปุ่มเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น สัญญาณเตือนก็จะแจ้งเหตุให้ตำรวจ ตามพื่นที่นั้นๆทราบโดยการไปขึ้นที่โทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่ไกล้เคียงที่กับที่เกิดเหตุมากที่สุด พร้อมทั้งแสดงข้อมูลตำแหน่ง ของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถมาระงับเหตุได้ทันท่วงที โดยแอพลิเคชั่นนี้นั้นได้ทำไว้อย่าง สมบูรณ์แบบแล้ว

พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต กล่าวว่า ในขณะนี้แอพพลิเคชั่น Police i lert u นั้นเปิดให้ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ แอนดรอยด์ และระบบไอโอเอส โดยไม่มีการคิดค่าบริการใดๆทั้งสิ้นเป็นที่เรยบร้อยแล้ว โดยแอพพลิเคชั่นนี้ ประชาชนที่ประสบเหตุด่วนเหตุร้ายในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น สามารถกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจ จุดที่ใกล้กับที่เกิดเหตุนั้นจะเข้าระงับเหตุอย่างรวดเร็ว เพราะแอพพลิเคชั่น Police i lert u จะส่งข้อมูลการแจ้งเหตุทันที ตั้งแต่ ตำแหน่ง (GPS) การกดแจ้งเหตุ โดยที่ผู้แจ้งเหตุไม่ต้องบอกถึงจุดเกิด หากผู้แจ้งมี เวลามากพอที่จะสามารถส่งภาพถ่ายที่เกิดเหตุ และข้อความตัวอักษร เข้ามาทางฟังชั่นแชทพร้อมกับตำแหน่งด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะช่วยให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีรายละเอียดในการช่วยเหลือและระงับเหตุได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ถือเป็น “นครบาลโมเดล” ทั้งนี้ แอพพลิเคชั่น Police i lert u จะเข้ามาเสริมระบบการแจ้งเหตุผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 191 มักจะประสบปัญหาจำนวนคู่สายไม่เพียงพอ ต่อการให้บริการประชาชน การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุ พฤติการณ์ ตลอดจนข้อมูลการ ติดต่อของผู้แจ้งเหตุ จำต้องใช้เวลาในการซักถามพอสมควร และเมื่อ ทราบรายละเอียดของเหตุด่วนเหตุร้ายแล้ว จะต้องส่งถ่ายข้อมูลนั้นๆ ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะเวลาหนึ่ง ทำให้อาจทำให้ความช่วยเหลือ ล่าช้าไม่ทันท่วงที

นอกจากนี้ชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้แจ้งเหตุที่ได้ลงทะเบียน ไว้แล้ว จะไปปรากฏในระบบทันทีอีกส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งจะช่วยลดปัญหา การแจ้งเหตุที่เป็นเท็จ อย่างไรก็ตามหากผู้แจ้งเหตุไม่อยู่ในสถานะ จะให้ข้อมูลใด ๆ ได้ ก็เพียงแค่กดปุ่มแจ้งเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจติดต่อหรือไปยังจุดเกิดเหตุในทันทีเช่นกัน เพื่อรองรับการเปิด ใช้แอพพลิเคชั่น Police i lert u

พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ กล่าวต่อว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จัดฝึกอบรมการใช้แอพพลิเคชั่น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ งานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงทะเบียน และจัดกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงทะเบียนตามสถานีตำรวจตนสังกัด จำนวน 88 สถานีตำรวจ และ 9 กองบังคับการ โดยทันที่ที่มีการแจ้งเหตุเกิดขึ้น ผ่านแอพพลิเคชั่น Police i lert u ตั้งแต่ผู้กำกับการ หัวหน้าสถานีตำรวจ จนถึงสายตรวจที่ออกตรวจตราอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งได้ลงทะเบียนและ อยู่ในกลุ่ม ก็จะได้รับข้อมูลการแจ้งเหตุพร้อมกันทันทีทั้งหมดทุกนาย ส่งผลให้การบริหารจัดการเหตุด่วนเหตุร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกิด ประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก

โดยข้อมูลการแจ้งเหตุดังกล่าวจะถูกส่งไปยังศูนย์วิทยุของสถานี ตำรวจ ศูนย์วิทยุของกองบังคับการ และศูนย์ควบคุมสั่งการของกองบัญชา การตำรวจนครบาลอีกส่วนหนึ่ง เพื่อสนับสนุนและเข้าช่วยเหลือการปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่ที่เข้าระงับเหตุ และควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติด้วย

ในการตั้งศูนย์ควบคุมสั่งการของกองบัญชาการตำรวจนครบาลนั้น ได้รับการสนับสนุน วัสดุอุปกรณ์ จากมูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เนื่องจากได้เล็งเห็นแล้วว่า แอพพลิเคชั่นนี้นั้นจะช่วยให้นักท่องเที่ยวที่ ประสบเหตุร้าย สามารถแจ้งเหตุได้โดยง่าย ลดปัญหาการใช้ภาษา ต่างประเทศที่จะสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปัญหาจากการที่ไม่รู้จัก สถานที่เกิดเหตุได้เป็นอย่างมาก

ด้าน นายกิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น Police i lert u โดยไม่คิดค่าบริการแต่อย่างใด นอกจากตัวแอพพลิเคชั่น ที่มีการปรับเปลี่ยนการใช้งานให้มีความทันสมัยมากขึ้นและใช้งานง่ายแล้ว ระบบการบริหารงานเบื้องหลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการใช้งานของ ประชาชนก็จะง่ายและสะดวกเป็นอย่างมาก

โดยได้จัดอบรมการบริหารงานโปรแกรมนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สถานีตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปแล้วกว่า 20 ครั้ง แต่สำหรับประชาชนผู้ใช้งานทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมีการอบรมแต่อย่างใด

เพราะแอพพลิเคชั่น Police i lert u จะตั้งอยู่บนสถาปัตยกรรมที่ทำงานผ่าน ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ทำให้การแจ้งเหตุ การเก็บข้อมูล และการบริหาร งานทำได้ง่าย ในขณะเดียวกันนั้นระบบก็สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีโอกาสที่ระบบจะล้มเหลวน้อยมาก นอกจากนั้นยังทำให้ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับสามารถรับรู้ข้อมูลเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องรอการรายงานแต่อย่างใด

โดยสำหรับแนวทางการพัฒนาต่อไปนั้น จะมุ่งเน้นในด้านการขยาย พื้นที่ออกไป โดยเริ่มจากการขยายไปยังพื้นที่ปริมณฑล และจะต่อยอด ไปยังเมืองใหญ่ ๆ ที่มีการแจ้งเหตุเป็นจำนวนมาก รวมถึงไปยังพื้นที่ ที่มีความสอดคล้องกับการใช้งานของสมาร์ทโฟน เพราะพื้นที่ดังกล่าว จะมีโครงสร้างสาธารณูปโภคทางด้านอินเทอร์เน็ตรองรับอย่างมั่นคงแล้ว

นายกิตตินันท์ กล่าวเสริมว่า ผู้ประสบเหตุร้ายนั้นจะพบกับเจ้าหน้าที่ ในระยะเวลาไม่เกิน 5 นาที โดยประมาณ นายกิตตินันท์ ได้ยกตัวอย่าง ในกรณีที่ผู้ประสบเหตุไม่สามารถโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ได้ หรือ พื้นที่ของผู้ประสบเหตุมีการเคลื่อนย้าย นายกิตตินันท์ได้บอกว่า ผู้ประสบเหตุสามารถกดปุ่มแจ้งเตือนได้ตลอดเวลาเพื่อเป็นการบ่งบอกถึง พื้นที่เกิดเหตุได้อย่างอย่างต่อเนื่อง นายกิตตินันท์ได้ยืนยันว่า ข้อมูลที่ประชาชนได้ลงทะเบียนนั้นจะไม่มีการรั่วไหลออกไปได้อย่างแน่ นอนเพราะด้วยระบบป้องกันที่ค่อนข้างดีและปลอดภัย และในกรณีที่หากมีผู้แจ้งเตือนเท็จ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจเจอและรู้ว่าเป็น บุคคลใด ทำให้ยากต่อการก่อกวนดังกล่าว

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้า หน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า “ในฐานะภาคส่วนเอกชน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วน สนับสนุนภาครัฐ เพื่อสร้างสรรค์ โครงการดี ๆ อย่าง โครงการ รับแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้าย ผ่านแอพพลิเคชั่น Police– i lert you บน สมาร์ทโฟน เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการส่งเสริมและสนับสนุน ให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยโครงการ นี้เป็นการเพิ่มช่องทางและเพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน ร่วมกับภาครัฐ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นการสร้างความ เชื่อมั่นให้กับประชาชนโดยทั่วไป และผู้มาใช้บริการของเราได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อาจประสบเหตุร้ายได้อีกด้วย โดยสามารถแจ้งเหตุได้โดยง่าย และรวดเร็ว ลดปัญหาการสื่อสารต่างภาษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจาก แอพพลิเคชั่นนี้ตอบสนองทางเลือกด้านภาษาสากล และยังสามารถระบุตำแหน่งพิกัดของผู้แจ้งเหตุด้วยระบบ GPS ที่แม่นยำ อีกด้วย “ซีพีเอ็น รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สนับสนุนโครงการที่ดี เพื่อส่วนรวม และสังคม อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ ซีพีเอ็น ได้ร่วมมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกรุงเทพมหานคร มาแล้ว ในโครงการ “Police Help Me ปุ่มนาทีชีวิต – PUSH FOR LIFE” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ในการสร้างความ มั่นใจด้าน ความปลอดภัยจากประชาชนโดยทั่วไป และผู้มาใช้บริการ ของศูนย์ฯ รวมถึงนักท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันเข้ามาใช้บริการ ในศูนย์ฯของ ซีพีเอ็นเป็นจำนวนมากอีกด้วย